บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 เจ้าหนี้

รถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้าชะลอความเร็วแล้วหลบเข้าข้างทางเมื่อรถกระบะคันสีน้ำตาลแล่นสวนเข้ามาตามถนนดินบดที่พาดผ่านกลางไร่อ้อยซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมกว่าหนึ่งร้อยไร่

ขวัญชนกหันมองตามด้วยความอยากรู้ว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใคร แต่ฟิล์มดำมืดสนิททำให้หล่อนมองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างใน

“ใครกัน? เข้ามาในไร่ตั้งแต่เช้า...หรือจะเป็นคนของคุณรันเจ้าของไร่คนใหม่”

แม้ไร่แห่งนี้จะเคยเป็นของคุณเกื้อ แต่ที่ผ่านมาขวัญชนกอยู่ในฐานะคนอาศัยมาตลอด หล่อนไม่เคยเรียกร้องสิทธิ์ในการเป็นลูกสาวจากเขาเลยสักครั้ง

เมื่อถึงวันนี้ที่ไร่ถูกเปลี่ยนมือ การจะมีใครเข้ามาหรือออกไปจากไร่ หล่อนก็ไม่รู้ความเป็นไปเหมือนอย่างที่แล้วมาอีก

ขวัญชนกอยู่ในฐานะคนอาศัยเต็มตัว ถ้ามีเรื่องที่เกี่ยวพันมาถึงหล่อน จึงมักเป็นหน้าที่ของป้ากิ้มที่จะบอกหล่อนด้วยตัวเอง

หากเมื่อมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเข้างานแล้ว หญิงสาวจึงละความสนใจจากรถกระบะคันนั้น แล้วขี่รถมอเตอร์ไซค์ต่อไปยังโรงงานผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่หล่อนเข้าไปทำงานในหน้าที่พนักงานฝ่ายการตลาดเมื่อเกือบสองเดือนก่อน...โดยทิ้งความสงสัยและความอยากรู้ว่าคนในรถเป็นใครไว้ข้างหลัง

ดวงตาคมหลังแว่นตากันแดดทอดมองตามแผ่นหลังบางของคนที่นั่งตัวตรงบนรถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้า จนรถแล่นลับหายไปจากสายตา เขาจึงหันกลับมาแล้วเปรยถามขึ้น

“คนงานในไร่หรือ”

“ผู้หญิงคนเมื่อกี้หรือครับ”

คนที่ทำหน้าที่ขับรถถามย้ำ ทั้งที่รู้แก่ใจว่าคนถามหมายถึงใคร ต่อเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบรับ เขาจึงเป็นฝ่ายเฉลยขึ้นมาเอง

“คุณขวัญเป็นลูกสาวของคุณเกื้อครับ”

“ลูกสาวของคุณเกื้อ? แล้วทำไมถึงยังอยู่ในไร่”

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รู้นั้นสร้างความประหลาดใจให้กับชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งคู่คนขับอยู่ไม่น้อย จนเขาถึงกับอุทานถามออกมา

“คุณขวัญเกิดจากเมียเก็บที่เคยเป็นคนงานในไร่น่ะครับ คุณเกื้อคงไม่อยากพาไปด้วย เพราะแกย้ายครอบครัวไปอยู่กับฝั่งของคุณหวาน ถ้าพาคุณขวัญไปด้วยก็คงขวางหูขวางตาคุณหวาน รวมถึงญาติฝ่ายเมียเสียเปล่าๆ”

“แล้วเธออยู่ยังไง คนงานก็ออกเกือบหมดแล้วไม่ใช่หรือ เข้ามาในไร่นี้แต่ละที บรรยากาศเงียบยังกับป่าช้า แถมสภาพบ้านก็เหมือนบ้านร้าง”

“คุณขวัญไม่ได้อยู่กับคุณเกื้อที่บ้านใหญ่ เธออยู่กับป้ากิ้มที่เป็นคนงานในบ้าน ป้ากิ้มกับลุงทิวดูแลคุณขวัญตั้งแต่แบเบาะ ตอนนี้สองลุงป้าก็ยังอยู่ในไร่ แต่ผมเลียบเคียงถามมาแล้ว เห็นว่าจะย้ายไปอยู่ที่ชุมพรบ้านเดิมของแก ว่าก็ว่าเถอะ สภาพความเป็นอยู่ของคุณขวัญก็ไม่เหมือนลูกสาวเจ้าของไร่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถึงตอนนี้คงไม่มีใครสนใจความเป็นไปของเธอนักหรอก”

ดวงตาคมเบิกโตขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องราวแสนประหลาด ทั้งที่ไร่ของพ่อเขาอยู่ใกล้กัน ตัวเขาเองก็แวะเวียนมาบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้ระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน

“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในไร่นี้มาตั้งแต่เกิดเลยหรือ”

“ครับ ผมคิดว่าคุณขวัญไม่เคยออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ นอกจากไปเรียนหนังสือในตัวเมืองและไปทำงาน”

“เธอทำงานที่ไหน”

“โรงงานของเสี่ยสมพงษ์ครับ”

“ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นะสิ”

“ใช่ครับ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าต้องออกจากไร่ คุณขวัญจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ญาติพี่น้องก็ไม่มี แม่ของเธอทิ้งไปตั้งนานแล้ว ส่วนฝั่งพ่อก็ไม่มีใครเอา เพราะแม่ของคุณขวัญทำไว้เจ็บแสบเชียวครับ”

“เขาทำอะไรหรือ”

“คุณเกื้อคบกับคุณหวานมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนเป็นคู่หมั้นกัน ส่วนแม่ของคุณขวัญเป็นคนงานในไร่ แต่คงอยากขยับฐานะจากคนงานไปเป็นคุณนาย สุดท้ายเธอก็ตั้งท้องสมใจ พอคลอดลูกออกมาก็อุตส่าห์ตั้งชื่อว่าขวัญชนก ขวัญใจของพ่อ ความหมายมันคงแทงใจคุณหวาน ตอนนั้นคุณหวานถึงคิดจะเลิกกับคุณเกื้อให้ได้ จนคุณเกื้อต้องไล่เมียคนงานออกจากไร่แล้วยอมรับเลี้ยงแต่ลูกสาวเอาไว้ ต้องทำขนาดนี้คุณหวานถึงยอมกลับมาคืนดี หลังจากนั้นคุณเกื้อกับคุณหวานก็แต่งงานกัน จนมีลูกชายหญิงสองคน ตอนนี้ลูกๆ ของพวกเขาก็เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ครับ”

“แล้วเมียคนงานไร่ไปไหนเสียล่ะ”

“แม่ของคุณขวัญตัดขาดจากคุณเกื้อตั้งแต่ถูกไล่ออกจากไร่แล้วครับ ตอนนั้นมีเรื่องมีราวจนจบแบบไม่สวย จากนั้นไม่นานเธอก็แต่งงานกับฝรั่งแถบยุโรป เลยย้ายไปอยู่กับสามีที่โน่น เห็นว่าความเป็นอยู่ดีทีเดียว แต่ยังไงก็ไม่รู้สิ ถึงไม่ยอมกลับมาดูดำดูดีลูกสาวทางนี้ ทิ้งหายกันไปเลย ป่านนี้สองแม่ลูกคงกลายเป็นคนแปลกหน้ากันไปแล้ว”

“น่าสมเพชดีนะ”

“ถ้าหมายถึงรุ่นผู้ใหญ่ก็คงใช่ครับ แต่สำหรับคุณขวัญ ผมว่าน่าเวทนามากกว่า ใครจะอยากเกิดมาในสภาพอย่างนี้กันล่ะครับ”

“แล้วเธอไม่มีผัวหรือไง ถึงยังอยู่ในไร่กับลุงป้า”

“แหม! ของพวกนี้จะรีบมีไปทำไมล่ะครับ คุณขวัญเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอตั้งใจดี เรียนแบบทางไกล แล้วจบเร็วเสียด้วย อายุก็ไล่ๆ กับหลานสาวของผมนี่แหละ แต่หลานสาวผมเพิ่งขึ้นปีสาม ส่วนคุณขวัญรับปริญญาไปเมื่อไม่นานนี้แล้วเอง”

เมื่อคนสนิทของพ่อเล่าจบ รถก็แล่นมาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่แต่เงียบสงัดพอดี แม้จะอยากรู้เรื่องราวต่อ แต่ณรัณย์ก็ไม่ได้แสดงออกมากไปกว่านี้

จนกระทั่งรถกระบะจอดนิ่งสนิท เขาก็เปิดประตูรถก้าวลงมา พอเห็นผู้ชายสองคนที่นัดกันไว้ยืนรออยู่ ชายหนุ่มจึงเดินตรงไปหาเพื่อจะคุยธุระสำคัญ

ตะวันเคลื่อนคล้อยจากช่วงเช้าไปจนใกล้ถึงเวลาเย็น ชายฉกรรจ์ 6-7 คนยังคงสำรวจทั่วบ้านหลังใหญ่ที่คุณเกื้อและครอบครัวเคยพักอาศัย ป้ากิ้มออกมาชะเง้อดูอยู่หลายครั้งด้วยความเคยชินว่าที่แห่งนี้เป็นของเจ้านายเก่า เมื่อมีใครที่นางไม่รู้จักมาป้วนเปี้ยนอยู่ทั้งวัน จึงอดที่จะมาเฝ้าสังเกตไม่ได้

ชายร่างสูงใหญ่ผิวค่อนข้างขาวที่กำลังยืนออกคำสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดคนนั้นคงเป็นคุณรัน ลูกชายคนเล็กของท่านมงคล ท่านเคยเป็นข้าราชการใหญ่ที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้ดี ท่านเพิ่งเกษียณราชการในตำแหน่งอธิบดีของกรมหนึ่งมาได้ปีกว่า ตอนงานเลี้ยงเกษียณราชการที่จัดขึ้นในบ้านไร่ของท่านซึ่งมีเขตที่ดินติดกัน ป้ากิ้มยังจำได้ว่าคุณเกื้อกับคุณหวานก็ไปร่วมงานด้วย

หากจะมองจากสายตาของหญิงชรา เหมือนว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นมันช่างขัดแย้งจนเกิดคำถามขึ้นมาในหัวใจ

ทำไมลูกชายของท่านต้องทำเหมือนกำลังยึดบ้านของคุณเกื้อ ถ้าซื้อขายกันแล้ว บ้านและไร่ก็เป็นของเขา ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดีกว่ามาทำท่าเหมือนเป็นศัตรูกัน ท่านมงคลก็ดูท่าทางใจดี แต่ทำไมลูกชายถึงไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย

หญิงชราถอนหายใจแล้วทำท่าจะผละกลับไปยังบ้านพักของตัวเอง แต่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นหูดังแทรกเข้ามาเสียก่อน นางจึงหยุดฝีเท้าแล้วเบือนหน้าไปมอง พลันดวงตาที่ทอความอ่อนระอาเมื่อครู่ก็อ่อนแสงลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel