บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 จนทาง

ร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกอิงเสาระเบียงบ้านพลางทอดสายตามองดวงจันทร์ที่กำลังทอแสงอร่ามในคืนเดือนหงายทำให้ชายที่ล่วงเข้าวัยชรามาได้ไม่กี่ปีต้องหยุดมอง ก่อนจะถามขึ้น

“ไร่ของคุณเกื้อเรียบร้อยดีไหม พ่อเห็นรันพาคนเข้าไปดูไร่นั้นหลายวันแล้ว”

ณรัณย์หันกลับไปหาเจ้าของคำพูดทั้งตัว ดวงตาคมที่ถอดแบบมาแทบไม่ผิดเพี้ยนนั้นมองสบประสานกัน ก่อนที่คนสูงวัยกว่าจะถอนหายใจยาวอย่างหนักอก ด้วยพอรู้ระแคะระคายบางเรื่องมาบ้างแล้ว

“คราวนี้จะจัดการยังไงก็ตามใจรันเถอะ พ่อไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

เมื่อท่านมงคลเปิดทางให้ ลูกชายจึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามย้ำ

“ไม่ว่าผมจะทำอะไรกับไร่และคนของไร่นั้นใช่ไหมครับ”

“ถ้ามันเป็นสิทธิ์ของรันในฐานะเจ้าของไร่ พ่อก็จะไม่ยุ่งและจะไม่ขอให้รันทำอะไรให้อีก”

ท่านมงคลรู้ดีว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดจากการซื้อไร่และฟาร์มทำให้ลูกชายคนเล็กต้องตามปัญหาอยู่นั้นมีต้นเหตุมาจากตัวเอง ถ้าเขาไม่ขอให้ณรัณย์ช่วยเจ้าของไร่คนเก่าเพราะเคยมีบุญคุณต่อกัน ลูกชายก็ไม่ต้องเริ่มต้นชีวิตในเมืองไทยด้วยเรื่องชวนหัวเสียแบบนี้

“ขอบคุณครับพ่อ”

แค่มองตา ณรัณย์ก็รู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไร เขาไม่เคยโทษผู้ให้กำเนิด และเขาก็ต้องการให้พ่อสบายใจว่าเขาจะผ่านปัญหาคราวนี้ไปได้

ดวงตาคมโชนแสงกล้าเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำต่อไป จนชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องยกมือขึ้นตบไหล่แล้วพูดกำชับเอาไว้

“พ่อตามใจรัน แล้วแต่รันจะเดินหน้าจัดการงานกับทุกชีวิตในไร่อย่างไร แต่พ่อขออย่างเดียว อย่าให้เกิดเรื่องเสียหายมาถึงครอบครัวเราก็พอ”

ท่านมงคลอ่านใจของลูกชายออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ณรัณย์พร้อมจะเดินหน้าชนกับทุกปัญหาอยู่แล้ว

ความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในตัวลูกชายเป็นสิ่งที่ชายชราพอใจ แต่กระนั้นด้วยความเลือดร้อนของวัยหนุ่มก็ทำให้อดที่จะเตือนสติเอาไว้ก่อนไม่ได้

“ช่วงนี้ฝนตกหนักมากเลยนะป้า ไม่รู้ว่าน้ำจะท่วมมาถึงไร่ของเราหรือเปล่า”

‘ไร่ของเรา’ จากปากของขวัญชนกทำให้ป้ากิ้มอดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ กระนั้นก็ไม่ทักท้วงให้หญิงสาวต้องรู้สึกหดหู่ไปกับตน จึงตอบไปตามเรื่องตามราว

“ปีนี้น้ำคงไม่ท่วมเหมือนปีก่อนๆ แต่ป้าเคยได้ยินว่าเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่สักสามสิบปีก่อน ไร่นี้ก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน เพราะคราวนั้นทั้งฝนตกหนักทั้งน้ำเหนือไหลทะลักลงมา เลยท่วมไปจนทั่วทั้งจังหวัด แต่ตอนนั้นคุณขวัญยังไม่เกิด ป้าก็ยังไม่มาอยู่ที่นี่ เราเลยไม่เห็นของจริงว่ามันหนักหนาสาหัสแค่ไหน”

“ไร่นี้ถือว่ามีทำเลดีเลยนะป้า เสียดายจังที่คุณเกื้อขายไปแล้ว”

ขวัญชนกเปรยต่อ น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกว่าเสียดายตามถ้อยคำ ก่อนจะได้ยินเสียงป้ากิ้มเกริ่นถึงเรื่องใหม่

“ป้ามีเรื่องจะบอกคุณขวัญ”

“มีอะไรหรือคะป้า”

“อีกสองวันลุงกับป้าจะไปชุมพร ตั้งใจจะไปจัดการเรื่องที่ที่จะย้ายไปอยู่ ป้าอยากทำให้มันเรียบร้อยดีไว้ก่อน ถ้าต้องย้ายออกจากไร่นี้อย่างปุบปับ มันจะได้ไม่ฉุกละหุก”

“ลุงกับป้าจะย้ายไปอยู่ที่นั่นแน่แล้วใช่ไหมคะ”

ขวัญชนกช้อนตามอง ส่วนหญิงชราก็ทอดถอนใจ ก่อนนางจะบอกไปอีกทางเพื่อให้หญิงสาวทำใจ

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเราแล้ว ถ้าเราไม่ใช่คนงานของคุณรัน เขาก็ไม่ให้เราอยู่หรอก”

ป้ากิ้มเข้าใจความรู้สึกของขวัญชนก หญิงสาวเกิดและโตในไร่แห่งนี้ จึงย่อมรักและผูกพันกับไร่เป็นธรรมดา แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อไร่ไม่ใช่ของคุณเกื้อแล้ว ขวัญชนกก็ต้องตัดใจจากมัน ซึ่งป้ากิ้มเห็นว่าหญิงสาวตัดใจได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี...เพราะหล่อนไม่ควรอยู่ในไร่นี้นานเกินไป

“แล้วเงินเดือนที่ตกค้างของคุณขวัญล่ะ เป็นยังไงบ้าง มีวี่แววว่าจะได้เมื่อไร”

“ยังไม่รู้เลยค่ะป้า ขวัญแอบถามจากคนอื่นในแผนก บางคนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนของเดือนก่อนเหมือนกัน แต่ของขวัญมันแย่กว่าคนอื่นตรงที่ค้างอยู่สองเดือนแล้วนี่แหละ”

“บริษัทมีปัญหาแล้วล่ะมั้ง”

“นั่นสิ” ขวัญชนกเริ่มคล้อยตาม หากเรียวคิ้วสวยก็ขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงบางสิ่ง “แต่ออร์เดอร์น้ำมันมะพร้าวก็ยังมีเข้ามานะป้า โรงงานยังผลิตเหมือนเดิม สัปดาห์ก่อนลูกค้าที่บาหลียังสั่งซื้อเข้ามาตั้งหลายล้านบาท แต่ทำไมบริษัทยังไม่จ่ายเงินเดือนพวกเราก็ไม่รู้”

“แล้วพนักงานคนอื่นไม่ทวงกันหรือ”

“เขาบอกว่าบางเดือนก็จ่ายช้าอยู่แล้ว เขาก็เลยชิน และเขาเชื่อว่ายังไงบริษัทก็ต้องจ่าย ขวัญเลยไม่กล้าทวงค่ะ”

“บริษัทเอาเปรียบพนักงานชัดๆ ทำอย่างนี้มันน่าจะผิดกฎหมายแรงงานด้วยนะ”

ป้ากิ้มส่ายหน้า แล้วพานนึกถึงอดีตนายจ้าง

เรื่องนี้ถือเป็นความดีความชอบของคุณเกื้อได้ไหมที่ไม่เคยจ่ายค่าแรงคนงานช้าสักที...แต่ถ้ามองอีกมุม มันก็เป็นหน้าที่ของนายจ้างที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว โรงงานของคุณขวัญชักทะแม่งๆ เสียแล้วล่ะมั้ง

“ถ้างานที่นี่มันไม่ดีขึ้น คุณขวัญจะย้ายไปอยู่กับป้าที่ชุมพรเลยหรือเปล่าล่ะ”

“ขวัญ...เกรงใจป้า”

หล่อนไม่ได้เป็นญาติของป้ากิ้มและลุงทิว แค่สองสามีภรรยาเลี้ยงหล่อนมาตั้งแต่แบเบาะ โดยที่ขวัญชนกมารู้ตอนหลังว่าคนทั้งคู่ไม่เคยได้รับค่าจ้างส่วนนี้จากคุณเกื้อ ทั้งสองคนเลี้ยงดูหล่อนด้วยใจเมตตาเท่านั้น แค่นี้ขวัญชนกก็ซาบซึ้งบุญคุณจนนึกแต่อยากจะตอบแทนอยู่ทุกวินาที ดังนั้นการทำตัวเองให้เป็นภาระของคนทั้งคู่จึงย่อมเป็นสิ่งสุดท้ายที่หญิงสาวจะทำ

