สร้อยมังกรทำให้คุณสงบ
จาคอปต้องอดทนรอผู้เป็นมารดากลับมาให้คำตอบในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจสร้อยมังกรมันเปล่งแสงมากเกินไปและวันนี้ยังเป็นสีแดง เพราะที่นั่นมันไม่มีทั้งสัญญาณมือถือหรืออินเทอร์เน็ตแม้กระทั่งไฟฟ้าก็เข้าไม่ถึง
ขนาดยุคนี้เป็นยุคที่เจริญแล้วแต่คุณทวดของชายหนุ่มก็ไม่ยอมย้ายเข้าเมือง เธอให้เหตุผลว่าขออยู่ที่นั่นเพื่อช่วยคนหลงทางยังดีนะที่เธอยังยอมใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้แสงสว่างแทนตะเกียง
จาคอปพับจอโน้ตบุ๊กลงแล้วลุกไปยืนหน้าระเบียงดูวิวยามราตรี สองมือล้วงกระเป๋ายืนหันหลังให้หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มไม่รู้ตัวว่าจีนส์ตื่นนานแล้วและเธอเฝ้ามองเขาตั้งแต่นั่งครุ่นคิดอยู่บนโซฟา
ในขณะที่จีนส์จะลุกขึ้นเธอก็เห็นบางอย่างวางอยู่บนหน้าอกตนมันคือสร้อยของจาคอปนั่นเอง
“เอ่อ!!...”
เธอจับสร้อยยกมันขึ้นมองจี้พร้อมทั้งดันกายลุกนั่ง จาคอปได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงหันมาดู
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ ทำไมสร้อยคุณมาอยู่ที่จีนส์ล่ะคะ”
“อ๋อ มันช่วยให้คุณสงบน่ะผมเห็นคุณร้องไห้ไม่ยอมหยุด เลยลองถอดมันสวมคอให้คุณดูแสงสีแดงมันก็กลับมาปกติด้วย”
“หมายความว่ายังไงคะจีนส์โดนผีสิงเหรอนี่สร้อยปราบผีเหรอคะ”
“ฮ่าๆๆ เปล่าครับมันไม่ใช่อย่างงั้น” เขาพูดพลางหัวเราะร่าเมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยออกมาแบบนั้น
“แล้วมันคืออะไรคะ”
“มันคือสร้อยที่คุณยายทวดให้ผมไว้ตั้งแต่แรกเกิดน่ะครับ”
“ตายจริง ของสำคัญแบบนี้ทำไมเอามาใส่ให้จีนส์ล่ะ”
จีนส์รีบถอดสร้อยออกส่งคืนให้เขา จาคอปรับมันคืนแล้วแสงที่เปล่งประกายอยู่ก็หดหายไป ตอนนี้จาคอปแน่ใจแล้วว่า สร้อยที่เป็นสมบัติตกทอดของคนในตระกูลเส้นนี้ มันเกี่ยวข้องกับจีนส์เพียงแต่ยังไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร
“คุณจีนส์… รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยังครับ”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางพยักหน้าที่กำลังเศร้าหมองเล็กน้อยจาคอปขึ้นไปนั่งข้างเธอบนเตียง
“ทีนี้พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
เธอเงยหน้ามองชายหนุ่มน้ำตาเริ่มซึมอีกครั้งเมื่อถูกถาม จีนส์ก้มหน้าลงกลอกตามองมือตัวเองไปมา ลังเลอยู่นานว่าจะเล่าอดีตที่แสนรันทดให้เขาฟังดีไหมแล้วฝ่ามือใหญ่ก็ยื่นมากุมมือเธอ
“ผมสามารถช่วยคุณได้นะถ้าคุณอยากให้ผมช่วย” น้ำตาแห่งความทุกข์ของเธอหยดลงที่หลังมือของเขา
“คุณจีนส์ครับเชื่อใจผมนะขอแค่คุณเอ่ยปาก”
“สองคนนั้นคุกคามจีนส์มานานแล้วค่ะ”
“ยังไงครับผมรอฟังอยู่นะเล่ามาให้หมดผมจะได้ช่วยคุณถูกวิธี”
เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาน้ำตาเอ่อล้นไหลอาบแก้ม
“ยังไงคะยังไง ฮึกๆ จีนส์จะหนีจากสองคนนั้นพ้นได้ยังไงตอนนี้ สองคนนั้นอยู่ที่นี่แล้วถัดจากห้องนี้ไปไม่กี่ห้องเองคุณจะช่วยจีนส์ยังไง จีนส์หลบอยู่ที่นี่ได้แค่ชั่วคราวแค่นั้นแหละ พวกนั้นรู้ที่ทำงานจีนส์แล้วนี่คงต้องย้ายงานแล้ว ฮือๆ หญิงสาวเริ่มฟูมฟายอีกครั้ง เราคงต้องรีบลาออกแล้ว” ประโยคนี้เธอพูดด้วยความกระวนกระวาย
จาคอปเห็นเธอจิตตกอย่างเห็นได้ชัด
“คุณจีนส์ครับ จีนส์”
“.....”
“อะ!!!”
จีนส์ถลาไปตามแรงดึงของเขา เมื่อใบหน้าเธอแนบชิดกับหน้าอกของจาคอป หญิงสาวเริ่มรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูกจาคอปกอดปลอบประโลมหญิงสาว เขาไม่พูดอะไรเพียงแค่ปล่อยเธอสะอื้นไห้จนกว่าเธอจะพร้อมเล่าทุกอย่าง
“อ้าวหลับเหรอครับ” เขาพูดพลางยกมือขึ้นลูบผมหญิงสาวเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบ ก้มมองใบหน้าสวยคมคาย
“เปล่าค่ะ” เธอผละออกจากแผ่นอกแน่นมองหน้าจาคอป
“ขอบคุณนะคะ ที่ไม่ล่วงเกินจีนส์ทั้งที่คุณมีโอกาส” เธอพูดด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“ก็อยากทำอยู่นะครับ” จาคอปพูดด้วยใบหน้านิ่งดั่งน้ำไหลลึก ทำเอาจีนส์ถึงกับอึ้งอ้าปากเหวอไปสักพัก
“ผมล้อเล่นน่ะ” เขาพูดแล้วหัวเราะในท่าทางของเธอ
“จีนส์ไม่ตลกนะ” หญิงสาวขมวดคิ้วแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน
“เอ่อ..โอเค ขอโทษครับที่ผมเล่นอะไรไม่คิด”
“..........”
“แล้วคุณต้องการให้ผมช่วยไหม ผมสามารถพาคุณไปจากที่นี่
ได้นะ”
“จริงเหรอคะไปที่ไหนล่ะคะมีงานให้จีนส์ทำไหม”
“ไปทุกที่ที่ผมไปคุณจะไปได้ไหมล่ะ”
“ได้สิขอแค่ไม่ต้องเจอสองคนนั้นอีกจีนส์ไปได้หมด”
“แน่ใจนะครับ”
คำถามของจาคอปทำให้เธอชะงักได้สติยั้งคิดและเริ่มเข้าใจถึงความหมายลึกๆ ที่ชายหนุ่มอยากจะสื่อ น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นอีกครั้งและจาคอปที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ทนอีกต่อไปเขารู้สึกว่าจีนส์ไม่ยอมเปิดใจและไม่เชื่อใจตน จนไม่ยอมเปิดปากเล่าให้เขาฟังสักที ถ้าหากเอาแต่นั่งตั้งคำถามแล้วรอคำตอบ คืนนี้ทั้งคืนหรือวันไหนๆ เธอคงไม่ยอมเล่าง่ายๆ แน่นอน ปมในใจคงลึกและเจ็บปวดมากสำหรับเธอจนไม่ยอมเปิดใจให้ใคร แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจทำมัน
จาคอปดึงจีนส์เข้ามาจูบบดขยี้ริมฝีปากแดงระเรื่อของตนลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอหญิงสาวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ จีนส์ขัดขืนสุดแรงเกิด พยายามดันจาคอปออกจากตนเอง แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ เพราะร่างกายเขาสูงใหญ่และแข็งแรงเกินไปสำหรับเธอ
