ความกลัวในใจจีนส์
ชายหนุ่มดูท่าทีของหญิงสาวคิดว่าเธอคงจะกลัวเอามากๆ จนควบคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ตัวสั่นปากก็เอาแต่พร่ำบอกว่าตนอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้วต้องรีบย้ายออก
‘เกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นกับเธอนะ ทำไมถึงได้ดูหวาดกลัวมากมายขนาดนี้ล่ะ’ จาคอปสงสัยแต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม เขาเจ็บปวดไปพร้อมกับเธอจนอธิบายความรู้สึกของตนเองไม่ถูกไหนจะเรื่องสร้อยที่จี้ของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงอีก
“ใจเย็นก่อนแกไม่มีอะไรหรอกเชื่อพี่สิมันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่าไม่มีอะไรหรอกนะเชื่อพี่”
เทิดไทก็ไม่รู้จะปลอบเช่นไรเขาได้แต่พูดออกไปแบบนั้นเช่นกันแต่จีนส์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟังหรือลดความวิตกกังวลลงเลย
“ไม่พี่เทิดพี่ไม่เข้าใจเรื่องบังเอิญไม่มีสำหรับสองคนนี้ มันตามหนูแน่และพวกมันก็เจอหนูแล้ว ฮือๆ ทำยังไงดี”
“เอ่อ..คุณจีนส์ครับ” เทิดไทหันมามองตามเสียงเรียกของจาคอป
“ไปกับผมหน่อยได้ไหม” เขาพูดแต่จีนส์ก็ไม่ได้ฟังเอาแต่ร้องไห้
“จีนส์ลูกค้าเรียก” เทิดไทดึงสติเธอด้วยเรื่องงานมันได้ผลหญิงสาวชะงักกึก
“ห๊ะ!! ฮึกๆ”
“ลูกค้าเรียก”
เทิดไทพูดอีกครั้งจีนส์จึงหันมามองจาคอปและเขาพยักหน้าก่อนพูดขึ้น
“ออกไปกับผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ปะ ไปไหนคะ ฮึกๆ” เธอถามเขาทั้งสะอื้นไห้ใบหน้าเรียวเล็กเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลริน
“ไปไหนก็ได้ครับที่คุณสบายใจแล้วค่อยกลับมา”
“ตะ แต่ว่าจีนส์ยังทำงานอยู่ ฮึกๆ”
“ไปเถอะจีนส์ถึงเวลาเธอเบรกแล้วไม่ใช่เหรอ ไปสิพี่อนุญาตเดี๋ยวทางนี้พี่ดูเองไม่ต้องห่วงนะ ออกไปพักไปสูดอากาศทำใจให้สบายเรื่องงานพี่จัดการเองได้ไม่ต้องเป็นห่วงไปสิ”
“แต่..มันจะดีเหรอพี่เทิด” เธอพูดทั้งสะอื้นจนอกสั่น
“ดีสิสมองเธอจะได้ปลอดโปร่งไงไปเถอะไม่ต้องห่วงนะจีนส์ไปพักให้สบายใจแล้วค่อยมา วันนี้พี่ให้จีนส์พักนานแค่ไหนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอกเดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เองนะ”
เธอพยักหน้ารับทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำกระบอกตาร้อนผ่าวน้ำใสๆ ไหลนองไม่หยุด หญิงสาวยกมือปาดน้ำตากล่าวขอบคุณเทิดไทแล้วเดินซึมออกจากล็อบบี้ไป จีนส์ไม่ได้มองทางว่าจาคอปจะพาตนไปที่ไหนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสะอื้นไห้ไปตลอดทาง ส่วนจาคอปนั้นก็ทนไม่ไหวที่ได้เห็นเธอเศร้า จึงคว้ามือเธอแล้วเดินเข้าลิฟต์ไปหลังจากประตูโลหะบานใหญ่เลื่อนเปิดออก
หญิงสาวยังคงก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด ความกลัวที่สะสมมานาน มันเข้าเกาะกุมหัวใจที่เปราะบางและไร้ที่พึ่งของเธอ ทำให้รู้สึกว้าวุ่นจิตใจไม่ยอมสงบ
ติ๊ง!!
เสียงเตือนเมื่อประตูลิฟต์เปิด จาคอปจูงมือจีนส์เดินตามทางไปยังห้องสี่สองสองชายหนุ่มเปิดประตูออกเดินจูงมือเธอเข้าไป แล้วหันมาล็อกห้องให้เรียบร้อยจากนั้นก็ดึงเธอมากอด
ชู่ว์ๆ!!
เมื่อถูกปลอบเช่นนั้นจีนส์ยิ่งร้องไห้หนักเธอยกแขนขึ้นกอดเขาในทันทีด้วยความอัดอั้น ความรู้สึกของคนไร้ที่พึ่งพิงที่เกาะกุมอยู่ในใจของเธอมาแสนนานมันกำลังสลายออก เธอปล่อยโฮอย่างที่ไม่เคยร้องไห้แบบนี้มาก่อน
“ไม่เป็นไรนะครับไม่ต้องกลัวไม่มีใครทำอะไรคุณได้หรอก”
จาคอปสัมผัสได้ถึงความกลัวที่รุนแรงในจิตใจของเธอ
“ฮึกๆ ฮืออ”
“ชู่วๆๆ อย่าร้องนะครับไม่ต้องกลัวนะ”
จาคอปพาเธอไปนั่งลงข้างเตียงหญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ เธอนั่งร้องไห้เหมือนเด็ก ความรู้สึกหลายอย่างที่เก็บสะสมเอาไว้นานมันถาโถมเข้าใส่
จาคอปนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถอดสร้อยในคอของตนเองออกแล้วใส่ให้กับเธอแสงสีแดงจ้านั้นค่อยๆ ลดลงและเปลี่ยนเป็นสีเขียวสุดท้ายเธอก็ค่อยๆ สงบเมื่อแสงสีเขียวเริ่มอ่อนลงแล้วก็เปลี่ยนไปเป็นสีชมพูอมม่วงอ่อน จากนั้นจีนส์ก็ผล็อยหลับในอ้อมกอดของเขา
จาคอปเอนตัวจีนส์ลงจัดหมอนให้เข้าที่กับหัวและต้นคอของเธอ เขายกขาเธอขึ้นดึงผ้ามาห่มให้แล้วเดินไปกดโทรศัพท์ต่อสายลงไปยังล็อบบี้
“ครับ”
ปลายสายยังไม่ทันร่ายสโลแกนเขาก็ชิงขึ้นพูดก่อน
“คุณเทิดไทใช่ไหมครับผมจาคอปนะ” เขาบอก
“อ่ะมีอะไรให้รับใช้ครับ หรือเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับจีนส์หรือเปล่า”
“เปล่าครับเธอร้องไห้จนหลับไปแล้ว ตอนนี้เธอนอนที่ห้องผมหวังว่าทางโรงแรมจะไม่ตำหนิเธอนะครับ”
“อ๋อไม่ครับผมรับรองได้”
“งั้นก็ดีแล้วผมมีเรื่องสงสัยคุณเทิดพอจะเล่าอะไรคร่าวๆ ให้ผมฟังก่อนได้ไหมครับ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องผู้ชายสองคนนั้นน่ะครับ พวกนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับคุณจีนส์”
“อ๋อ เรื่องนั้นผมไม่รู้อะไรมากหรอกครับจีนส์เล่าให้ผมฟังแค่ เล็กน้อย เธอเคยบอกว่าสองคนพ่อลูกนั่นคนหนึ่งเป็นพ่อเลี้ยงอีกคนเป็นลูกติดพ่อเลี้ยง จีนส์เล่าให้ผมฟังว่าสองคนนี้คุกคามเธอมาโดยตลอดแต่จะมากน้อยแค่ไหนผมเองก็ไม่รู้ลึกๆ เลยครับ”
“แล้วคุณแม่ของเธอล่ะครับ”
“คุณแม่ของจีนส์เสียตั้งแต่เธออายุสิบเก้าครับ”
“อ้าว แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ ครอบครัวของเธอเช่นสามีหรือแฟน”
“ไม่มีนะครับจีนส์ตัวคนเดียว เธอไม่เคยเปิดใจให้ใครมาก่อนส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องถามเธอเองครับ”
“อ๋อขอบคุณมากครับคุณเทิดไท” จาคอปกล่าว
“ยินดีครับ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกผมได้เลยนะครับยังไงผมขอฝากน้องสาวผมด้วยนะครับคุณจาคอป”
เทิดไทถือโอกาสกล่าวฝากฝังจีนส์ไว้กับจาคอปเพราะที่ผ่านมาจีนส์เธอไม่ยอมไปกับใครเลยครั้งนี้เธอคงกลัวสองคนนั้นเอามากๆ
“ครับ” จาคอปตอบรับเทิดไทสั้นๆ
แกร๊ก!!
เขาวางสายแล้วหันไปดูเธอที่กำลังหลับอยู่ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงพินิจพิจารณาสร้อยที่วางอยู่บนหน้าอกเธอแสงสีชมพูอมม่วงอ่อนนั้น มันดูนิ่งสนิทในเส้นที่ตัดเป็นรอยแยกรูปเกล็ดงูรอบเปลือกไข่มังกรแสงตัดกันกับสีดำเงาของไข่ดูสวยงามและช่างน่าพิศวง
ชายหนุ่มเดินไปหยิบโน้ตบุ๊กที่วางไว้บนชั้นวางของ ถือไปนั่งโซฟาเปิดมันขึ้นดูว่าสไกป์ของแม่เขาออนไลน์อยู่หรือเปล่า
‘นี่คุณแม่ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ จริงสิมันเพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวเองนี่นา’ เขานั่งคิดนั่งรออยู่สักพัก
‘ช่างเถอะทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ’ ที่คิดเช่นนั้นเพราะบ้านคุณยายทวดของจาคอปตั้งอยู่ในเขาซึ่งเป็นป่าลึกมากแถมยังอยู่กันคนละรัฐอีก