ตอนที่4 แผนร้าย
เมื่อริสาเดินยอมกลับออกไป ก้องภพก็เดินไปนั่งตรงข้ามทีน
“ ว่าไง ทีน “
“ เรื่องที่นายให้ฉันไปดักล่อรัชไกร สำเร็จแล้วนะเหยื่อติดง่ายกว่าที่คิด “
“ แล้วเป็นไงบ้าง “
“ เมื่อคืนเสียไปเกือบสี่ล้าน เล่นหนักมาก ใจใหญ่และก็ฝือมือไม่ใช่เล่น นี่ถ้าไม่ใช้แผน ไม่มีวันที่มันจะติดหนี้เราง่ายๆ “
“ เป็นหนี้เราเท่าไหร่แล้ว “
“ สามวันติด ยอดก็สิบล้าน “
“ ดี ! เอาให้มันไม่มีทางจะหาเงินมาชดใช้เราเลย หุ้นที่มันถืออยู่จะได้เป็นของเรา บริษัทผลิตอัญมณีเล็กๆจะไปทานทนกับมหาอำนาญเช่น ดับบลิวเคพี ได้อย่างไง “ รอยยิ้มเยียดพร้อมกับแววตาอันเจ้าเล่ห์นั้น ทีมมองแค่ครั้งเดียวก็รู้ได้เลยว่า เพื่อนของเขาต้องมีแผนที่แยบยลอยู่ในใจ
กลิ่นและควันของบุหรี่ขลุงกระจายไปทั่วห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้เป็นร้อยๆส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาแสวงหาโชคจากการวัดดวง
“ ไพ่อะไรวะเนี่ย”
รัชไกรฟาดไพ่พลาสติกสองใบลงบนโต๊ะด้วยความโมโหก่อนก้มหน้าลงมองเงินที่อยู่ในมืออย่าหงุดหงิด
“เหลือสามร้อย”
ใบหน้าของรัชไกรดำคล้ำ หลายชั่วโมงกับการเคร่งเครียดเงินสดในมือหนึ่งแสนที่พกติดตัวมาหมดไปแล้วเขายังไม่รู้จะหาทุนจากที่ไหนมาเล่นต่อแล้วจู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมาในสมอง
“ พี่โต้ง..... ผมมีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อย”
โต้งผู้คุมสถานบันเทิงในคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้เงยหน้ามองชายหนุ่ม รัชไกรรีบล้วงกุญแจรถเก่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์เป็นเชิงบอกอีกฝ่ายว่าต้องการอะไร และพอโต้งขยับตัว รัชไกรก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ พอมีคนจะมานั่งแทนที่เขาก็เลยรีบเอ่ยขึ้น
“ พี่เดี๋ยวผมมา “
นักพนันคนอื่นๆเห็นใบหน้าคล้ำฟังของชายหนุ่มก็เดาได้เลยว่าคงเสียไปมาก เป็นใครก็อยากได้คืนจึงเอ่ย
“ เออ......เอ็งมาเมื่อไหร่ข้าจะลุกให้แล้วกัน”
รับไกรยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดความมันบนหน้าผากขณะเดินตามหลังนักเลงคุมบ่อนขึ้นไปยังชั้นสองกระทั่งหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่งและพอประตูเปิดเข้าไปนั้น
โต้งก็เอ่ยขึ้น
“ คุณพอลครับ มีคนมาวางของ”
ใบหน้าขาวหล่อเหล่าดูเย็นชาดวงตาคมกริบดุดใบมีดตวัดขึ้นมองผู้มาใหม่ รัชไกรถึงกับกลั้นลมหายใจแขนขาจู่ๆก็สั่นเทาใจเต้นตุ้มๆต่อมก่อนเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของก้องภพอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ นั่งสิ”
โต้งพยักหน้าให้ผู้ที่ตามมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้ารัชไกรพาขาสั่นของตัวเองเดินเข้าไปนั่งอย่างสงบเสงี่ยมแล้วรีบวางกุญแจรถลงบนโต๊ะทำงานของก้องภพ
“ ผมต้องการวางของ”. ก้องภพหลุบสายตามองกุญแจรถหรู แล้วสบตาชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปี
“ รถ?”
