บทนำ
บทนำ
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวที่มาพร้อมกับสายฝนกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก น้ำที่ขังอยู่ตามร่องถนนขรุขระกระเซ็นออกเมื่อยามที่เท้าของสองแม่ลูกเหยียบลง ทั้งสองเร่งฝีเท้าอย่างเร็วโดยไม่หวั่นเกรงว่าทางข้างหน้าจะมีเศษแก้วหรือขวากหนามไหม
“เป้ย.. วิ่งลูกอย่าหยุด” เด็กน้อยวัยสี่ขวบวิ่งหน้าตั้งตามที่แม่บอก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำอยู่หมายความว่ายังไง เรียวแขนถูกฝ่ามือของแม่จับไว้แน่นคล้ายว่ากระชากตัวเธอให้วิ่งด้วยซ้ำ
“มะ.. แม่คะ เราวิ่งทำไมเหรอ” เป่าเป้ยหันมาถามแม่เสียงติดหอบและมองไปทางด้านหลัง เธอทำหน้าตกใจไม่น้อยที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งตามมา ทุกคนมีดาบในมือดูน่ากลัวมาก “คุณแม่ พวกเขาวิ่งตามเราทำไม” ด้วยความที่เธอยังเด็กและไม่รู้ประสาจึงหยุดวิ่งและรั้งมือแม่ไว้
“ไม่ได้นะลูก หนี เราต้องหนีไปจากที่นี่”
“ค่ะ” เด็กน้อยตั้งหน้าวิ่งต่อจนหลุดพ้นสายตาชายกลุ่มนั้นได้ แต่เธอถูกแม่พามาที่ที่หนึ่ง “มะ.. แม่คะ แม่ทำอะไรคะ”
“ลูกต้องซ่อนตัว อยู่ตรงนี้นะอย่าออกมาเข้าใจไหม”
“แม่..”
“อย่าออกมา เข้าใจที่แม่บอกไหม!”
“ค่ะ..”
“เดี๋ยวแม่มา” เด็กน้อยนั่งกอดเข่าอยู่ข้างถังขยะใบใหญ่ก่อนที่แม่ของเธอจะนำถุงดำหลาย ๆ ถุงมาวางรอบตัวเธอเพื่ออำพรางไม่ให้ใครเห็น เป่าเป้ยมองตามหลังแม่ตาปริบ ๆ แต่ก็ต้องตกใจเกือบหลุดเสียงร้อง เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้แน่น แม่ถูกชายฉกรรจ์จับตัวไว้ในขณะที่แม่หันมามองเธอด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา สิ่งที่เป่าเป้ยเห็นคือรอยสักที่ข้อมือของคนกลุ่มนั้นที่มีกันทุกคน
“กล้ามาก..” สิ้นเสียงปลายดาบซามูไรเล่มยาวก็แทงเข้าที่ท้องแม่ของเธอ เด็กน้อยน้ำตาไหลพรากแต่ไม่กล้าร้องออกมาด้วยกลัวจะถูกจับตัวไป ภาพสะเทือนใจคิดตาเธอ เธอเห็นแม่ถูกผู้ชายพวกนั้นลากออกไปอย่างไม่ใยดี
“มะ.. แม่~”
สิบห้าปีต่อมา
“เฮ้อ~” เสียงหอบหายใจดังขึ้นภายในห้องซ้อมดาบ อชิตวัดดาบคู่กายที่ได้รับจากปู่ไปตรงหน้าคู่ซ้อมวันนี้จนปลายดาบสัมผัสที่คาบ หยาดเหงื่อของคู่ซ้อมหยดลงจนเกิดเสียง “อีกสักยก”
“แต่นายครับ.. ผมไม่ไหวแล้ว” เหมือนคำพูดเขาไม่เป็นผลกับผู้เป็นนาย ยากูซ่าหนุ่มก้าวเข้าไปซ้อมดาบกับลูกน้องอย่างหนักจนปลายดาบเฉือนถูกหลังมือลูกน้องเลือดออกมากมาย หยาดเลือดสีแดงสดกระจายทั่วพื้นสีขาวพาลทำให้ชายหนุ่มไม่สบอารมณ์
“รายงานมา” อชิหันหลังเดินเอาดาบไปเก็บเข้าฝักก่อนที่จะคว้าขวดน้ำดื่มมากระดกเข้าปากอึกใหญ่
“กบฏพวกนั้นถูกเราตามเก็บเกือบหมดแล้วครับ”
“เกือบหมด.. แต่ก็ยังเหลือ เฮ้อ~” เสียงพ่นลมหายใจออกดังขึ้นพร้อมร่างสูงใหญ่ชุ่มเหงื่อที่เดินเข้ามาหาลูกน้อง ก่อนที่อชิจะยื่นมือไปบีบคอหนาสุดแรงด้วยความเดือดดาล “เข้าใจความรู้สึกของสมาชิกที่สละชีวิตเพื่อเราไหม คำว่าเกือบหมด.. มันเหมือนเสี้ยนหนามคอยตำใจฉันไม่หยุด เก็บมันให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว ใครที่มันให้ความร่วมมืออย่าเอามันไว้!”
“อึก.. คะ.. ครับนาย” ลูกน้องหนุ่มกระตุกเกร็งจะขาดอากาศหายใจตายจนวินาทีสุดท้าย อชิปล่อยมือแล้วเดินกลับไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายท่อนบนที่ไม่มีสิ่งใดปกปิดมัดกล้ามเนื้อกำยำ
“นายครับ.. มีรายงานมาว่า กบฏซากิมีลูกคนหนึ่งครับ และเขาคือบุคคลสำคัญอาจจะเป็นภัยแก่ยามากุชิเราในภายภาคหน้า”
“ลูก?”
“ครับ ไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ผู้อาวุโสบางท่านบอกมาว่าเขาคนนั้นมีปานที่หนึ่งเป็นรูปดอกซากุระ”
“มันอายุเท่าไหร่”
“ตอนนี้น่าจะสิบเก้าปีแล้วครับ”
“หามันให้เจอ ก่อนที่คนพวกนั้นจะเจอก่อน และฆ่ามันซะ”
“ครับนาย”
“อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว กบฏยังไงก็คือกบฏ” มือหนากำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เหตุการณ์ในอดีตเมื่อครั้งที่พ่อและปู่ขึ้นเป็นโอยะบุนเขาจำได้ดีว่า วันนั้นมีคนล้มตายกี่คน ภาพเลือดสีแดงสดนองพื้นยังติดตาเขาไม่เคยเลือนหาย เสียงกรีดร้องโหยหวนขอชีวิตในวันนั้นยังตามหลอกหลอนตลอดเวลา
“เฮ้อ~” อชิพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน มือหนายังไม่คลายออกจากกันด้วยความโกรธที่เพิ่มพูนขึ้นตอนนี้ ลมหายใจร้อนถูกระบายออกมาอย่างหนัก
“นายน้อยคะ ป้าเตรียมของว่างไว้ให้แล้ว จะนั่งพักก่อนหรือเข้าห้องเลยคะ” แม่นมที่เลี้ยงอชิมาตั้งแต่แบเบาะเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม พาลทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
“ผมขอตัวก่อน แล้วจะไปที่สวน”
“ค่ะ ท่านผู้อาวุโสถามหานายน้อยด้วย”
“ครับ ชิไม่ว่างเจอใครตอนนี้” อชิปฏิเสธเสียงแข็ง เดินผ่านหน้าแม่นมไปพร้อมกับลูกน้องคนสนิท เมื่อเข้ามาในห้องพักส่วนตัวแล้วเขาคลายมือออกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อสงบสติอารมณ์ “เคนจินายไปสืบมา เด็กคนนั้นมันอยู่ที่ไหน”
“ครับ”
“อย่าให้ใครรู้”
“ครับนาย”
“ออกไปได้แล้ว” เคนจิก้มศีรษะเล็กน้อยรับคำสั่งแล้วหันหลังเดินออกมา แต่ในตอนที่เดินออกมา เขากลับเจอผู้อาวุโสชิระ เคนจิหยุดและทำความเคารพทันที
“ผู้อาวุโสมีธุระกับนายเหรอครับ”
“อืม.. เจ้าจะไปไหน”
“ผมจะออกไปทำธุระครับท่าน”
“อืม.. ไปได้” ชิระสะบัดมือให้เคนจิแต่ในตอนที่หันหลังให้เขาก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา “อย่าลืม..”
“…” เคนจิหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้น ก่อนที่จะหันมามองผู้อาวุโสชิระแล้วทำความเคารพและเดินออกไปในทันที
“นายน้อย..”
“ผู้อาวุโสชิระ” อชิรีบลุกขึ้นมาประคองท่านพาไปนั่ง
“นายน้อยเอาแต่ซ้อมหนักจนไม่มีเวลาเจอกันเลย”
“ครับ”
“ช่วงนี้ทุกอย่างยังเงียบ”
“ครับ.. ตอนนี้ที่สภาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกทั้งปู่ก็กำลังเข้าสู่ช่วงพักผ่อน เลยไม่มีงานเท่าไหร่”
“ครับ ผมเข้าใจ”
“ถ้ามาคุยเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะพูดคุยกับใคร ต้องขออภัยด้วยนะครับ”
“เปล่า.. ผมไม่ได้มาหานายน้อยเพราะเรื่องนั้น แต่จะมาบอกว่าเราจะเปิดรับสมัครคนเข้ามาทำงานในยามากุชิแล้วนะครับ”
“อ๋อ.. ครับ”
“นายน้อย…”
“ถ้าเป็นเรื่องหาคู่ครอง ตอนนี้ผมไม่สะดวกเลย และ.. ไม่ต้องส่งผู้หญิงคนไหนมาให้ดูตัว เพราะไม่มีใครถูกใจเลย” ว่าจบอชิก็ลุกเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเสียมารยาท ชิระยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับความเอาแต่ใจของเจ้านาย หลายเดือนมานี้พวกเขาพยายามหาคู่ครองให้อชิตลอด และไม่มีใครที่ถูกเลือกเลย แม้จะเป็นลูกสาวคนใหญ่คนโตแค่ไหน มีฐานะเงินทองมากมายแต่อชิไม่มองพวกเธอเลย บ้างก็ถูกแกล้งจนไม่กล้ากลับมาที่ยามากุชิอีก บ้างก็ร้องไห้คร่ำครวญออกไปเหตุเพราะถูกอชิปฏิเสธและทำเย็นชาใส่
“นายน้อยนะนายน้อย..”