ทีวีเป็นเหตุสังเกตได้
พอลิฟต์เคลื่อนตัวลงสู่ชั้นล่างเขาก็หันไปมองเธอและยิ้มแหยๆ ให้หญิงสาวแต่เจ้าหล่อนส่งสายตาขุ่นเคืองกลับมาให้ทำเอาจาคอปหุบยิ้มแทบไม่ทันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดสำหรับชายหนุ่มจริงๆ
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจีนส์ก็รีบก้าวเท้าเดินนำไปก่อนตามมาด้วยจาคอป เขาหันมองซ้ายมองขวาเห็นบริเวณล็อบบี้เงียบสนิท
ฟู่!!
จาคอปพ่นลมหายใจออกจากปากรู้สึกโล่งอกที่ไม่มีใครอื่นนอกจากพนักงานต้อนรับอีกคนและเธอเพียงเท่านั้น เขารีบเดินตามจีนส์ไปยังล็อบบี้โรงแรม
“อ่ะเอ่อ คุณครับ ผมขอกุญแจสำรองได้ไหมครับ” พนักงานต้อนรับอีกคนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินจาคอปเรียก
“อ้าวเกิดปัญหาอะไรครับคุณผู้ชาย”
“อ๋อเอ่อ..ทีวีเป็นเหตุครับ” เขาพูดกึ่งติดตลก
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจาคอปเหลือบตาไปมองจีนส์ที่กำลังยืนกอดอกค้อนอยู่ด้านข้างของเขา เขามองออกทันทีว่าหญิงสาวไม่สบอารมณ์และมีปัญหากับลูกค้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“งั้นกรุณารอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมเอากุญแจไปเปิดให้”
พนักงานต้อนรับชายเดินไปหยิบเอากุญแจสำรองพวงใหญ่แล้วจึงเดินออกจากล็อบบี้
“เชิญครับผม” จาคอปพยักหน้าแล้วเดินตามเขาไป
“ห้องอะไรครับ” พนักงานถาม
“สี่สองสองครับ” เขาตอบทั้งคู่จึงเดินเข้าลิฟต์
พนักงานกดเลขชั้นให้ลิฟต์เลื่อนขึ้นจนถึงชั้นสี่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกทั้งสองก็เดินเลี้ยวไปตามทางจนถึงห้อง พนักงานที่ได้เลือกเอาดอกกุญแจแยกออกไว้แล้วตอนเดินอยู่ระหว่างทางก็ไขกุญแจเปิดประตูห้องพักให้จาคอปทันทีที่ไปถึง
“เรียบร้อยแล้วนะครับ” เขาบอกเมื่อแก้ปัญหาให้จาคอปแล้ว
“ครับขอบคุณมากเลยครับผม”
“ยินดีรับใช้ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณผู้ชายพักผ่อนให้สบายครับ” พูดจบเขาก็คำนับจาคอปแล้วเดินจากไป
“เฮ้อ เหนื่อยเลย”
จาคอปล็อกห้องเดินขึ้นเตียงเหลือบไปดูสร้อยแล้วหยิบมันขึ้นมาดู
“เพราะอะไรกันแน่นะวันนี้เปล่งแสงถึงสองครั้งเลย มันอยากจะบอกอะไรเราหรือเปล่านะ” เขาพูดพลางวางมันลงข้างหมอนแล้วก็ผล็อยหลับไป
“เกิดอะไรขึ้นกับลูกค้าคนนั้นเหรอจีนส์ ดูหน้าเราไม่พอใจเขาเอาซะเลยนะ”
เทิดไทพนักงานต้อนรับอาวุโสถามเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่ร่วมงานกันมานานด้วยความสงสัยหลังเขาเดินกลับมาถึงล็อบบี้
“ก็ผู้ชายชีกอคนนั้นน่ะสิพี่เทิด” เทิดหันไปมองเธอเห็นจีนส์นั่งทำหน้างุ่ย
“อะไรล่ะทำไมไปว่าเขาแบบนั้น”
“ก็หนูขึ้นไปดูทีวีให้เขาแต่ทีวีแค่ไม่ได้เสียบปลั๊ก พอเขาหันมาเจอหนู เขาก็ร้องตกใจจนหนูกรี๊ดตามแล้วอยู่ๆ เขาก็พุ่งตัวมาหาหนู แล้วก็ดันสะดุดพรมเช็ดเท้าจน..” เธอยกมือสองข้างขึ้นกางนิ้วออกทำท่าทีขยุ้มหน้าอกพลางทำหน้าอี๋
“โอ๊ย บ้าๆๆๆ บ้าที่สุด”
เทิดไท เบิกตาโพลงมองหญิงสาวด้วยความตะลึง
“เธอหมายถึง.. เขาสะดุดพรมเช็ดเท้าจนพุ่งมาจับหน่มน้มน้อยๆของเธอน่ะเหรอ”
เทิดไทพูดกับเธอด้วยความสนิทสนมและจีนส์ก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเธอเห็นเทิดไทเป็นพี่สาว
“อืม..”
เธอผงกหัวทำหน้างุ่ยในขณะที่ตากำลังจ้องมองคอมพิวเตอร์อยู่
“อ๊าาย” เทิดไทกรี๊ดขึ้นทำเอาจีนส์ถึงกับสะดุ้งเฮือก
“อุ๊ยพี่เบาๆ ชู่ววว เดี๋ยวแขกตกใจ” จีนส์ปรามเขา
“แก… ถ้าเป็นฉันน่ะฉันจะดีใจนะเพราะว่าเขาอ่ะหล่อมว๊าาาก
ทั้งหุ่นดีอย่างกับนายแบบฉันจะแอ่นอกรับเลยล่ะ” เทิดไทกล่าวพลางทำทีเขย่าหน้าอก
“บ้า พี่เทิดนี่หนูโดนเขาจับเต็มสองมือเลยนะหนูอุตส่าห์ถนอมไว้ให้สามีในอนาคตเสียความบริสุทธิ์หมดเลย”
คำพูดของจีนส์ทำให้เทิดไทหัวเราะร่า
“ไอ้บ้าเอ๊ยแหมๆๆ แล้วเธอจะไปค้อนเขาทำไมล่ะ มันก็แค่อุบัติเหตุไม่ใช่เหรอแหมทีวีเป็นเหตุแท้ๆ” เทิดไทพูดพลางหันไปมองจีนส์ทั้งส่ายหน้า
“นี่จีนส์แกก็โสดมานานแล้วนะหัดเปิดใจบ้างแกเป็นคนสวยมีลูกค้าเหล่แกตั้งเยอะตั้งแยะทั้งไทยจีนไหนจะฝรั่งมังค่า พี่ว่าแกน่ะอย่าเอาแต่ปิดใจมากนักเลยเดี๋ยวรูจะตันเอานะ”
“บ้า..พี่เทิดอ่ะ ใครจะมาเลือกคนจนๆ อย่างหนูล่ะ ครอบครัวก็ไม่สมบูรณ์แบบหัวนอนปลายเท้าก็ไม่มีตั้งแต่แม่ตายไปพ่อเลี้ยงกับลูกชายเขาก็เอาแต่ตามข่มขู่ปองร้ายจนหนูกลัวไปหมดแล้ว ตั้งแต่เรียนจบหนูก็ย้ายหนีมาทำงานที่นี่ไม่รู้ว่าสองคนนั่นจะตามหนูเจอเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นหนูคงต้องย้ายงานย้ายที่อยู่อีกแน่ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนอยากเจอผู้หญิงที่มีปัญหาติดตามตัวอย่างไม่จบไม่สิ้นแบบหนูหรอก”
พูดแล้วหญิงสาวก็น้ำตาคลอด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ทั้งหวาดกลัวอันตรายจากพี่ชายติดพ่อเลี้ยงหรือแม้กระทั่งตัวพ่อเลี้ยงเองด้วย จนเธอต้องแอบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหล การกระทำนั้นเทิดไทเห็นทั้งหมด
“ไม่เอาน่าจีนส์” เขาเอื้อมมือไปบีบมือเธอแน่นและพูดต่อก่อนปล่อยมือออก
“สักวันเธอจะหลุดพ้นจากคนพวกนั้นเชื่อพี่นะ พระจันทร์ไม่ได้มีแค่เดือนมืดตลอดหรอกเธอต้องพบแสงสว่างสิ จงเชื่อมั่นว่าโลกนี้ยังมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่ไม่แน่น๊าเร็วๆ นี้ อาจจะมีเทพบุตรขี่ม้าขาวมารับเอาตัวเธอไปก็ได้ใครจะรู้ล่ะ” หญิงสาวได้ยินก็พยักหน้ากล่าวขอบคุณพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา
จิ๊บๆๆ พืออ!!
นกน้อยกระพือปีกส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วอยู่นอกระเบียง ต่างพากันบินออกหากินตามต้นไม้ ที่ทางโรงแรมปลูกเอาไว้เพื่อเป็นโอโซนของพื้นที่และเป็นสวนหย่อมเล็กๆ ให้ลูกค้ารู้สึกสดชื่นเมื่อมองมัน จาคอปลืมตาตื่นจากหลับฝันงัวเงียมองหานาฬิกาเพื่อดูเวลา
“หกโมงครึ่งแล้วเหรอ”
เขาพูดพลางบิดตัวบิดขี้เกียจขยี้ตาแล้วลุกไปหยิบเอาคีย์การ์ดที่วางอยู่หน้าทีวีใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้ก่อนจะยกสายโทรศัพท์โทรไปยังล็อบบี้
กริ๊ง! แกร๊ก!
“สวัสดีค่ะ” ปลายสายยังไม่ทันพูด จาคอปก็ชิงพูดเสียก่อน
“ครับ...ผมอยากทราบที่อยู่ห้องพักของคุณรติกาล พงษานุภาค ว่าเขาพักอยู่ห้องไหนน่ะครับ ทางโรงแรมพอจะเช็กให้ผมได้หรือเปล่า”
“ไม่ทราบว่า…” พนักงานที่ล็อบบี้กำลังจะถาม
“ผมแค่อยากรู้ว่าเขาอยู่ห้องไหนครับผมจะไปเจอเขาเมื่อคืนวานผมลืมถาม” จาคอปพูดแทรกปลายสายอีกครั้ง
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะเราจำเป็นต้อง…”
“ผมแค่จะไปเจอพี่ชายผมครับ เขาเป็นพี่ชายผม”
“เอ่อ” เสียงปลายสายลังเลอยู่ชั่วครู่
“กรุณารอสักครู่นะคะ” เสียงกดคีย์บอร์ดดังก๊อกแก็กสักพักแล้วเธอก็บอก
“คุณรติกาลเข้าพักที่ห้องสี่ศูนย์หกค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ยินดีค่ะ”
จาคอปวางสาย แล้วออกจากห้องตรงไปห้องสี่ศูนย์หกที่รติกาลกับแฟนสาวของเขาพักอยู่
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆๆ
“คร้าบ!”
เสียงตอบเบาๆ ดังออกมาจากด้านในห้องสี่ศูนย์หกจาคอปยิ่งเร่งจังหวะเคาะเร็วขึ้น แล้วประตูก็เปิดออกอยากแรง
“จ๊ะเอ๋!!”
“ฮึ่ย!!”