“ ใช่ครับ มินิรุ่นใหม่เลยนะครับ”
“ ของนายรึเปล่า” รัชไกรหน้าถอดสีที่ถูกถามเขารู้ตัวดีว่ารถคันงามนี้เขายืมพี่สาวมา ด้วยต้องการขับมาอวดสาวๆ ก็รถสปอร์ตของเขาดันไปชนท้ายเข้าให้จึงต้องเข้าศูนย์ซ่อมอีกยาว
“ ไม่ใช่ของผมครับ ของพี่สาว”
ก้องภพพิงหลังไปกับพนักเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ สายตาคมกริบเย็นชาจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา จนผู้ที่ถูกมองเกิดอาการกระสับกระส่ายไม่กล้าสบสายตา ในที่สุดเสียงทุ้มห้าวก็เอ่ยขึ้น
“ เอาล่ะ นายต้องการเท่าไหร่”
รับไกร ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อจะได้เงินไปต่อทุน
“ หนึ่งล้าน”
“ ได้”
ก้องภพตอบโดยไม่ต้องคิดเพียงเขาดีดนิ้วทีเดียวคนของเขาก็หยิบสัญญาเงินกู้ออกมาจากตู้เอกสาร รัชไกรสายตาอ่านสัญญาเงินกู้อยู่ชั่วอึดใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรก็รีบจรดปากกาเซ็นชื่อและพอวางปากกาลงเท่านั้นเสียงของโต้งก็ดังขึ้นพร้อมกับการแบมือ
“ บัตรประชาชน” เมื่อเงินอยู่ในมือ รัชไกรก็เริ่มมีความหวังที่จะได้เงินคืนมาบ้างเขาลุกขึ้นยืนขณะที่สายตามองใบหน้าหล่อเหลาเรียบสนิทของก้องภพ
“ ถ้าผมได้คืนผมจะมาไถ่นะครับ”
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสีเมื่อแสงแรกของอรุณสาดส่อง รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างฟุตบาทหน้าคอนโดหรู รัชไกรลงจากรถแท็กซี่ด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงและในขณะที่กำลังผ่านป้อมยาม
“ รถไปไหนครับ”พนักงานรักษาความปลอดภัยถามขึ้น
รัชไกรหยุดเดินพอคิดถึงเรื่องรถแล้วก็ต้องยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากเงินสดในมือหนึ่งล้านบาทที่เพิ่งจะได้จากการเอารถคันหรูของพี่สาวไปวางไว้ในการเล่นพนันครั้งนี้ เขาเสียไปได้ยังไงคิดแล้วรัชไกรก็กลุ้ม อยากจะหาอะไรทุบหัวของตัวเองนัก ถ้าพี่สาวของเขารู้เข้า เขาคงโดนฆ่าแน่ๆ โอ้ย.....อยากจะบ้าตายผีพนันตนใดมันมาสิงอยู่ในตัวเขานะ
“ รถมีปัญหานะ เครื่องรวนจอดอยู่ที่ศูนย์รถ “
รัชไกรจำต้องโกหกแล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าตัวตึกพออยู่คนเดียวในลิฟเสียงห้าวที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มก็ดังขึ้น
“ ทำไงดีว่ะ พี่พริมฆ่ากูแน่”
สองมือของชายหนุ่มทึ้งผมของตัวเองอย่างแรงคิดไม่ตกไม่รู้จะเอาเงินจากไหนไปไถ่รถและจ่ายหนี้ที่เหลือและถ้าพี่สาวของเขารู้เรื่องเขาโดนฆ่าแน่ๆ
“ โอ๊ย......อยากจะบ้า! ทำยังไงดีว่ะ ทำยังไงดี “
พอประตูลิฟท์เปิดออกชายหนุ่มก็เยี่ยมหน้าออกไปมองทาง ด้วยสายตาหวาดหวั่น เขาไม่กล้าออกไปจากลิฟท์กระทั่งประตูลิฟท์จะปิดลงเขาจึงกระโดดออกไปเสียงไขประตูทำให้ใบหน้าเนียนไร้สิวฝ้า ปลายจมูกโด่งรั้นดวงตาคมกริบที่กำลังมองถ้วยกาแฟของตัวเองเงยขึ้นมองผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาในห้อง รัชไกรหยุดชะงักอยู่หน้าประตูทันทีที่เห็นพี่สาวหัวใจเต้นตูมตามก่อนจะถามอีกฝ่ายอย่างตะกุกตะกัก
“ พะ.....พี่พริมมาได้ไงวันนี้ไม่เข้าออฟฟิศเหรอ”
พิมพ์มาดาวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ สีหน้าดุดัน ดวงตาคมกริบมองหน้าน้องชายเขม็ง ก่อนจะถามเสียงห้วน
“ หายหัวไปไหนมา ก็สามวันมานี้แกไม่กลับบ้านที่บริษัทก็ไม่เข้า แม่เป็นห่วงเพราะโทรหาแกไม่ติด พี่ก็เลยต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าแกอยู่ที่คอนโดไม่ใช่แรดไปนอนที่บ้านสาวคนไหน”
“ ผมก็เที่ยวไปเรื่อย พี่ก็รู้ “ รัชไกรตอบปัดขณะหาทางหนีทีไล่
“ แล้วแกไม่เข้าบริษัทรึไงวันนี้ “
อีกฝ่ายเริ่มสวดน้องชายตัวดี ที่เริ่มทำตัวเกเรมากขึ้นทุกวัน
“ ไปสิพี่ ไม่ไปได้ยังไงเล่า ป่านนี้ลูกน้องคงถามหาท่านรองประธาน”
“ แล้วแก จะเข้าประชุมไหวเหรอ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน หน้าตาดำปี๋เชียว”
“ ผมร้อน ผมไปอาบน้ำดีกว่า”
พิมพ์มาดามองตามหลังน้องชายตาเขียว ริมฝีปากขมุบขมิบขยับบ่นอยู่คนเดียวแล้วก็ยกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก รอเวลาออกไปทำงาน
รัชไกรใช้เวลาในห้องน้ำนานผิดปกติเพราะตั้งใจจะถ่วงเวลาเพื่อหาทางออกว่าจะเอายังไงต่อไปดีเสียงเปิดปิดประตูข้างนอกดังขึ้นทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงัก
“ พาย! “.
เสียงของพิมพ์มาดาดังอยู่หน้าประตู ผู้ที่ถูกเรียกยืนตัวแข็งอยู่ใต้สายน้ำ สีหน้าดูลุกลี้ลุกลนใจเต้นโครมๆด้วยความกลัวก่อนจะตะโกนตอบ
“ คะ...ครับ” ได้โปรดเถอะอย่าถามถึงรถเลย.... รัชไกรคิดในใจ
“ กุญแจ รถอยู่ไหน พี่หาไม่เจอ “
รัชไกรทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ เอายังไงละว่ะทีนี้ จะตอบยังไงดีเนี่ย
“ พี่เมื่อคืนเมาหนักไปหน่อย ขับไปชนสีกับฟุตบาทมา แต่พี่ไม่ต้องงเป็นห่วงผมส่งเข้าศูนย์ไปแล้ว”
พิมพ์มาดาได้ยินเข้าก็เกิดโมโห เมื่อกี้ตอนเข้ามา ทำไมไม่ยอมบอกเธอ
“ แก เอารถไปชนเหรอ”
“ ครับ”
“ แล้วทำไมแกไม่บอกพี่ ถ้าพี่ไม่ถามหารถ แกจะบอกพี่มั้ย “
“ บอกสิพี่”
“ อ๋อ ......บอกของแก บอกตอนฉันถามหารถเนี่ยนะ”. ทั้งสองโต้ตอบผ่านประตูห้องน้ำ จนในที่สุดพิมพ์มาดาก็ต้องโทรให้เลขาเอารถที่บริษัทมารับเธอไปประชุมแทนที่จะขับรถไปเองด้วยความโมโหน้องชายสุดฤทธิ์ฤทธิ์ พอเหลือตัวคนเดียวในห้อง รัชไกรก็รีบออกมาแต่งตัวคว้าเสื้อผ้าบางตัวยัดใส่กระเป๋าสะพายหอบข้าวหอบของออกมาไว้ข้างนอกสายตามองกระเป๋าสตางค์ของพิมพ์มาดาเขม็ง เขาไม่มีเงินในมือเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้........คิดแล้วมือใหญ่ก็ยกมือขึ้นเปิดกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อแบรนด์หรูที่พิมพ์มาดาลืมวางเอาไว้