บางอย่างที่อธิบายไม่ได้เกี่ยวกับญาดา
จาคอปเห็นรติกาลตกใจสะดุ้งโหยงกับการได้เจอตนที่ยืนอยู่หน้าห้องอย่างกะทันหันชายหนุ่มยิ้มกว้างดีใจเมื่อเห็นรติกาลมีอาการเช่นนั้น
“ไหนๆ ขอดูหน่อย” จาคอปพูดเย้าแหย่รติกาลจะเดินเข้าด้านในแบบไม่ได้รับคำเชิญจากเจ้าของห้อง
“คอปเตอร์ นายมาได้ไงเนี่ย” รติกาลถามเขาด้วยความแปลกใจ
“ก็มาแล้วนี่ไง” จาคอปพูดในขณะที่พยายามจะเดินเข้าไปด้านในห้องพักให้ได้
“ไหนล่ะไอ้เกลอแฟนนายไหนๆ ขอดูให้ชัดๆ หน่อยสิพวก”
“ฮึ่ย อย่าเข้ามานะเว่ย” รติกาลดันอกเขาออก
“อย่าหวงเลยน่าแค่ขอดูเฉยๆ”
เขาพูดจะเข้าห้องท่าเดียวสองพี่น้องดันกันไปมาคนหนึ่งจะเข้า คนหนึ่งขวางเอาไว้ ฝ่ายหนึ่งมุดฝ่ายหนึ่งผลัก
“ฮึ่ย คอปเตอร์หยุดนะเว่ย อย่าเข้ามา”
จาคอปที่กำลังดันพี่ชายเขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เขารู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่เป็นเด็กที่ได้แกล้งพี่ชายบุญธรรมแบบนี้อยู่บ่อยๆ
“ใครมาเหรอคะ” จาคอปได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่ในห้องถาม
“อ่ะเอ่อ เปล่าครับไม่ต้องออกมาครับเดี๋ยวไอ้หื่นนี่มันแต๊ะอั๋งด้วยสายตาครับ” รติกาลแกล้งจาคอปกลับแบบที่เคยแกล้ง
“ห๊า เอ่อ” เธอลังเล
“ไม่ต้องออกมาครับญาดา” รติกาลพูด
“ญาดางั้นเหรอชื่อน่ารักดีนี่ไหนๆ”
จาคอปกล่าวเขาจะมุดลอดแขนรติกาลให้ได้ แต่จาคอปก็ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะรติกาลว่องไวกว่าและถูกพี่ชายใช้มือขวาจับหน้าผากดันออก
“คุณไม่เป็นอะไรแน่เหรอคะ” จาคอปได้ยินเสียงเธอถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ครับที่รัก” รติกาลตอบเธอ
เมื่อจาคอปได้ยินพี่บุญธรรมตอบออกไปดังนั้น เขาก็แกล้งหยิกสีข้างของรติกาลเพื่อล่อให้หญิงสาวเป็นห่วงแล้วเดินออกมา
“โอ๊ย” รติกาลร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดเพราะโดนจาคอปหยิก
“เกิดอะไรขึ้นคะ” เสียงหญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง
“อยู่นิ่งๆ ครับญาดาไม่มีอะไรครับเดี๋ยวผมมา”
รติกาลบอกเธอแล้วหันมามองหน้าจาคอปเขาใช้กำลังปีศาจผลักดันจาคอปออก จาคอปถึงกับผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
“โหวววว คุณพระ!!” จาคอปอุทานต่อด้วยการตัดพ้อ
“ทำไมรุนแรงกับน้องชายเยี่ยงนี้ล่ะครับไอ้เกลอ”
“อย่าเสียงดัง ชู่ว” รติกาลปราม
“เออก็ได้” จาคอปเค้นเสียงตะโกนลงในลำคอแบบหงุดหงิด
“เอองี้หน่อย นายมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“เมื่อวาน”
จาคอปเอ่ยซุ่มเสียงแหบพร่าทำเอารติกาลกลอกตามองบนก่อนบอกน้องชายบุญธรรมด้วยสีหน้าสุดเซ็งเมื่อเห็นเขากระซิบกระซาบ
“โธ่ ไอ้บ้าเอ๊ยพูดปกติก็ได้”
“อ้าวเหรอ” สองคนดูเด๋อด๋าก่อนคนน้องจะเอ่ยขึ้น
“มากอดหน่อยพวก” จาคอปอ้าแขนของเขาออกแล้วรติกาลก็เดินเข้าสวมกอดเขาหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน
“นายเจอเธอได้ยังไง” รติกาลทำหน้างงเมื่อได้ยินคำถามแบบนั้น
“นายหมายถึงใคร”
“ก็แฟนนายไง” จาคอปกล่าวขณะที่ทั้งสองผละออกจากกัน
“เดี๋ยวค่อยเล่าได้ไหมนายจะไปไหนหรือเปล่าวันนี้” รติกาลยังไม่อยากบอกอะไรตอนนี้เพราะเรื่องที่จะคุยคงยาวเหยียด
“ไม่นะพวกฉันเพิ่งมาถึงเมื่อคืนวานกะจะพักสักหน่อย”
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ห้องนี้”
“แหมจะไปยากอะไรเล่า” จาคอปพูดพร้อมยักไหล่
“งั้นบ่ายค่อยคุยกันห้องอาหารหน้าล็อบบี้นะ ฉันจะต้องไปเจอคุณอรไพลินแล้วก็จะไปส่งญาดาที่ทำงาน” รติกาลชี้แจงสิ่งที่ต้องทำ
“อ้าวจริงเหรอฉันนึกว่านายจบกันกับอรไปแล้ว” จาคอปถามแบบงุนงง
“ใช่ ก็จบแล้วแต่เธอมาหาฉันที่ทำงานว่ะ”
“จริงดิ”
“อืม ว่าแต่นายพักห้องไหน”
“สี่สองสอง” จาคอปบอกพลางชี้ไปยังฝั่งที่ตนพักอยู่
“เออ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะเสร็จธุระเดี๋ยวฉันไปหา”
“โอเคเอางั้นก็ได้พวกแล้วเจอกัน” ว่าแล้วจาคอปก็หันหลังเดินกลับห้องตัวเอง
“แหม ขี้หวงจริงจะขอดูหน้าว่าที่พี่สะใภ้ให้แน่ใจสักหน่อยก็ไม่ได้เลยนะก็แค่อยากรู้ว่าที่เห็นนั้น ฉันตาฝาดเพราะว่าเหนื่อยหรือเปล่าหรือฉันเห็นจริงๆ รติกาลนะรติกาลไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ได้เจอ”
จาคอปบ่นไปตามทางในขณะที่เดินกลับห้อง เพราะชายหนุ่มคิดว่าเขาสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากญาดาคนรักของรติกาล บางอย่างที่อธิบายไม่ได้
แกร๊ก!
“นอนต่อสักหน่อยดีกว่า”
จาคอปเดินขึ้นเตียงนอน หลังกลับจากไปพบพี่ชายบุญธรรม นอนคิดวางแผนนู่นคิดนี่อยู่สักพักแล้วก็ผล็อยหลับไป
ซู่ๆ!
เสียงน้ำจากฝักบัวพวยพุ่งออกกระทบร่างกายอันมีกล้ามเนื้อแน่นของชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอน
ก๊อกๆๆ
ยินเสียงใครสักคนเคาะประตูหน้าห้องดังแว่วฝ่าสายน้ำที่ไหลออกจากฝักบัวมามันช่างประจวบเหมาะกับการอาบน้ำชำระร่างกายของจาคอปได้จบลงพอดี
“คร้าบ”
จาคอปขานรับยานคางขณะดึงผ้าเช็ดตัวมานุ่งพันรอบเอวแล้วดึงอีกผืนมาคลุมหัวและเช็ดผมเช็ดตัว
แกร๊ก!
จาคอปเปิดประตูห้องน้ำก้าวเท้าออกมาแล้วปิดมันก่อนเลี้ยวไปส่องดูตาแมวประตู ชายหนุ่มเห็นว่าเป็นรติกาลพี่ชายบุญธรรมของตนนั่นเองที่ยืนอยู่ แต่เขาหันมองไปตามโถงทางเดินและกำลังยืนรอให้ตนที่อยู่ด้านในเปิดประตูให้ แล้วจังหวะที่จาคอปเปิดประตูรติกาลก็ยกมือขึ้นเคาะอีกครั้งพอดี
ป๊อก!
“โอ๊ยยยย” จาคอปยกมือกุมหน้าผาก
“โหวท่านชายเคาะสูงซะด้วยโดนหน้าผากเลย โอ๊ยเจ็บๆๆ มือหรือค้อนวะเนี่ย” จาคอปบ่นเมื่อโดนมือหนักๆ ของพี่บุญธรรมเคาะลงเหนือกลางคิ้ว
“เอ้านึกว่าไม้ประตู หน้าผากนายเองหรอกเหรอ” รติกาลถาม
“เออสิ อูยเจ็บมาๆ เข้ามาก่อนฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย” จาคอปเรียกให้รติกาลเข้ามาในห้องก่อนจะถามขึ้น
“นายไปส่งแฟนนายแล้วเหรอ”
“ใช่ไปส่งแล้วเดี๋ยวตอนเย็นไปรับ”
“แหมๆ มีไปรับไปส่งด้วย” จาคอปแซว
ภายในห้องสองพี่น้องต่างบิดามารดาเล่าอะไรต่อมิอะไรให้กันฟังหลายอย่าง ก่อนที่รติกาลจะลงท้ายด้วยการบอกว่าตอนเย็นต้องรีบไปรับคนรักเพราะมีเรื่องให้สงสัยทั้งกลัวแฟนสาวเกิดอันตรายจากคนรักเก่าของเธอ
“งั้นฉันขอไปด้วยคนสิฉันอยากเห็นแฟนนายให้แน่ใจ” รติกาลได้ยินจาคอปพูดดังนั้นก็หันขวับไปมองหน้าน้องชายทันที
“นายหมายความว่าไงคอปเตอร์” รติกาลเรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่ตนเป็นคนตั้งให้
“ฉันหิวแล้วล่ะ เราไปคุยกันต่อที่ห้องอาหารหน้าล็อบบี้ได้ไหม” จาคอปผายมือขวาออกเชิงชักชวน
“ได้สิ” รติกาลบอก
“งั้นไปกันเถอะ”
ว่าแล้วทั้งสองพี่น้องก็เดินออกจากห้องพักเพื่อลงไปยังส่วนห้องอาหารของโรงแรม
“นายกินอะไรมาหรือยัง จะกินอะไรไหมเดี๋ยวฉันจะได้สั่งให้ทีเดียว” จาคอปถามแต่รติกาลปฏิเสธเพราะเขาอิ่มแล้ว
สองคนคุยกันหลายอย่าง ถามสารทุกข์สุกดิบ รติกาลเล่าเรื่องของแฟนสาวให้เขาฟัง จาคอปก็บอกเห็นบางอย่างในตัวญาดาแต่ตนอธิบายไม่ได้ว่าคืออะไรและอยากเจอพ่อแม่บุญธรรมแล้วก็ชวนรติกาลไป เขาตกลงแต่ขอเวลาเคลียร์อะไรหลายๆ อย่างก่อน
แล้วรติกาลก็ถามเรื่องจีนส์กับจาคอปว่าเกิดอะไรขึ้น จาคอปจึงเล่าเหตุการณ์ที่เขาประสบให้พี่บุญธรรมฟังหมดเปลือก ทำให้รติกาลหลุดหัวเราะลั่นห้องอาหาร จนลูกค้าคนอื่นๆ หันมามองเป็นตาเดียว
พอกินเสร็จทั้งสองคนก็ขึ้นลิฟต์กะจะกลับไปพักผ่อนเพื่อรอเวลาไปรับญาดา แล้วในระหว่างที่กำลังยืนรอลิฟต์จาคอปก็พูดเรื่องสร้อยของตนให้รติกาลฟัง
“เอ๋ จริงเหรอคอปเตอร์”
“จริงสิ”
“สร้อยมังกรกอดไข่ที่นายห้อยติดตัวตั้งแต่เด็กๆ นั่นน่ะเหรอ”
“อืม..ใช่”
รติกาลยกมือลูบคางครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนถามขึ้น
“ว่าแต่..มันเปล่งแสงตอนไหนเหรอ”
“มันเปล่งแสงสองครั้งเมื่อคืนวาน ตอนฉันเข้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปพักผ่อนหลังจากเช็กอินเสร็จ กับตอนหลังจากฉันอาบน้ำเสร็จ”