“ถ้าย้ายไปชุมพรด้วยกัน ขวัญก็ต้องพึ่งพาป้าอยู่ดีนั่นแหละค่ะ ขวัญอยากยืนด้วยตัวเองให้ได้ก่อน เพื่อว่าในอนาคตขวัญจะได้ทดแทนบุญคุณของลุงกับป้าได้”

“โอ๊ย! จะพูดถึงบุญคงบุญคุณไปทำไม เราก็อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว ดูแลกันมาตั้งนานแล้ว มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของลุงกับป้า และที่สำคัญ ลุงกับป้าก็อยู่ภายใต้ชายคาของคุณเกื้ออยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงคุณเกื้อก็เป็นพ่อของคุณขวัญ หลังคาคุ้มแดดคุ้มฝนและข้าวแดงแกงร้อนก็มาจากคุณเกื้อ ไม่ใช่ลุงกับป้าไปสรรหามาเองสักหน่อย”

หญิงชราโบกไม้โบกมือปฏิเสธว่อนจนกระบอกตาของหญิงสาวร้อนผ่าว น้ำใสๆ รื้นขึ้นมาในหน่วยตา ก่อนหล่อนจะโผเข้ากอดร่างท้วมที่อบอุ่น แล้วซุกใบหน้ากับต้นแขนของนาง

“ขวัญรักป้ากิ้มจังเลย ป้ากิ้มเป็นแม่ของขวัญ ขวัญสัญญาว่าจะพยายามดูแลตัวเองให้ได้ แล้วต่อไปขวัญก็จะดูแลแม่คนนี้ รวมถึงลุงทิวด้วย”

“ป้าก็รักคุณขวัญนะลูก ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ป้าไม่เคยนึกว่าคุณขวัญเป็นคนอื่นคนไกล” ป้ากิ้มลูบเรือนผมยาวของหญิงสาวที่ตนเลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออก ก่อนจะบอกเสียงเบาลง “ป้ากับลุงไปชุมพรสักสัปดาห์ แล้วจะกลับมาใหม่ ระหว่างนี้คุณขวัญก็กลับบ้านแต่วัน แล้วอย่าออกไปไหนค่ำๆ มืดๆ เพราะคนงานของคุณรันเริ่มเข้ามาอยู่ที่บ้านพักคนงานแล้ว”

ขวัญชนกรับรู้ถึงความห่วงใย ขณะเดียวกันหล่อนก็รู้สึกใจหาย

เมื่อคนงานในไร่ซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาจากไปทีละคนสองคน ขวัญชนกยังพอทำใจได้ เพราะเข้าใจถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่พอถึงคราวที่ป้ากิ้มกับลุงทิวจะออกจากไร่ไปบ้าง พลันหล่อนก็เกิดความรู้สึกเหมือนต้องจากกันไกล...ไม่ใช่คนทั้งคู่เดินทางไปชุมพรแค่สัปดาห์เดียว

ทว่าสองวันถัดจากนั้นก็เป็นวันที่ขวัญชนกไม่อยากให้มาถึง

สัมภาระของลุงทิวกับป้ากิ้มถูกขนไปวางท้ายรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันสีน้ำเงินซึ่งเป็นพาหนะส่วนตัวของคนทั้งคู่ และรถคันนี้ก็เคยรับส่งหล่อนไปโรงเรียนหลายครั้งแล้วเช่นกัน

“สงสัยวันนี้ฝนจะเทลงมาตั้งแต่เช้าเสียล่ะมั้ง”

ป้ากิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเจือความกังวลเมื่อมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มแม้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว เมฆหนาเคลื่อนมาปกคลุมจนไม่เห็นแสงอาทิตย์ ขณะที่ลุงทิวกำลังใช้ผ้ายางคลุมท้ายรถกระบะเพื่อป้องกันข้าวของปลิวหล่นระหว่างทาง อีกทั้งยังช่วยป้องกันสายฝนที่อาจเทลงมาด้วย

ป้ากิ้มหันไปมองขวัญชนกที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาช่วยขนของให้นาง

“ถ้าฝนตก คุณขวัญก็โทร.ไปลางานนะ อย่าขี่รถลุยฝนออกไปเชียว เมื่อเช้าลุงเขาไปดูเส้นทางเข้าเมือง เห็นว่าน้ำในคลองขึ้นสูงจนปริ่มตลิ่งแล้ว แถมทางชลประทานก็จะเปิดประตูน้ำเพื่อระบายน้ำเข้ามาทางนี้ด้วย เพราะอั้นน้ำจากแม่น้ำที่ดันเข้ามาไม่ไหว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel