บท
ตั้งค่า

ทดสอบสร้อยมังกรกับจีนส์

‘พ่อฮะ ฮือๆ ผมกลัว’

‘ไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะพาลูกออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ’

ชายวัยสามสิบห้าวิ่งเข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยสามขวบครึ่งไว้ในอ้อมอกใบหน้าของจาคอปน้อยแปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาทั้งสะอื้นไห้ ผู้เป็นพ่อประคองศีรษะลูกชายให้ซบอกเอาไว้แล้ววิ่งฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ออกไป บ้านเสียหายจากไฟที่ลุกลามต้นเสาเริ่มโค่นหัก

“พอถึงชั้นสี่แล้ว ให้เลี้ยวขวาและเดินตรงไปเรื่อยๆ นะคะ”

จีนส์เพิ่งบอกทางไปห้องพักหลังส่งลูกค้าเข้าลิฟต์ในขณะที่ประตูโลหะค่อยๆ เลื่อนปิด หญิงสาวยืนอยู่หน้าล็อบบี้ตรงจุดที่มองเห็นจาคอปได้พอดีแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเธอเห็นจาคอปนั่งตัวเกร็งหลับตาปี๋มือจิกบีบโซฟาเอาไว้แน่นจนมันบุ๋มลง

แสงวูบวาบใต้เสื้อของชายหนุ่มกำลังเปล่งประกายสลับสีกันไปมาเหมือนของเล่นเด็ก เธอสงสัยว่าจาคอปไม่สบายหรือเปล่าจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นลูกค้าในโรงแรมหากนิ่งเฉยเมื่อเห็นลูกค้าไม่สบายคงไม่ดีแน่ ถึงจะมีภาพจำแย่ๆ ยังไง งานก็คืองาน

ส้นสูงสองนิ้วจากรองเท้าของเธอกระแทกพื้นดังแก๊กๆ และเมื่อจีนส์เดินเข้าไปใกล้เขาเท่าไหร่ยิ่งเห็นชัดว่าจาคอปกำลังเกร็งตัวสองมือจิกโซฟาแน่นเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า

“ตายจริงคุณคะคุณคอปเตอร์เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ คุณคะ”

หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มตามที่รติกาลแนะนำให้รู้จักตอนที่จุดจอดรถชั้นใต้ดิน เพราะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาชื่ออะไร

“คอปเตอร์ คอปเตอร์ คุณคอปเตอร์”

‘จาคอป จาคอป หนีไปลูก หนีไป ไม่ต้องห่วงพ่อไปซะหนีไป’

จาคอปได้ยินเสียงคนสองคนเรียกชื่อเขาในเวลาเดียวกันแต่ในทิศทางที่ต่างออกไป

‘จาคอป หนีไป’

‘พ่อฮ้าา’

“คุณคอปเตอร์คะ ได้ยินหรือเปล่า” จีนส์จับแขนเขาเขย่าแรง

“อ่ะ พ่อครับ”

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นในขณะที่เรียกหาพ่อเมื่อตื่นจากความฝัน ทั้งยังหายใจหอบถี่อย่างคนเหน็ดเหนื่อยหนัก น้ำตาของเขาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

“คุณคอปเตอร์คะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เขาได้ยินคนเอ่ยขานชื่อของตนที่มีเพียงแค่รติกาลเท่านั้นเรียก แต่เสียงนี้กลับไม่คุ้นเคย จาคอปจึงหันไปมองตามที่มาก็เห็นจีนส์ยืนย่อ โน้มตัวมองเขาอยู่ข้างๆ

“อ่ะ คุณจีนส์เองเหรอครับ”

“คุณเป็นอะไรคะไม่สบายหรือเปล่า” จีนส์ถาม

หญิงสาวเห็นเขาเหงื่อออก และน้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด ดวงตาของชายหนุ่มแดงก่ำ จีนส์จึงโน้มตัวไปดึงทิชชูที่วางบนโต๊ะด้านหน้าของเขาแล้วส่งให้

“นี่ค่ะ เช็ดหน้าก่อน” เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มสะอื้นในทรวง

“เอ่อ ขอบคุณครับ” เขารับกระดาษทิชชูจากเธอมาเช็ดหน้า

“มีใครโทรมาหรือเปล่าคะ ใต้เสื้อคุณมันมีแสงน่ะ” จาคอปก้มมองสร้อยที่ซ่อนอยู่ในเสื้อทันที

“เอ่อ..ไม่ใช่ครับมันเป็นอย่างอื่นน่ะ”

“อ๋อ งั้นเดี๋ยวจีนส์ไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มสักแก้วนะคะ คุณจะได้รู้สึกสดชื่น” เธอกล่าว

“ครับขอบคุณครับ”

พอจีนส์เดินห่างออกไปจาคอปก็ก้มมองกระเป๋าเสื้อตัวเอง แสงนั้นมันค่อยๆ อ่อนลง จาคอปตัดสินใจถอดสร้อยคอออกมาหันมองซ้ายแลขวา และคิดว่าคงไม่มีใครเห็นหรอกเพราะมีแค่ตนที่นั่งอยู่โซฟาหน้าล็อบบี้เพียงคนเดียว ชายหนุ่มวางมันลงบนโต๊ะกระจกทรงกรมขนาดเล็กสูงเพียงหัวเข่า ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า

