บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

มาเรียนทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้แบบหลุยส์ตัวโปรดที่ตั้งอยู่หน้าเตาผิง ไมเคิลแลเห็นความสง่าอย่างเด่นชัดของผู้เป็นมารดาจากแสงไฟในเตาผิง ทั้งๆ ที่ขณะนี้แม่จะมีอายุห้าสิบเจ็ดแล้วก็ตาม และเส้นผมสีน้ำผึ้งก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาเงินวาววาม เค้าความสวยเมื่อวัยสาวยังคงอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แม้ความเริงรื่นของชีวิตจะขากหายไปด้วยมีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทนความเคยมีชีวิตจิตใจจนหมดสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานในหน้าที่และธุรกิจที่รัดตัว

“นั่นสิจ๊ะ… ยืนคิดอะไรอยู่ ที่จริงแม่ก็ยังสังหรร์ใจอยู่เหมือนกันนะว่า ที่ลูกรีบร้อนมาหาแม่กลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ จะต้องมีอะไรสำคัญจะพูดกับแม่ มีอะไรหรือไมเคิล…?”

สีหน้าและแววตาของผู้เป็นมารดาทำให้เขาอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาที่มีประกายกล้าของมาเรียนจับอยู่ที่ใบหน้าของลูกชาย

“เอ้อ…เปล่า…ผมไม่ได้ไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีมาหรอกครับแม่ แต่ผมมีปัญหาบางอย่างที่จะปรึกษาแม่นะครับ” เขารู้ว่าตัวเองใช้คำพูดผิด เพราะที่จริงแล้ว เขาน่าจะใช้คำว่า “บอก” แม่มากกว่าจะใช้คำว่า “ปรึกษา”

“เพราะ…เพราะ… ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมกับแม่จะได้พูดจากันอย่างตรงๆ เสียที”

“ลูกพูดคล้ายๆ กับว่า ที่ผ่านๆ มาน่ะ เราไม่เคยได้จริงใจต่อกันอย่างนั้นแหละ” มาเรียนชักสีหน้าขึ้นมาทันที

“ครับ…ผมอยากจะพูดกับแม่ตรงๆ เรื่องแนนซี่”

“แนนซี่…ใครกัน...?” สุ้มเสียงของมาเรียนว่างเปล่าจนไมเคิลรู้สึกได้ทันทีว่าแม่กำลังเสแสร้ง

“ก็แนนซี่ แม็คอลิสเตอร์ เพื่อนผมไงล่ะครับ”

“อ๋อ…แล้วยังไง…มีตรงไหนที่เกี่ยวกับแนนซี่ล่ะจ๊ะ เราจะต้องพูดถึงเขาอย่างตรงไปตรงมาน่ะ?”

“แม่แกล้งทำเป็นไม่รู้ละมั้งครับ ว่าเรากำลังจะพูดถึงเขาด้วยเรื่องอะไร…แม่ครับที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้แม่ผิดหวังหรอกนะครับ แต่…ผมจะแต่งงานกับแนนซี่” เขาพยายามรวบรวมความกล้าอย่างสุดความสามารถ “ครับ…แล้วก็ภายในสองอาทิตย์นี่ด้วย”

“อ๋อ…” สีหน้าของมาเรียนนิ่งสงบ ไม่มีวี่แววของความรู้สึกที่กำลังผิดปกติฉายออกมาให้เห็น แม้ในดวงตา “ทำไม…เขาเกิดท้องขึ้นมายังงั้นเรอะ?”

“ไม่ถึงอย่างนั่นหรอกครับ”

“เฮอ…สินเคราะห์ไปที…ก็แล้วทำไมล่ะ ทำไมลูกถึงจะต้องรีบร้อนแต่งงานกับผู้หญิงคนนั่น แล้วก็ต้องแต่งภายในสองอาทิตย์นี่ด้วย…?”

“ก็เพราะว่าผมจะต้องรับปริญญาตอนนั้น และก็เพราะว่าผมจะยังไม่ย้ายกลับมาอยู่นิวยอร์ก ผมจะเริ่มทำงานที่นั่นเลย เพราะดูว่ามันจะเข้าท่ากว่า เพราะผมไม่อยากออกมาเป็นนายคนทีเดียว แต่อยากเรียนงานทุกระดับเสียก่อน”

“เพื่ออะไร…?” น้ำแข็งที่ไม่ยอมละลายดูจะจับตัวกันแน่นยิ่งขึ้น... ขาที่ยกขึ้นไขว่ห้างเริ่มกวัดแกร่งอย่างช้าๆ มองเห็นรองเท้าแตะที่ตัดเย็บด้วยแพรต่วนอย่างประณีตเป็นประกายเมื่อต้องแสงไฟ ไมเคิลรู้สึกอึดอัดต่อท่าทางปึ่งชาของมารดามากยิ่งขึ้น ดวงตาที่จ้องมองเขาอยู่ขณะนี้นั่นไม่ได้กระพริบเลย ท่าทีเช่นนี้ เคยทำลายความรู้สึกของใครต่อใครมานับไม่ถ้วนแล้ว

“ก็…เพื่อเราสองคนน่ะสิครับแม่”

“เราน่ะหมายถึงใคร?”

“ก็…ผมกับแนนซี่”

“ก็แปลว่าไม่ใช่สำหรับแม่…ถ้าอย่างนั้น ก็จะเล่าให้ฟังเสียเลยว่า มีผู้เสนอโครงการให้เราเป็นผู้สร้างสถาบันเวชศาสตร์ขึ้นในซานฟรานซิสโก ผู้เสนอก็คือกลุ่มที่เคยสนับสนุนให้เราสร้างสถาบันฮาร์ทฟอร์ดมาแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ลูกไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องมีเมียหรอก เพราะแม่อยากให้ลูกทำงานเสียก่อนสักปีหรือสองปี ถ้าเราจะพูดกันตรงๆ ก็คือ แม่อยากให้ลูกรอเวลาไปอีกสักหน่อยก่อน”

น้ำเสียงที่ทอดในตอนท้ายนั้นอ่อนโยนอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่า มันจะพอมีความหวังเหลืออยู่บ้างหรือไม่

“แต่เรื่องอย่างนี้ ผมรับรองว่าแนนซี่จะช่วยเราได้มากเลยนะครับแม่ เธอเป็นคนน่ารักมากแล้วก็เก่งมากด้วย”

“จ้ะ…แม่เชื่อว่าเขาอาจจะเป็นอย่างที่ลูกว่าจริงๆ ก็ได้แต่ลูกจะต้องไม่ลืมว่า ชีวิตครอบครัวนั้นจะต้องหลักฐานที่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียลูกนั้น ควรที่เราจะได้รู้จักพื้นเพ ปูมหลังของเขาเสียก่อน อย่าลืมว่า เขาจะต้องมาเป็นคุณผู้หญิงของฮิลยาร์ดต่อจากแม่นะจ๊ะ”

ไมเคิลกำลังอธิฐานอยู่ในใจ ทั้งๆ ที่เขารู้อยู่เต็มหัวใจว่า มันเป็นคำอธิฐานที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

“แม่พูดถึงอะไรครับ…พื้นเพอะไร ผมไม่เข้าใจ”

“อ้าว…นี่ลูกไม่รู้หรอกหรือจ๊ะว่าเขาเป็นใครมาจากไหน...แต่ก็จริงอยู่หรอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนโง่พอที่จะบอกประวัติความเป็นมาของตัวเองให้คู่รักรวยๆ อย่างลูกรู้แน่”

“ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละครับ ว่าแม่หมายความว่ายังไง ที่ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนน่ะครับ” โอ…คุณพระคุณเจ้า…ขอให้ช่วยลูกด้วยเถอะ

“ถ้าอย่างนั้นแม่จะให้ดูหลักฐานก็ได้” มาเรียนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยังโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องเปิดลิ้นชักหยิบแฟ้มบางๆ ออกมา และเดินมายื่นให้ลูกชาย

“อะไรครับ?”

“ก็รายงานไงล่ะจ๊ะ แม่ให้นักสืบเขาสืบหาปูมหลังแม่สาวน้อยคนนั้นของลูกแล้วก็ออกมาเป็นรายงานอย่างที่ลูกกำลังถืออยู่ในมือนั่นแหละ เอาละ…ลูกงสบอกสงบใจแล้วอ่านเสียก่อนก็ได้”

เธอหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องทองคำออกมาจุดสูบ นั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตัวเดิม ลอบชำเลืองมองลูกชายที่กำลังเปิดแฟ้มนั้นออกอ่าน

เพียงรายงานท่อนแรก ไมเคิลก็รูว่า เขาแพ้มารดาแล้วอย่างไม่มีเปอร์เซ็นต์เหลืออยู่ เพราะรายงานนั้นเขียนระบุไว้ว่า…

“บิดาของแนนซี่ถูกฆ่าตายในคุกตั้งแต่เธออายุได้เพียงสามเดือน และสาเหตุของการติดคุกของเขาถึงเจ็ดปี ตามคำพิพากษานั้นก็ด้วยข้อหาปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ มารดาตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ส่วนตัวเธอนั้นเติบโตขึ้นมาในโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า…”

“เป็นยังไง…ครอบครัวนี้น่ารักมากไหมล่ะลูก?” น้ำเสียงนั้นมีความกังวานเยาะหยันอยู่เต็มเปี่ยม อารมณ์ของไมเคิลพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาโยนแฟ้มในมือตกกระจายลงบนพื้นห้อง

“ผมไม่อ่านไอ้เศษขยะพวกนี้หรอก”

“ไม่อ่านหรือจ๊ะ…แต่ว่าลูกกำลังจะแต่งงานกับเขานะ”

“ก็แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะครับ ผมไม่สนใจหรอกว่าพ่อแม่เขาจะเป็นใคร ผมไม่ได้แต่งงานกับพ่อแม่เขานะครับผมจะแต่งงานกับตัวเขา แล้วที่พ่อแม่ของเขามาเป็นอย่างนี้ มันเป็นความผิด ความระยำของเขาตรงไหนเล่าครับแม่?”

“ไม่ผิดหรอก…” มาเรียนยิ้มเยื้อนอย่างใจเย็น “เพียงแต่ว่า เขาออกจะเป็นคนโชคร้ายอยู่สักหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่แต่ตัวเขาเท่านั้นนะ ลูกด้วย…ไมเคิล เพราะลูกกำลังคิดจะแต่งงานกับเขาอยู่ ไมค์…แม่อยากขอให้ลูกหยุดคิดสักนิดนะ ลูกกำลังจะเริ่มงานที่ลงทุนเป็นล้านๆ เหรียญ ลูกไม่น่าจะมาเสี่ยงอนาคตกับผู้หญิงที่ไม่มีเทือกเถาเหล่ากออย่างนั้นเลย…ลูกจะต้องเป็นผู้สืบสกุล…นำวงค์ตระกูลต่อไปในวันข้างหน้าปู่ของลูกทำงานนี้มาถึงห้าสิบปีแล้ว…แล้วลูกจะมาทำลายมันด้วยปัญหาเรื่องรักของลูกอย่างนั้นหรือ…อย่าเป็นทารกไร้เดียงสาไปหน่อยเลย…ลูกโตแล้วนะจ๊ะ…ลุกรัก…แล้วลูกเป็นความหวังเดียวของแม่ด้วย เวลานี้เป็นช่วงที่ลูกกำลังมีไฟอยู่ในตัว ชีวิตร่อนแร่แบบที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวนั่นนะกำลังจะสิ้นสุดลง…เมื่อไหร่นะ…ลูกบอกว่าอีกแค่สองอาทิตย์นี้แล้วใช่ไหม…?”

ดวงตาของเธอหรี่ลง…ขณะที่พูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

“และแม่ก็จะไม่โต้เถียงอะไรกับลูกในเรื่องนี้อีก ไมเคิลลูกก็รู้อยู่แล้วนะว่า…มันไม่มีทางเลือกสำหรับแม่”

“ไม่สำคัญหรอกครับแม่ เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น…ผมไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งก้มหัวให้กับกฎเกณฑ์บ้าๆ ที่แม่ตั้งขึ้นเพื่อเอาไว้บีบบังคับอีกแล้ว ไม่มีทาง…ฟังนะครับ ผมจะไม่ยอมลงให้แม่อีกต่อไป ผมจะไม่ยอมอีกแล้วถ้าแม่คิดจะดึงผมเข้าไปทำธุรกิจให้กับแม่ อุ้มชูจนกว่าแม่จะเลิกราจากธุรกิจทั้งหลายเหล่านั้น แล้วก็นั่งชักใยอยู่ข้างหลังเหมือนผมเป็นหุ่น…เห็นจะไม่มีทาง แม่ไม่มีทางที่จะบังคับใจผมได้อีกทั้งเวลานี้และตลอดไปด้วย…ได้…ผมจะตกลงที่จะทำงานให้แม่ก็ได้ แต่ผมจะต้องมีสิทธิ์ที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก…”

“ไมเคิล…!” น้ำเสียงของมาเรียนสั่นสะท้านด้วยความโกรธ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel