๙ เธอจะดีหรือร้าย (๒)
“สั่งอีกไหม” เอ่ยถามพลางกลั้วหัวเราะ
“ไม่ไหวแล้วค่ะ ท้องจะแตกแล้ว” เอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่
กองทัพจึงจ่ายเงินแล้วหยิบกระเป๋าไปรอณชาหน้าห้องน้ำ ไม่นานร่างบางก็เดินออกมาตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขารออยู่ใบหน้าหวานเหวอเล็กน้อยแต่น่ารักในความรู้สึกของนักธุรกิจหนุ่มหล่อ
..ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงมองว่าเธอไม่น่ารักนะ
“กลับกันค่ะ/ไปดูหนังกัน” สองประโยคที่ไปคนละทิศทาง
ส่งผลให้ณชาหน้าเหวอหนักเข้าไปอีก อยากเขย่าตัวกองทัพว่ากินอะไรผิดสำแดงไปหรือเปล่าถึงชวนเธอไปดูหนังอย่างนี้ หรือตอนนี้เธอกำลังฝันจึงแอบหยิกเข้าที่ขาตนเองไม่ให้ชายหนุ่มเห็น
“ไปไหม” ถามย้ำอีกครั้ง
ซึ่งร่างบางก็หยักหน้าเหมือนคนละเมอ
“ค่ะ”
..ความจริงเหรอเนี่ย
ถามตนเองในใจก่อนจะมองมือหนาที่กำลังกุมมือเธอเอาไว้
..ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตนเองเลย เมื่อก่อนต้องขอร้องอ้อนวอนแทบคุกเข่าให้ชายหนุ่มไปดูหนังเป็นเพื่อนทว่าตอนนี้เขากลับเอ่ยชวนเอง
ขออัดคำพูดเอาไว้ได้ไหม..
คิดพลางอมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข หลงลืมไปชั่วขณะว่าตนเองมีเจ้าของแล้ว
กองทัพจับจูงมือคนตัวเล็กมาที่ยังโรงภาพยนตร์ อาจเพราะเป็นช่วงเย็นจึงมีคนมากกว่าปกติ ทั้งคู่เดินไปยืนดูจอบอกเวลาฉายหนังโดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดูเรื่องอะไร
ณชาหน้านิ่วคิ้วขมวดเลือกไม่ถูกว่าควรดูเรื่องไหน ไม่ค่อยมาโรงหนังจึงไม่รู้ว่าช่วงนี้เรื่องไหนกำลังดัง
“พี่ทัพเลือกเลยค่ะ ป้อนดูเรื่องอะไรก็ได้” บอกแบบนั้นก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นหนังผี“แต่ไม่เอาเรื่องนั้นนะ” ชี้ไปยังภาพยนตร์แนวลี้ลับ
กองทัพก็พยักหน้าพลางอมยิ้ม
..ปกติเห็นชอบดูครั้งนี้กลับเลือกที่จะไม่ดู สงสัยกลัวนอนไม่หลับเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วกัน” ดูเวลาฉายอีกไม่กี่นาทีเขาจึงตัดสินใจเลือกเรื่องนี้
ณชาพยักหน้าตกลงแล้วแต่เขา
“จะซื้อป๊อปคอร์นไหม”
ใบหน้าหวานส่ายไปมา
“ไม่เอาหรอก ป้อนยังอิ่มอยู่เลย”
คนตัวสูงทำเพียงยิ้มก่อนเดินไปซื้อตั๋วปล่อยให้ณชายืนรออยู่คนเดียว เขาเลือกที่นั่งหลังสุดเพราะค่อนข้างเป็นส่วนตัวและทั้งแถวก็ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเขา เมื่อซื้อเสร็จจึงเดินมาที่เดิมแต่ไร้เงาของคนที่มาด้วย
ดวงตาเรียวทรงเสน่ห์มองโดยรอบหาคนตัวป่วนกระทั่งร่างบางเดินเข้ามาในครรลองสายตาที่มือถือป๊อปคอร์นและน้ำดื่ม เห็นดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา
..แล้วบอกว่าอิ่มแต่ก็ยังไปซื้อขนมมากินจนได้ เอาไปยัดไว้ที่ไหนหมดนะ
“ไม่ต้องมองอย่างนั้นเลยนะ ป้อนกลัวพี่ทัพหิวต่างหาก” แก้ตัวทันที
ซึ่งกองทัพก็ไม่ได้เอ่ยขัดกลับชวนเธอเข้าไปนั่งรอในโรงหนัง
