ช่างซ่อมทีวี
จาคอปอาบน้ำไปฮัมเพลงไปด้วยความสบายใจ สระผมถูสบู่ชำระล้างร่างกายด้วยน้ำอุ่นมันทำให้เขารู้สึกตัวเบาหวิวและยังไม่เหนียวเหนอะหนะก่อนที่จะเข้านอน
เอี๊ยดๆๆ
เสียงลูกบิดแหลมเล็กดังเอี๊ยดอ๊าดกลางดึกในตึกอันเงียบสงัดของโรงแรมที่ชายหนุ่มเข้าพักเกิดขึ้นชั่วขณะเมื่อเขาหมุนปิดก๊อกน้ำ แล้วจากนั้นจึงหันไปหยิบผ้าขนหนูเนื้อหนาสีขาวที่ถูกจัดไว้มาเช็ดรอบขอบเอวใต้ซิกแพ็คสวยงามและส่วนอื่นจนแห้ง ดึงผ้าผืนเล็กมาเช็ดผมให้หมาดแล้วใส่เสื้อคลุมเรียบร้อย จาคอปเปิดประตูก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูที่ถูกใช้อยู่ในมือและผืนเล็กอยู่บนหัวแต่อากาศในห้องมันระอุ
“ตายจริงลืมเปิดแอร์นี่นา มิน่าล่ะ ทำไมมันร้อน”
แกร๊ก!
ก๊อกๆๆ
ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเสียงเคาะจากด้านหน้าของห้องที่เขาเข้าพักก็ดังขึ้น
“คร้าบ”
จาคอปตอบรับยานคางแล้วเอี้ยวตัวไปเปิดประตู โดยที่ผ้าเช็ดผมสีขาวผืนเล็กทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสยังคลุมหัวอยู่ ชายหนุ่มหันหลังให้คนที่เดินเข้ามาในห้องพักอย่างไม่ระวังและไม่มองว่าใครเข้ามาในห้องพักของตน
“ช่างซ่อมทีวีใช่ไหมครับ เชิญเลยครับ ผมเปิดมันไม่ติด”
เขาเดินไปหยิบเอารีโมทพลางวางผ้าเช็ดผมในมือลงแล้วกดเปิดแอร์ตั้งอุณหภูมิที่สิบแปดองศาอีกมือหนึ่งก็ยีผ้าขนหนูเช็ดผมเช็ดหน้า มีเสียงก๊อกแก็กดังอยู่ด้านหลังและแล้วคนที่ทำเสียงนั้นก็พูดขึ้นในขณะเดียวกันกับที่เขาเหลือบไปมองของบางอย่างอยู่บนเตียงนอนมันกำลังเปล่งแสงวูบวาบส่องประกายสีสันเจิดจ้าออกมาจากจี้ไข่มังกร จาคอปแปลกใจที่เห็นมันเปล่งแสงอีกครั้ง ตาเขาเบิกโพลงนึกถึงผู้หญิงที่เขาเจอในลิฟต์ขึ้นมาทันที
‘ระ หรือว่า!?’
“แค่ไม่ได้เสียบปลั๊กนะคะ ทีวีไม่ได้เสีย ตอนนี้มันใช้ได้แล้วค่ะ”
จาคอปชะงักกึกตัดความคิดในใจออกแล้วหันขวับไปสบสายตาเข้ากับหญิงสาวที่เขาเจอในลิฟต์พอดี
“อ๊าาา!”
“ว้าย!”
จาคอปตกใจอย่างหนักถึงกับร้องลั่นห้องเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงเข้ามากลางดึก เสียงร้องโวยวายของเขาทำให้หญิงสาวตกใจและกรี๊ดตามไปด้วยทั้งสองกระโดดโหยงเหยงจากนั้นจาคอปถึงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้มันก็ดึกมาก
เขาลนลานพุ่งไปหาหญิงสาวกะจะใช้มือปิดปากเธอให้เงียบเพราะเกรงใจห้องอื่นๆ ที่หลับกันไปแล้ว แต่ทว่าเท้าเจ้ากรรมก็ก้าวไม่พ้นพรมที่วางอยู่หน้าห้องน้ำ
จาคอปสะดุดพรมเช็ดเท้าพุ่งตัวถลาเข้าไปหาเธอ ชายหนุ่มยกมือสองข้างของเขาค้ำยันเอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มคะมำมันได้ผล เขาไม่ล้มหัวทิ่มหน้าแหกต่อหน้าหญิงสาว แต่…สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นกำแพงมัน….
ณ วินาทีนั้น ทั้งเขาและเธอเงียบกริบไร้ซึ่งเสียงเอะอะโวยวายอะไร เพราะต่างฝ่ายต่างชะงักตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวก้มมองชายหนุ่ม และชายหนุ่มก็แหงนหน้ามองเธอทั้งคู่สบตากันชั่วครู่ สายตาของจาคอปพลันได้เห็นสีหน้าแดงก่ำของคู่กรณีที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน
แต่ทว่า..ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นมันไม่ใช่ความเขินอายนั่นมันคือความขุ่นเคืองของเธอแล้วทั้งคู่ก็ก้มมองไปยังจุดเดียวกัน หญิงสาวที่ก้มมองหน้าอกตนเองจาคอปก็มองมือตัวเองที่กุมอยู่บนหน้าอกของเธอ
“อ้าาาาย ไอ้บ้า”
ผลัวะ!!
ฝ่ายหญิงยัดกำปั้นน้อยๆ เข้าจมูกของชายหนุ่มผู้ที่กุมหน้าอกของตนเอาไว้เต็มสองมือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเธอเลยสักนิด
“โอ๊ย!! เจ็บๆๆ”
จาคอปร้องลั่นขึ้นด้วยความเจ็บปวดชักมือกลับมากุมที่จมูกของตัวเองหลับตาปี๋หน้าย่นน้ำตาเล็ด
“ไอ้บ้าไอ้คนลามก”
เธอตะโกนก่นด่าเขาด้วยความโมโหและโกรธจัด หญิงสาวมองเขาตาเขียวปั้ดคว้าเอาวิทยุสื่อสารสีส้มแล้วหุนหันเดินออกจากห้องไป
“อ่ะเอ่อคุณครับ ผะ ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ”
จาคอปลืมตัววิ่งตามเธอออกจากห้องมา
“อ่ะ”
เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้แต่ทว่าก็สายไปเมื่อหันกลับเพราะประตูห้องพักของตนมันปิดและล็อกอัตโนมัติเสียแล้ว
“โอ๊ย บ้าเอ๊ย!!”
จาคอปขบฟันแน่นอุทานอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งตามหญิงสาวเพื่อขอคีย์การ์ดหรือกุญแจสำรอง ทั้งที่ตัวเองใส่เสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ผืนเดียว
“คุณ คุณครับเดี๋ยวก่อนสิผมเข้าห้องไม่ได้คุณนี่ คุณๆ หยุดก่อนครับ คุณครับผมขอโทษแล้วไง คุณ”
จาคอปเห็นหลังหญิงสาวเดินเข้าไปในลิฟต์ไวๆ เมื่อมันเปิดออกอย่างพอดิบพอดี เธอหันไปกดปุ่มปิดรัวและขณะเดียวกันชายหนุ่มเหมือนจะได้ยินคนด้านในร้องห้ามเธอไม่ให้ปิดเพราะเขาต้องการออกจากตรงนั้นเช่นกัน พอเห็นดังนั้นจาคอปก็รีบพุ่งตัวถลาเข้าไปกางแขนออกดันขวางประตูเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ดะ เดี๋ยวก่อน” เขาพูดพลางหอบแฮกๆ
ในขณะที่จาคอปกำลังก้มหน้าหายใจเหนื่อยหอบอยู่นั้น สายตาที่อยู่ระดับพื้นก็เห็นเท้าข้างหนึ่งขวางประตูอยู่ จาคอปไล่มองขึ้นตามขายาวๆ ที่ใส่กางเกงหนังสกินนี่สิดำขลับ ผ่านช่วงเอวและลำตัว จนสบตากับชายหนุ่มที่ยื่นเท้าขวางประตูอยู่
“อ่ะ”
จาคอปชะงักงันด้วยความแปลกใจ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรจาคอปก็หันไปหาหญิงสาวพนักงานของโรงแรมและพุ่งเข้าหาเธอเสียก่อนแต่หญิงสาวกลับถอยหลังออกห่างเขาไปจนตัวเธอเบียดกับผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ตรงกลาง
“อะแฮ่ม”
เสียงกระแอมคอจากชายหนุ่มที่ใช้เท้าขวางลิฟต์ มันเป็นการส่งสัญญาณเชิงเตือนจาคอปว่า เขายังอยู่ที่นี่และอย่าทำตัวรุ่มร่ามกับผู้หญิง การกระทำที่หาญกล้าของบุรุษผู้นั้นส่งผลให้จาคอปต้องชะงักกึกและหันกลับไปมองหน้าเขาทันที แต่แล้วจาคอปก็ต้องเคลื่อนสายตาไปยังหญิงสาวแสนสวยที่ชายหนุ่มผู้นั้นโอบไหล่เธอเอาไว้อยู่
จาคอปจ้องเธอสักพักปากเขาก็ค่อยๆ อ้าออกและค้างอยู่อย่างลืมตัว หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นก็ถึงกับถอยเบียดชิดและดึงเสื้อคนรักของเธอเอาไว้ทันที
“เฮ้ นาย”
ชายหนุ่มที่มาด้วยกันถึงกับออกตัวเตือนสติของจาคอปอีกครั้ง
“อะ เอ่อ โทษที”
ว่าแล้วจาคอปก็หันไปหาหญิงสาวพนักงานโรงแรมพุ่งความสนใจไปที่เธอแทน
“อ่ะ คุณครับคุณ คือ..ผม..”
“ถอยไปนะ” จาคอปยังพูดไม่จบแต่เธอก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับคุณจีนส์” ชายหนุ่มที่มากับหญิงสาวพูดขึ้น เพราะทั้งสองต่างคุ้นหน้าและคุ้นเคยกันดี
“ไม่มีค่ะคุณกาลเชิญคุณกาลพาคุณผู้หญิงไปพักผ่อนได้เลยค่ะ”
“แน่ใจ เหรอครับ”
“แน่ใจ ค่ะ” จีนส์ตอบ
“งั้นคุณก็ระวังหมอนี่ไว้ด้วยนะครับ”
รติกาลพูดพลางชายตามองมายังจาคอป เมื่อจาคอปได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองหน้าอีกฝ่าย กัดฟันดังกรอด
“เดี๋ยวเถอะนาย”
เขาพูดลอดผ่านไรฟันที่ขบกันแน่น แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับรีบเม้มปากยกกำปั้นปิดแอบหัวเราะทั้งกลั้นไว้จนรู้สึกเมื่อยร้าวไปทั้งใบหน้า
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณกาล ในนี้มีกล้องวงจรปิดเขาไม่กล้าทำอะไรจีนส์หรอกค่ะ”
เธอพูดเพื่อขู่อีกฝ่ายทำเอารติกาลก็แอบหัวเราะอีกครั้ง เมื่อจาคอปเห็นและยังคงทำอะไรไม่ได้นอกจากถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่ถูกเรียกชื่อว่ากาล
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” รติกาลบอกกับจีนส์
“ค่ะ เชิญค่ะ” จีนส์บอกแต่ก็ยังไม่ยอมมองหน้าใคร
“ปะครับญาดา” จากนั้นรติกาลก็โอบหัวไหล่พาแฟนสาวเดินออกจากลิฟต์ไป
ในขณะที่ประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนปิด ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่ากาลก็หันกลับมามองจาคอปแล้วส่งสัญญาณให้เขาจาคอปพยักหน้ารับรู้ทันที
ใช่แล้วกาลหรือรติกาลคือพี่ชายบุญธรรมของเขานั่นเอง เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้จาคอปได้เจอพี่บุญธรรมโดยบังเอิญเรื่องมันกลับกลายเป็นว่าตัวเขาเองที่ถูกเซอร์ไพรส์เพราะเห็นพี่ชายบุญธรรมมากับผู้หญิง และเขาสัมผัสอะไรบางอย่างได้จากข้างในตัวเธอแต่จาคอปนั้นก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรยังไงซะก็ถือเป็นเรื่องที่ดี