จาคอปนั่งจ้องอดใจรอดูการเปลี่ยนแปลงของสร้อยคอที่ตนเพิ่งถอดออก มันมีลักษณะเป็นจี้รูปมังกรสีเงินมันวาว กอดไข่สีดำขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวมัน มีการตัดเส้นคล้ายแกะสลักให้ดูเหมือนเกล็ดงูเอาไว้ ไม่นานนักมันก็เริ่มสั่นจากนั้นจึงเปล่งแสงสีชมพูอ่อนๆ และเริ่มเข้มขึ้นจนเป็นสีม่วงแล้วจบลงที่สีเขียว ชายหนุ่มมัวแต่ตั้งใจมองเลยไม่รู้ว่ามีใครเดินเข้ามาหาตน

“สวยจังเลยนะคะ”

ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเปล่งแสงเพราะเจ้าของเสียงนั้นนั่นเอง ชายหนุ่มจำได้ดีว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร จาคอปเงยหน้าขึ้นก็เจอจีนส์ยืนอยู่ตรงนั้นตามที่คาดไว้ไม่มีผิดแล้วจีนส์ก็วางแก้วน้ำเย็นลงตรงหน้าเขา

“ครับ มันสวยมาก”

“ดื่มน้ำเย็นก่อนสิคะจะได้รู้สึกดี”

“ขอบคุณมากครับ” แล้วชายหนุ่มก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มไปครึ่งแก้ว ก่อนวางมันลง

“คุณจีนส์นั่งคุยกับผมสักครู่ได้ไหมครับ”

“เอ่อ...จะดีเหรอคะ”

“ดีครับเชิญนั่งครับ ผมไม่รบกวนเวลาของคุณนานนักหรอก”

“เอ่อ ค่ะ”

แล้วหญิงสาวก็ไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขาสายตาของทั้งสองประสานกันก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น

“คุณจีนส์หายโกรธผมหรือยังครับ”

“เอิ่ม เรื่องนั้นน่ะเหรอคะก็จีนส์ไม่รู้จะโกรธคุณไปทำไมน่ะค่ะมันก็แต่อุบัติเหตุจะว่าไปคุณก็ไม่ได้ตั้งใจเลยนี่คะ” เธอพูดพลางก้มหน้าหลบตามองต่ำก่อนเหลือบตามามองเขา

“อ๋อครับ ขอบคุณนะครับ ที่ยกโทษให้ผม ผมไม่ทันระวังต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะครับ”

“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะเรื่องมันผ่านไปแล้ว” เธอกล่าว

“คุณจีนส์ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับ”

“คะ!?” เธอตอบเชิงถามด้วยความไม่แน่ใจ

จาคอปหยิบเอาสายสร้อยที่จี้ของมันกำลังเปล่งประกายแสงวูบวาบนั่นชูขึ้นกลางอากาศ

“คะ ทำไมคะ”

“ช่วยยื่นมือมาหน่อยครับข้างไหนก็ได้” เธอมองหน้าเขาครุ่นคิดอย่างลังเลแต่ก็ต้องทำตามแบบงงๆ

พอจีนส์ยื่นมือมา เขาก็บอกให้เธอแบมือออกแล้วก็วางสร้อยนั้นลงบนฝ่ามือเธอ แสงที่เปล่งวูบวาบอยู่นั้นจังหวะการแย่งกันเปล่งแสงมันก็ค่อยๆ ลดลงไปเหลือเพียงสีเดียวคือสีชมพูอมม่วงอ่อน

“เอ๋ แปลกจังเลยนะคะ” เธอพูดขึ้นหลังได้เห็นความเปลี่ยนแปลง

“ครับมันแปลก”

เธอมองอยู่สักพักก็เงยหน้ายิ้มให้เขาแล้วส่งมันคืน พอเขารับมามันกลับนิ่งไม่สั่นและแสงก็หายไป

“นี่สิยิ่งแปลก แกจะบอกอะไรฉันกันแน่นะ” เขาเผลอพูดคนเดียวเบาๆ ต่อหน้าเธอ

“เอ๋ อะไรนะคะ” จีนส์ถามไม่แน่ใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

“อ๋อ เอ่อ..เปล่าครับ คือสร้อยเส้นนี้มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน สร้อยคุณทวดให้ไว้น่ะครับ”

“อ๋อค่ะ งั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วจีนส์ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“ครับ เชิญครับคุณจีนส์ขอบคุณที่สละเวลา” เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วก็เดินออกไป

‘ป่านนี้คุณแม่ได้เรื่องว่ายังไงบ้างนะ’

“ตอนนี้เขาหายโกรธเราแล้วนี่คงต้องย้ายออกแล้ว” จาคอปพูดอยู่คนเดียวและเริ่มลังเลเมื่อมองไปที่เธอ

“หรือจะรอคุณแม่ก่อนนะ”

ชายหนุ่มแอบมองหญิงสาวทำงานเป็นพักๆ ยิ่งมองยิ่งใจเต้นจนต้องยกมือขึ้นลูบอกและต้องรีบหลบสายตาเมื่อเธอเงยหน้าและมองมา

‘อะไรวะเนี่ย ทำไมฉันต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ด้วยล่ะ ใช่ว่าจะไม่เคยเจอสาวสวยสักหน่อย’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel