๙ เธอจะดีหรือร้าย (๑)
๙
เธอจะดีหรือร้าย
ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์ทว่ากองทัพยังไม่ได้เดินหน้าอย่างที่บอกกับหมอตฤณเหตุก็เนื่องมาจากงานเยอะแทบไม่มีเวลากระดิกตัว
ณชาเองก็ไม่ต่างกันเธอต้องจัดเตรียมเอกสารทั้งนัดลูกค้าให้เจ้านายไหนจะติดต่องานกับแผนกอื่น วันเสาร์อาทิตย์ที่เคยได้หยุดอยู่บ้านก็จำต้องลุกจากที่นอนเพื่อมาทำงานกระทั่งวันนี้ที่งานทั้งหมดสิ้นสุดลง
ผ่านสัปดาห์นรกไปแล้วร่างบางก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อย อยากลาออกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีมารดาถือแส้ยืนรออยู่บ้านไหนจะเงินที่ต้องกินต้องใช้อีก คนเราอยู่ได้เพราะเงินจริงๆ
ช่วงที่ผ่านมาณชายุ่งจนแทบไม่ได้คุยกับคุณหมอแต่เขาก็ขยันโทรหาไม่มีขาดจนรู้สึกผิดกับชายหนุ่ม ครั้งนี้ก็เช่นกันที่โทรมาแต่เช้า
“ค่ะพี่ตฤณ”
‘ถึงที่ทำงานรึยังครับ’
มองนาฬิกาก็โคลงศีรษะเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม โทรมาเวลาเดิมเหมือนทุกวันราวกับว่าตั้งเวลาสำหรับโทรหาเธอไว้อย่างนั้นแหละ
“ถึงแล้วค่ะ พี่ตฤณถึงรึยังคะ” ณชาคงไม่รู้ว่าคำถามเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้คุณหมอสุดฮอตของโรงพยาบาลยิ้มออกมาได้
‘ถึงนานแล้วครับ พี่กำลังจะไปตรวจคนไข้’
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นพี่ตฤณตรวจคนไข้เถอะค่ะ ป้อนไม่กวนแล้ว” ขณะที่กำลังจะวางสายอีกฝ่ายก็ร้องเรียกชื่อเธอเสียงดังเพราะลืมว่าจะโทรมาบอกเรื่องสำคัญ
‘เดี๋ยวก่อนป้อน’
“มีอะไรคะ” ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูดังเดิมรอฟังตฤณพูด
‘เย็นนี้พี่คงไม่ได้ไปรับนะครับ มีประชุมเคสสำคัญ’ อธิบายเสียงอ่อยเพราะอยากเจอหน้าแฟนสาว เธอไม่ได้ทำงานหนักคนเดียวเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาตฤณก็มีงานเข้าเยอะไม่แพ้กัน ใบหน้าคมเริ่มหมองเหมือนคนโดนของจนพยาบาลทัก
‘โทรบอกให้คนที่บ้านมารับนะ’ตัวไม่ไปแต่ก็ยังหวังดีแนะนำโดยณชาไม่ได้เอะใจเลยว่าเกิดจากการหึงหวงไม่อยากให้คนรักกลับพร้อมกองทัพ เขาไม่อยากให้สองคนใกล้ชิดกันมากเกินความจำเป็น แค่นี้เขาก็รู้สึกว่าเธอห่างมากขึ้นทุกทีแล้ว
“รับทราบค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะพี่ตฤณ” บอกลากันทางโทรศัพท์ก่อนจะเริ่มทำงาน ใบหน้าหวานเงยมองเงาที่มาทาบทับก็แทบตกใจกับใบหน้าขึงขังของเจ้านายตนเอง
มาตั้งแต่เมื่อไหร่..
“ตั้งใจทำงานนะคะ..พี่ตฤณ”
..ฟังแล้วขัดหูชะมัด
กองทัพเลียนแบบท่าทางของณชาที่บอกแฟนหนุ่มทางโทรศัพท์
ร่างบางมองเขาไม่ค่อยชอบใจนักแต่เพราะอยู่หน้าห้องที่มีสายตาหลายคู่จ้องมองมาจึงไม่อาจทำอะไรได้
“คุณทัพมีอะไรจะสั่งรึเปล่าคะ” ถามน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ขอกาแฟดำเข้มๆ ที่หนึ่งแล้วกันนะครับคุณณชา” สั่งเสร็จก็เดินเข้าห้อง
ปล่อยร่างบางเดินไปชงกาแฟมาให้ด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
..ทำไมเดี๋ยวนี้เขาถึงชอบแกล้งเธอนักบางครั้งก็พูดจากระแหนะกระแหนเรื่องของคุณหมอ หรือว่าเขาจะหึง..
ไม่ใช่หรอก
อีกใจค้านขึ้นจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของอีกฝ่ายมีแต่ปลายฟ้า
แต่ว่าคืนนั้น..คิดถึงเรื่องบนรถใบหน้าหวานก็แดงซ่านทันที เขาบอกว่า
‘เรื่องของเราพี่จะไม่ปล่อยไปอีกแล้ว’
..หมายความว่ายังไง แต่ที่แน่ๆ กองทัพรู้เรื่องคืนนั้นหมดแล้ว..เขารู้ได้อย่างไร
ไม่เป็นไรหรอกถ้าเธอปฏิเสธซะอย่างเขาจะทำอะไรได้
คิดอย่างหมายมั่นจะไม่ยอมบอกความจริงเป็นอันขาด เรื่องน่าอับอายแบบนั้นให้เธอเก็บมันไว้คนเดียวน่าจะดีที่สุด
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างน่าเบื่อเพราะงานส่วนมากก็คือการนัดหมายลูกค้าให้เจ้านายและจัดเอกสารเข้าแฟ้ม
ณชาถอนหายใจพลางมองไปที่นาฬิกาหลายรอบ
..เมื่อไหร่จะเลิกงานสักทีนะเธออยากกลับไปนอนเต็มทนแล้ว เมื่อคืนกว่าจะเลิกก็ตีสอง ถึงบ้านก็ต้องอาบน้ำทาครีมจะได้นอนก็ตีสาม แทบไม่อยากลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยซ้ำถ้ามารดาไม่ปลุกคงลางานเป็นที่เรียบร้อย
“ป้อนไปกินข้าวเที่ยงกัน”
พอถึงเวลาพักพี่สาวใจดีทั้งสองก็มาชวนไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านข้างบริษัท ด้วยความหิวร่างบางจึงจัดการอาหารตรงหน้าจนเรียบทำเอาคนชวนกินแทบไม่ทัน
“ไปหิวมาจากไหนเนี่ย” สจีวรรณเอ่ยถามพลางมองอาหารที่แทบไม่เหลือด้วยสีหน้าหวาดกลัว
..กินดุจริงๆ
“เมื่อคืนไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ตอนเช้าก็กินแค่ข้าวต้มเลยต้องจัดมื้อเที่ยงให้เต็มที่ค่ะ” อธิบายแล้วยกน้ำขึ้นมาดื่มเป็นการปิดท้าย
ทั้งสามจ่ายเงินเสร็จจึงเดินเข้าตึกเพื่อทำงานช่วงบ่าย
ร่างบางอยากจะตีอกชกหัวตัวเองเหลือเกินที่กินตามใจปากจนทำให้ตอนนี้มานั่งสัปหงกหน้าห้อง พยายามเพ่งสายตามองจอคอมพิวเตอร์พิมพ์งานที่ค้างก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เธอง่วงเกินกว่าจะโฟกัสกับสิ่งตรงหน้า เมื่อสักครู่ก็ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำคิดว่าจะทำให้ตื่น แต่ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด ผ่านไปสิบนาทีก็ง่วงเหมือนเดิม
ดวงตากลมโตหลับลงหวังจะพักสายตายกมือขึ้นมายันคางเอาไว้ก่อนสะดุ้งสุดตัวเพราะมีเสียงเรียกของเจ้านายดังขึ้น
“คุณณชาครับ”
“คะ!” อารามตกใจจึงลุกขึ้นขานรับเสียงดังจนคนทั้งแผนกหันมามอง
กองทัพต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้แสร้งทำขรึมเมื่อเห็นใบหน้าเหลอหลาของคนแอบหลับในที่ทำงาน
“เข้าไปพบผมในห้องด้วย”
ร่างบางพยักหน้าตอบรับเสียงอ่อยคิดว่าเขาจะต้องด่าเธอเรื่องเมื่อกี้เป็นแน่ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่าคนมันง่วงนี่นา แค่พักสายตาชั่วคราวเท่านั้นเอง
ณชาเดินคอตกเข้าไปในห้องของหัวหน้าแผนกโดยมีสายตาอยากรู้ของหลายคนมองตามเข้าไป
ภายในห้องทำงานของเขาเย็นจนต้องแอบห่อไหล่ เปิดแอร์อย่างกับอยู่ขั้วโลกเหนือ
..เขาเห็นเธอเป็นหมีขาวขนพองหรืออย่างไร
ค่อนขอดในใจแต่ใบหน้ายังคงยิ้มให้คนบนเก้าอี้ที่มองมายังตนเองพลางเคาะปากกาลงบนโต๊ะ
ทั้งสองสบตากันนานก่อนที่กองทัพจะเปิดปากพูด
“วันนี้ผมมีนัดไหม” คำถามธรรมดาของเขาสร้างความแปลกใจแก่ณชา
แต่เธอก็รีบตอบทันที
“ไม่มีค่ะ”
ร่างสูงพยักช้าๆ
“แล้วจะมีใครเข้ามาหาไหม”
..เรื่องแบบนี้เธอจะรู้ได้อย่างไรเล่า ทว่าถ้าไม่มีนัดจะมีคนเข้ามาหาได้อย่างไร
“คาดว่าคงไม่มีค่ะ”
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ประตูแล้วล็อกเสียงดังจนคนตัวเล็กสะดุ้ง
เขาจะล็อกห้องทำไม..
“ไปนั่งที่โซฟา”
คำสั่งนั้นสร้างความหวาดระแวงให้ณชาแต่ก็เดินไปนั่งตามคำสั่งของเขา ห้องของชายหนุ่มมีโซฟายาวสำหรับรับแขกข้างกันนั้นก็เป็นชั้นวางแฟ้มซึ่งเยอะจนดูแน่นตู้
ร่างบางเดินไปนั่งลงมองเขานิ่งพยายามอ่านจากสายตาว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแต่ก็ไม่ได้คำตอบ
..น่ากลัวเกินไปแล้ว
“นอนลงไป”
ร่างบางลุกขึ้นยืนทันที
“คะ!”
กองทัพโคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจเริ่มเข้าใจท่าทีของหญิงสาวว่ากลัวอะไรเขาจึงกดร่างบางให้นั่งลงบอกถึงเจตนาตนเองไม่ให้ณชาคิดไปไกลมากกว่านั้นเดี๋ยวเสียเวลาไปมากกว่านี้
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากให้ป้อนนอน ไปนั่งสัปหงกแบบนั้นคนเขาได้เอาไปนินทาพอดีว่าเลขาของคุณกองทัพนั่งหลับในเวลางาน”
เมื่อเข้าใจจุดประสงค์เธอจึงยอมทำตามที่เขาบอกแต่เพราะกระโปรงที่ใส่มาสั้นกว่าปกติเวลานอนจึงเลิกขึ้นเห็นขาเรียวขาว
ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะตนเองก่อนจะหยิบเสื้อสูทที่พาดไว้บนเก้าอี้มาปิดขาสวยเอาไว้ เหตุผลหนึ่งคือกลัวเธอหนาวแต่ใครจะรู้ว่ามีเหตุผลมากกว่านั้นเพราะเขากลัวอดใจไม่ไหวเดินมาขย้ำกระต่ายน้อยเสียก่อน
ภาพเหตุการณ์บนรถตามมาหลอกหลอนอยู่ทุกค่ำคืนจนต้องใช้มือทั้งสองข้างปลดปล่อยอารมณ์ตนเอง
“ให้นอนจริงนะคะ” มองเขาแล้วถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
กองทัพพยักหน้า
“นอนไปเถอะ ถ้าเลิกงานเดี๋ยวพี่ปลุกเอง”
ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจจึงนอนหลับไปทันทีภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ
กองทัพมองใบหน้าหวานที่หลับพริ้มก็ฉีกยิ้มออกมา กินอิ่มนอนหลับ หมูน้อยเอ๊ย
เวลาล่วงไปจนตะวันลาลับขอบฟ้าคนตัวเล็กที่นอนบนโซฟาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กองทัพเองก็ง่วนอยู่กับงานบนโต๊ะจึงไม่ได้ปลุกเธอว่าตอนนี้หกโมงครึ่งแล้ว เขามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่วเบาพร้อมร่างบางที่ลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ
..นอนเต็มอิ่มแบบนี้รู้สึกสดชื่นชะมัด
“ตื่นแล้วเหรอ”
เธอพยักหน้าพลางยิ้มอย่างสดใส ได้นอนแล้วทุกอย่างก็สว่างขึ้นหายง่วงเป็นปลิดทิ้งจนเริ่มกังวลว่าคืนนี้จะหลับไหม เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือตนเองก็ลุกขึ้นอย่างตกใจ หกโมงครึ่งแล้วเลยเวลาเลิกงานไปเป็นชั่วโมงเลย
“ป้อนกลับก่อนนะคะ”
ขณะที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอกคนตัวสูงก็ลุกขึ้นเดินมาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
“หมดประโยชน์แล้วจะทิ้งพี่เลยเหรอ” เอ่ยน้ำเสียงราวน้อยใจ
จนณชาเริ่มหน้าเสีย
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
“ถ้าไม่ใช่ก็ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ก่อนกลับสิ ให้เลือกเลยว่าจะกินอะไร”
เขาเอาของกินมาล่อเธอหากเป็นเมื่อก่อนคงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลเพราะมีไม่กี่ครั้งที่พี่ชายในดวงใจจะชวนไปไหนมาไหนด้วยกัน
ทว่าพอเป็นตอนนี้หญิงสาวกลับคิดไม่ตก
..เธอมีแฟนแล้วทำแบบนี้จะดีหรือ
“เสร็จแล้วพี่จะไปส่งกลับบ้าน”
มองดวงตาเรียวอ้อนวอนก็จำต้องพยักหน้าตกลง
..แค่กินข้าวเองไม่เป็นไรหรอก
กองทัพอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายตกลงเขาเดินมาเก็บของบนโต๊ะแล้วจับมือนิ่มพาออกจากห้องให้เธอเก็บกระเป๋าแล้วลงไปยังรถยนต์ของตน
อาหารที่ว่าก็คงไม่พ้นอาหารญี่ปุ่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บริษัท ณชาสั่งมาเต็มโต๊ะเพราะความหิว อาหารเมื่อตอนเที่ยงย่อยจนเหลือพื้นที่ว่างใส่อาหารมื้อเย็นเข้าไปได้อีกเยอะ
กองทัพมองน้องสาวกินแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงไม่คิดว่าเธอจะกินเยอะขนาดนี้
อาหารเต็มโต๊ะเหลือเพียงจานเปล่าเพราะร่างบางจัดการเรียบชนิดที่เขาเองก็กินแทบไม่ทันทว่าแค่มองเธอกินก็รู้สึกอิ่มแล้ว
อิ่มเอมใจ