อาจเพราะเข้ามาก่อนเวลาหนังฉายจึงต้องนั่งมองตัวอย่างภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายทั้งมีโฆษณาจนแทบหลับ
ณชามีป๊อปคอร์นเป็นเพื่อนจึงนั่งมองจอตาแป๋วขณะที่ดวงตาคมเลื่อนสายตามามองใบหน้าหวานที่เคี้ยวขนมไม่หยุด
กลิ่นหอมจากคนตัวเล็กกระจายไปทั่วจนอยากฝังจมูกเข้าผิวนวล ใบหน้าหวานแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อดูตัวอย่างหนังตลก เธอจับป๊อปคอร์น ค้างไว้ที่ริมฝีปากจนกองทัพนึกอิจฉาขนมสีเหลืองกรอบ อยากสัมผัสปากนิ่มบ้าง
ยังจำสัมผัสไม่เคยลืม อยากจุมพิตอีกครั้งไม่ห่างแต่ก็ต้องตัดใจจากสิ่งยั่วยวนเหล่านั้นเมื่อเพลงสรรเสริญพระบารมีดังขึ้น ทั้งสองลุกยืนตรงไม่นานก็นั่งลงโดยที่กองทัพจับกล่องป๊อปคอร์นไปถือไว้จนคนตัวเล็กหันมามอง
“ไหนว่าซื้อให้พี่แต่ตัวเองกินไม่หยุดเนี่ยนะ” เอ่ยแซวเสียงเบากลัวคนอื่นรำคาญ
ณชาได้แต่ยิ้มแหยๆก่อนเหลือบมองขนม
“ก็ป้อนซื้อรสหวานมา พี่ทัพไม่ชอบไม่ใช่เหรอ” ตอนที่ซื้อก็ลืมเสียสนิทว่าอีกฝ่ายไม่ชอบกินรสหวานจะไปเปลี่ยนก็ไม่ทันเสียแล้วจึงต้องเลยตามเลย
“ชอบ ตอนนี้พี่ชอบแล้ว รสหวานก็อร่อยดี”
ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นแฝงความนัยเอาไว้หรือเปล่าแต่แก้มนวลกลับแดงขึ้นมาพร้อมรู้สึกร้อนที่ใบหน้า ยิ่งสบสายตาแวววาวก็ต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นพลางยกมือขึ้นพัดใบหน้าหวังให้คลายความร้อนบ้างแต่ไม่ได้ผลสักนิด
หนังเริ่มฉายณชาจึงละสายตาจากร่างสูงแต่แล้วเขากลับยื่นกล่องขนมมาใส่มือเธอเอาไว้พร้อมขอร้องน้ำเสียงออดอ้อนจนไม่กล้าปฏิเสธ
“พี่ไม่อยากให้มือเปื้อน ป้อนหน่อยสิ”
ใจดวงน้อยสั่นไหวราวเกิดแผ่นดินไหวข้างในนั้น มือสองข้างกำเข้าหากันเพื่อระงับอาการเขินอายเมื่อสบตาเขา
“กินเองสิคะป้อนจะดูหนัง” ปฏิเสธเสียงอ่อนพลางหลบสายตาคู่คมมองหนังที่กำลังฉายทั้งที่สมองไม่รับรู้เรื่องอื่นเลย
“ก็อยากให้ป้อน..ไม่ได้เหรอครับ” เสียงอ่อนโยนอีกทั้งเขาโน้มตัวมากระซิบแผ่วเบาข้างหูจนรู้สึกจั๊กจี้ อาการมวนท้องเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งพยายามเอนกายหนีเขาแต่เพราะมีที่วางมือกั้นเอาไว้จึงไม่สามารถหนีห่างไปได้
“ก็ได้ค่ะ แต่พี่ทัพออกไปไกลๆ หน่อยสิ” ผลักคนตัวสูงให้ออกห่าง
เขายอมทำตามโดยที่ณชาไม่เห็นรอยยิ้มมุมปากของคนเจ้าเล่ห์ มือเล็กหยิบป๊อปคอร์นขึ้นป้อนถึงปาก นิ้วเรียวสัมผัสริมฝีปากเขารู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าสถิตจึงรีบถอนมือออกมาหันไปมองคนตัวสูงที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“อร่อยดี” ยักคิ้วให้ก่อนจะมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่
คนตัวเล็กจึงค่อยพรูลมหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังจะตายให้ได้
..พี่ทัพเวอร์ชั่นนี้ไม่คุ้นชินเลย ทำตัวลำบากเหลือเกินกับการหักห้ามใจตนเองไม่ให้โอนอ่อนไปกับเขา
ณชาละสายตาจากคนตัวสูงไปมองที่หน้าจอบ้าง หนังสนุกจนเธอลืมเลือนคนข้างกายไปชั่วขณะ มือเล็กยังทำหน้าที่ป้อนขนมใส่ปากเขากระทั่งเริ่มอินกับเรื่องตรงหน้าจึงหยิบใส่ปากตนเองเป็นส่วนมากไม่คิดถึงกองทัพสักนิด
ชายหนุ่มหันมามองก็เห็นร่างบางสนใจกับสิ่งตรงหน้า เขาใช้เวลานี้แอบมองเธอให้เต็มตาแล้วยิ้มออกเมื่อคิดอะไรดีๆ ได้ มือเล็กจับขนมเข้าปากตาก็สนใจเรื่องราวตรงหน้ากระทั่งมีเงามาทาบทับและดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
กองทัพกินข้าวโพดอบกรอบในปากของณชาใช้วิธีจุมพิตโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวสักนิด เขาแย่งชิงขนมชิ้นนั้นได้แล้วผละออกมาเคี้ยวมันอย่างมีความสุขหันมายิ้มให้คนตัวเล็กซึ่งนั่งตัวแข็งราวโดยแช่ในช่องฟรีซเป็นที่เรียบร้อย
“ขนมอร่อยดีนะ” ทั้งที่ชมขนมแต่ดวงตากลับจ้องริมฝีปากสีสวยไม่วาง
จนคนตัวเล็กต้องหลบหน้าเขา ยื่นกล่องป๊อปคอร์นใส่มือหนาแล้วพูดเสียงแผ่ว
“เอาไปกินเลยค่ะ ป้อนไม่อยากกินแล้ว”
..ใครจะไปกินลงเจอเหตุการณ์แบบเมื่อครู่เข้าไป เธอไม่สติแตกจนโวยวายลั่นโรงก็ดีแค่ไหนแล้ว
หลังจากนั้นณชาก็ดูหนังไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ผิดกับกองทัพที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยิ้มกินขนมจนหมดกล่อง
หลังหนังจบทุกคนก็ทยอยออกจากโรงหนังซึ่งณชาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เดินแกมวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เดินก้มหน้าจนคนที่ตามมากลัวว่าจะไปชนใครเข้าต้องคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนจะเดินหลงกันเสียก่อน
“เดินเร็วขนาดนี้จะรีบไปไหนครับ” กองทัพถามเสียงหวาน
แต่ณชาไม่กล้าหันไปสบตา
..เขากล้าทำแบบนั้นทั้งที่ในโรงหนังมีคนเยอะแยะได้อย่างไร
“กลับบ้านค่ะ ป้อนจะกลับบ้าน” ย้ำให้เขารู้
ซึ่งกองทัพก็พยักหน้ารับ
“ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”
เดี๋ยวนี้ชายหนุ่มพูดเพราะกับเธอมากกว่าเดิมสร้างความหวาดหวั่นในใจให้ณชายิ่งนัก
..แบบนี้เธอจะรอดจากเขาได้อย่างไร แค่นี้ก็ตกหลุมรักจนขึ้นไม่ได้แล้วเขากลับขุดมันให้ลึกลงไปอีกจนเธอถอนตัวไม่ขึ้น
แย่แน่ป้อนข้าว เธอแย่แน่ๆ..
สองหนุ่มสาวเดินลงไปลานจอดรถด้วยกัน ใบหน้าคมยิ้มแย้มมีความสุขที่ได้เดินจับมือกับเธอในขณะที่ณชาก็ไม่ต่างกัน หัวใจดวงน้อยเต้นไหวราวสาวน้อยพึ่งมีรักครั้งแรกก่อนใบหน้าของตฤณจะโผล่ขึ้นมา เธอควรปล่อยคุณหมอได้แล้วไม่ควรรั้งเขาเอาไว้กับผู้หญิงใจง่ายแบบตน
คิดดังนั้นก็ตัดสินใจจะบอกเลิกตฤณ
..ถึงเวลาต้องเผชิญความจริงแล้ว
และความจริงที่อีกตัวแปรเป็นผู้หญิงอีกคนก็มายืนตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด
“อ้าวทัพ! ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่”
ปลายฟ้า...
กองทัพปล่อยมือเขาออกจากณชาทันทีโดยไม่รู้สึกตัวแต่คนตัวเล็กรู้สึกและการกระทำนั้นมันกระแทกเข้าไปกลางใจเธอทันที มองมือตนเองที่เป็นอิสระก็เหมือนมีก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอก มันเสียดแทงหัวใจจนรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัดทว่าพิษร้ายแรงยิ่งนัก
“เอ๋..น้องป้อนใช่ไหมคะ จำพี่ได้ไหม พี่ปลายฟ้าไงคะ” รุ่นพี่คนสวยยิ้มแย้มราวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่เคยชอบกันตั้งแต่อดีต รู้สึกเหมือนมองกันและกันได้อย่างทะลุปรุโปร่งจึงเกลียดมาตลอด
“ค่ะ” ตอบสั้นๆ เพราะไม่อาจพูดอะไรได้อีกความเจ็บกำลังกัดกินไปทั่วใจ ยิ่งมองแววตาคนที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าก็ถอนสายตาออกจากเขา
..แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีกองทัพก็ไม่เคยลืมปลายฟ้าเลยสินะ
‘พี่แค่อยากรู้ว่าคุณทัพเขาไม่มีแฟนเหรอ ตั้งแต่ที่เขามาทำงานก็ไม่เห็นควงสาวที่ไหนเลย ข่าวในวงสังคมเรื่องผู้หญิงก็ไม่มี เหมือนอยากจะครองโสดตลอดไป’
คำพูดของอัญชิสาแวบเข้ามาในหัวจึงเข้าใจในวินาทีนี้เองว่าทำไมเขาถึงยังครองตัวเป็นโสดทั้งที่มีสาวเข้าหาตลอด
..เพราะรอปลายฟ้านี่เอง
“ทัพกำลังจะกลับใช่ไหม ปลายขอติดรถกลับด้วยสิ รถเสียอะ” เอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติทว่ากลับออดอ้อนอยู่ในที
“ก็เรียกช่างสิคะ อีกไม่นานเขาคงมา” ณชาเอ่ยขัดทั้งที่เจ้าของรถยังไม่ได้พูดอะไร เขาเงียบราวกับมีเข็มมาเย็บปากเอาไว้
“พี่ก็อยากรอนะคะแต่ต้องรีบไปงานเลี้ยงของบริษัทด้วยสิ ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน่ะ เรากลับด้วยนะทัพ” ไม่พูดเปล่าแต่ร่างบางกลับเดินมากอดแขนเขาเอาไว้อย่างถือวิสาสะ
ณชามองด้วยความไม่ชอบใจจึงขัดอีกครั้ง
“แท็กซี่ไงคะ เดี๋ยวป้อนโทรเรียกให้เอาไหมคะ”
ปลายฟ้าหันมายิ้มให้ผู้หญิงอายุน้อยกว่าตน
“พี่โทรแล้วแต่อีกนานกว่าเขาจะถึงค่ะ พี่ต้องรีบไปด้วยสิ”
เกลียดรอยยิ้มนั่นที่มองอย่างไรก็รู้สึกว่ากำลังถูกเยาะเย้ย
“กลับด้วยกันก็ได้ ไปเถอะ” ในที่สุดคนซึ่งนิ่งเงียบมาโดยตลอดยอมเปิดปากอนุญาต
ปลายฟ้าฉีกยิ้มจนณชาค่อนขอดในใจ
..ปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วนั่น
สองสาวสบตากันเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังส่งสารท้ารบก่อนที่กองทัพจะเดินไปเปิดรถ
ณชาด้วยความไวกว่าจึงรีบเปิดประตูนั่งข้างคนขับปลายฟ้าจึงต้องเดินไปนั่งข้างหลังโดยปริยาย ใบหน้าหวานงอง้ำแต่ก็ต้องฉีกยิ้มหวานให้เจ้าของรถ
“ขอบคุณทัพมากนะคะที่ให้ปลายติดรถไปด้วย ไม่อย่างนั้นแย่แน่เลย”
ชายหนุ่มทำเพียงแค่พยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรกลับ รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปจากห้างสรรพสินค้าโดยที่มีปลายฟ้าเป็นผู้เริ่มบทสนทนาประโยคแล้วประโยคเล่า
“จริงสิ คอนโดปลายอยู่ใกล้คอนโดทัพ ยังไงไปส่งน้องป้อนก่อนค่อยไปส่งปลายก็ได้นะคะ”
ณชาหันไปมองผู้โดยสารหลังรถด้วยความไม่ชอบใจ ปลายฟ้าส่งยิ้มมาให้แต่ดวงตากลับมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงส่งมาเช่นกัน และตอนนั้นเองที่รู้สึกว่าสงครามได้เริ่มขึ้นอย่างแท้จริง..