ฮึ๊ก!! เสียงลมหายใจฟึดฟัดของชายหนุ่ม บ่งบอกถึงความเจ็บปวดเขาหลับตาปี๋เพราะหญิงสาวกัดริมฝีปากเขาจนเลือดไหล แต่ทว่าจาคอปก็ไม่ยอมหยุดจูบยังคงบดขยี้ริมฝีปากแน่นลงกว่าเดิม
ในขณะนั้นจีนส์เองก็พยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนที่รัดแน่น เธอทั้งหยิกเขาจิกเล็บลงไหล่และแขนทั้งยังข่วนต้นคอทั้งทุบไหล่ชายหนุ่มสุดแรงเกิด แต่เขากลับยิ่งรัดอ้อมแขนเข้าแน่นยิ่งขึ้นจนหญิงสาวเริ่มหายใจไม่ออก เลือดของจาคอปไหลซึมเข้าริมฝีปากเธอทำให้จีนส์รู้ตัวว่าตนทำให้จาคอปบาดเจ็บแล้วความรู้สึกของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
จากความกลัวถูกกระทำ กลับกลายเป็นความเจ็บปวดและทรมานบาดลึกลงในจิตใจของตนแทน ทั้งยังรู้สึกเสียใจที่เป็นคนทำให้เขาเจ็บตัว จีนส์จึงหยุดต่อต้านหยุดดันตัวเองออกทันที หญิงสาวไล้มือเรียวเล็กขึ้นลูบใบหน้าชายหนุ่มและหยุดนิ้วใต้ริมฝีปากของเขา จาคอปเห็นว่าจีนส์ไม่ต่อต้านแล้วจึงคลายอ้อมแขนอันแข็งแกร่งออก เขาและเธอจูบปากแลกลิ้นและลมหายใจกันอยู่สักพัก
เวลานี้หัวใจของหญิงสาวรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจแห่งความกลัวของเธอมันเปลี่ยนเป็นจังหวะลมหายใจแห่งความรักและห่วงหาอาทรไปเสียแล้ว ทั้งคู่ผละออกจากกันสบสายตาอยู่ชั่วครู่ จีนส์เห็นแผลบนริมฝีปากของจาคอป ดวงตากลมไหวระริกมองแผลที่เป็นคนสร้างให้เขาแล้ว หัวใจของเธอมันเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและทรมานอย่างบอกไม่ถูก
จีนส์ที่ตอนนี้เอนกายอยู่ในอ้อมแขนของจาคอป ยกมือขึ้นลูบแผลที่มีเลือดซึมเบาๆ น้ำตาคลอเบ้าในอกอัดแน่นไปด้วยรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“เจ็บมากไหมคะ” มือเธอสั่นระริก น้ำใสๆ ไหลลงตามหางตาจนชายหนุ่มรีบคว้ามือหญิงสาวมากุมไว้แนบอก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็หายนะ”
“จีนส์ขอโทษนะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับน้ำตาเธอไหลรินเป็นสาย น่าแปลกที่ความเจ็บปวดเมื่อเห็นเขาบาดเจ็บมันมากมายยิ่งกว่าความกลัวใดๆ ที่เคยมี มันจุกอยู่ในอกเมื่อตัวเองเป็นคนสร้างรอยแผล หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรและทำไมอยู่ๆ เธอถึงรู้สึกเช่นนั้นได้
จาคอปจูบลงบนแก้มจีนส์ก่อนเอ่ยขึ้น
“ไม่ร้องนะครับ.. ผมไม่เป็นไรหรอก”
เธอพยักหน้าสูดหายใจลึกทั้งสะอื้นกลืนน้ำตาตนลงไป