บท
ตั้งค่า

๖ เตือนความจำ (๒)

ระหว่างทางก่อนถึงบ้านณชาไม่บอกอะไรให้คุณหมอหนุ่มรับรู้และเขาก็ไม่ถามถามอะไรรอให้แฟนสาวพร้อมที่จะเล่าเอง มือเล็กเช็ดน้ำตาออกจนตอนนี้เหือดแห้งไปหมดคงไว้ซึ่งร่องรอยที่บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านการร้องไห้มา

“พี่หมอจะกินข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ” ถึงซอยเข้าบ้านจึงหันมาถามร่างสูง

เขาส่ายหน้ายิ้มๆ

“พี่ติดธุระกับอาหมอคงอยู่กินข้าวเย็นด้วยไม่ได้ เสียดายอยากอยู่กับป้อนนานกว่านี้” หยอดเล็กน้อยหวังให้ร่างบางอารมณ์ดีก็ได้รับยิ้มหวานๆ จากเธอเป็นการตอบแทน

..คุณหมอดีแสนดีขนาดนี้ทำไมถึงไม่ชอบนะป้อน

รถยนต์จอดหน้าบ้านไม่ได้เข้าไปภายในรั้วบ้านเพราะดูเวลาแล้วกลัวไปไม่ทันนัด

“พี่ตฤณคะ ป้อนขอโทษนะ”

แต่ประโยคของณชาก็สร้างความสงสัยให้แก่ร่างสูงไม่น้อย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีก่อนลางสังหรณ์บางอย่างจะเอ่ยเตือนว่าควรตัดบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น

ก้มมองมือตนเองรวบรวมความกล้าที่จะบอกตัดขาดสถานะคนรักกับเขา

“ป้อนไม่อยากทำร้ายพี่อีกแล้ว”

ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบดวงตาคมที่เสหลบทันทีเมื่อได้มองเธอ เขารีบยกข้อมือขึ้นดูเวลาแสร้งทำทีเหมือนรีบนักหนาทั้งที่คาดคะเนไว้แล้วว่าไปทันนัดแน่นอน

“พี่ต้องรีบไปแล้ว ขอโทษด้วยนะไม่ได้อยู่คุยกับป้อน” มือหนายกขึ้นลูบผมเธออย่างนึกเอ็นดู

เพียงเท่านั้นสาวนักเรียนนอกก็รู้ว่าไม่ใช่เวลานี้จึงพยักหน้าลงจากรถโดยโบกมือลาแฟนหนุ่มที่ส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนรถยนต์จะขับเคลื่อนออกไป

ใบหน้าคมค่อยๆ หุบยิ้มก่อนจะเกิดอาการเคร่งเครียด เขาจะยื้อเวลาไปได้อีกนานแค่ไหนเพราะใจของเธอไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลยแม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาตฤณจะมีเพียงณชาคนเดียวก็ตาม

บ้านวิจิตรประภาเปิดไฟสว่างพร้อมหน้ากันร่วมรับประทานอาหารเย็น ประมุขของบ้านอย่างคุณภราดรมองลูกชายคนเล็กมีสีหน้าเบิกบานเกินเหตุก็นึกหมั่นไส้จนอยากหาเรื่องให้นักรบมีอาการเดือดเนื้อร้อนใจกับเขาบ้าง

“เดี๋ยววันเสาร์ไปตีกอล์ฟเป็นเพื่อนพ่อหน่อยนะรบ”

จากที่กินข้าวด้วยความอร่อยหนุ่มน้อยก็ชะงักหันมามองบิดาที่เอ่ยขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรพ่อ รบไม่ถนัดตีกอล์ฟไม่ไปหรอก น่าเบื่อจะตายคุยแต่เรื่องธุรกิจ ไม่ใช่แนวเลยนะ” ปฏิเสธทันทีตามนิสัยของตน

..หากเป็นกีฬาอื่นพอไหวแต่การตีกอล์ฟไม่ใช่ทางของเขาเลยจริงๆ การเดินกลางแดดตามลูกกลมๆ ที่มีขนาดเล็กเท่าตาแมวไม่เห็นจะสุนทรีย์ตรงไหน

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปเรียนรู้งาน” คำว่าเรียนรู้งานของบิดาคือเป็นเด็กฝึกงานที่ต้องไม่ให้คนรู้ว่าเป็นลูกหลานของผู้บริหารระดับใหญ่ซึ่งกองทัพเคยผ่านมาแล้ว โดนใช้งานหนักยังกับเบ้นักรบเห็นยังเคยแซวพี่ชายอยู่เลยไม่นึกว่าวันของตนจะมาถึงเร็วขนาดนี้

“อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอิ่มขึ้นมา ขอตัวก่อนนะครับมีงานต้องทำ” รีบดื่มน้ำก่อนจะลุกขึ้นวิ่งออกจากครัวจนมองไม่เห็นหลัง

ภราดรมองตามลูกชายคนเล็กพลางส่ายหน้า สงสัยอยู่กับพสุธามากเกินไปจึงติดนิสัยอีกฝ่ายมา กวนไม่มีใครเกิน

“ผมก็อิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ”

เปมิกามองบุตรชายคนโตที่ทำเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา สองหนุ่มออกจากห้องอาหารไปแล้วคนเป็นพ่อแม่จึงมองหน้ากัน

“พี่ดลว่าทัพแปลกไปไหมคะ เดี๋ยวนี้ลูกเหมือนมีเรื่องให้คิด พี่ใช้งานลูกหนักไปหรือเปล่า” หันไปคาดคั้นสามีที่อยู่ดีๆ ก็โดนสายตาจับผิดเสียอย่างนั้น

ความกลัวเมียจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“เปล่านะ งานก็ปกติพี่ไม่ได้ให้เจ้าทัพเยอะเลย ลูกชอบทำงานเอง”

เปมิกาจึงละความสนใจจากสามี คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกเพราะไม่อย่างนั้นกองทัพคงมาปรึกษาแล้ว เหลือก็แต่เรื่องของนักรบเท่านั้นที่เธอต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียที

ลูกชายคนโตของคุณภราดรเดินเข้าห้องนอนก่อนเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระกายโดยภายในหัวก็คิดเรื่องเมื่อเย็น ต่อจากนี้เขาจะเดินหน้าแต่ว่าก็ติดที่ใบหน้าของพณณกรโผล่ขึ้นมา เขาเคยทำผิดกับเพื่อนด้วยการเป็นชู้กับแฟนของอีกฝ่าย แล้วครั้งนี้เขาก็จะทำผิดแบบนั้นอีกหรือ

..มันไม่เหมือนกัน ครั้งนั้นเขาอาจจะเรียกว่าแย่งคนรักของเพื่อน แต่ครั้งนี้เขาแค่ต้องการทวงผู้หญิงที่เป็นของตนเองกลับมา

มือหนาเอื้อมไปหมุนปิดก๊อกน้ำแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมที่เปียกจากการสระผม เดินออกมาข้างนอกก็ตกใจหัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อพบน้องชายมายืนรอหน้าประตูห้องน้ำ

“เฮ้ย!” นักรบปิดไฟทั้งห้องแล้วหยิบไฟฉายมาส่องก่อนแลบลิ้นใส่พี่ชายและการแกล้งครั้งนี้ก็ได้ผลเกินคาดใบหน้าที่เคยหล่อตกใจจนสิ้นความหล่อเหลา

“ฮ่าๆ หน้าพี่โคตรตลกเลย”

คนพี่เอื้อมมือไปตบศีรษะน้องชายแล้วเดินไปเปิดไฟ ลูบหน้าอกตัวเองบรรเทาอาการตกใจเมื่อครู่โดยที่นักรบไม่ได้สะทกสะท้านสักนิด แค่ได้แกล้งก็มีความสุขแล้วการโดนตบนั้นเป็นเครื่องการันตีว่าแผนเขาสำเร็จ

“เล่นบ้าอะไรของแก ไหนว่าจะไปทำงาน” เจ้าของห้องหยิบชุดเสื้อยืดกับกางเกงเอวยืดมาเปลี่ยน ขณะที่น้องชายเดินไปนั่งบนเตียงกว้างอย่างถือวิสาสะ

“ไม่มีงานหรอก แค่อยากหนีพ่อเฉยๆ”

..ก็ไม่ผิดจากที่คาดเดาเอาไว้

กองทัพส่ายศีรษะลงมือเช็ดผมให้แห้งแล้วเอาเท้าเขี่ยน้องชายก่อนจะใช้สายตาบอกว่าไปนั่งที่โซฟาปลายเตียง

นักรบทำหน้ายุ่งแต่ก็ลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟา

“แล้วเข้ามามีอะไร”

นักรบส่ายหน้าช้าๆ

“เหงา โทรหาเพื่อนก็ไม่ว่างเลยมาหาพี่ชาย มีอะไรอัพเดทบ้างไหม”

ถามเสียงตื่นเต้นจนคนพี่นึกระอาน้องชายที่ชอบจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นเหลือเกิน กองทัพกำลังจะปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องอะไรก่อนจะนึกขึ้นมาได้

“ไอ้รบฉันถามแกสักอย่างหน่อยสิ” คนน้องได้ยินก็กระตือรือร้นตาโตรีบหันมาหาพี่ชายทันที

“สมมตินะ ถ้ามีผู้หญิงมาชอบแกจะชอบเขาตอบไหม”

นักรบรีบถามกลับอย่างรวดเร็ว

“เขาสวยไหม”

“ก็ไม่ได้ขี้เหร่”

เกิดความเงียบระหว่างสองพี่น้อง

“ถ้าตัดเรื่องหน้าตาออกไปก็ต้องถามว่านิสัยเข้ากันได้ไหม เอาจริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าสวยไม่สวย รวยหรือไม่รวยนะ ขอแค่ไม่งี่เง่าเจ้าบงการก็พอแล้ว” หนุ่มนักรักที่มีแฟนมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามคนแสดงความคิดเห็น ซึ่งสามคนที่คบกันนั้นก็เลิกด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเธองี่เง่าตามติดเขามากเกินไป

“แล้วถ้าเกิดแกก็ชอบเขาล่ะ”

น้องชายตบเข่าฉาดใหญ่ตอบเสียงดังฟังชัด

“ก็คบสิครับจะไปยากอะไร เขาชอบเรา เราชอบเขา มันก็รู้สึกเหมือนกันจะเหนียมอายรอพระอินทร์มาเชื้อเชิญให้สมสู่กันเหรอ”

..ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ถามน้อง ดูคำพูดคำจาแต่ละอย่างไม่ค่อยจะพึ่งพาได้เท่าไหร่เลย

กองทัพเงียบไปอย่างครุ่นคิดก่อนจะถามคำถามสุดท้าย

“แล้วถ้าใจตรงกันแต่เขาดันมีแฟน แกจะทำยังไง”

นักรบเองเมื่อเจอคำถามนี้ก็เงียบไปเช่นเดียวกัน นักศึกษารูปหล่อยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด

“ไม่เอาหรอกพี่ ถึงเขาจะชอบเราแต่ว่าเขามีแฟนแล้วนะ คนมีเจ้าของผมไม่ยุ่งมันบาป ทางศาสนาท่านสอนไม่ควรผิดลูกผิดเมียใคร”

“แต่แกกินเหล้า”

นักรบโบกมือทันที

“อันนั้นไม่นับสิ ถือเป็นปัจจัยที่ห้าขาดไม่ได้” หนุ่มวิศวที่รวบรวมคนเถื่อนเอาไว้ถือว่าเหล้าเป็นสิ่งสำคัญมาก คิดงานไม่ออกแค่น้ำสีอำพันเข้าปากมือก็ไหลลื่นสมองปลอดโปร่งไม่นานงานก็เสร็จพร้อมเฝ้าพระอินทร์

“ถ้าถามผมก็เลิกยุ่งนั่นแหละ มันเป็นทางที่ดีสุดแล้วถึงเรารักเขา เขารักเราแต่ตัวแปรสำคัญคือเขามีแฟนไง นั่นก็เท่ากับว่าทั้งเราและเขากำลังทรยศคนคนหนึ่งซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ถามจริงไม่สงสารเขาเหรอวะ”

กองทัพไม่ตอบน้องเพราะในใจก็รู้สึกผิดต่อตฤณเช่นกัน

“คนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่เคยได้ยินไหมพี่”

..หลายคนก็บอกแบบนั้นแต่การทำตามคำพูดสวยหรูมันยาก จิตใจมนุษย์มีกิเลสตัณหาและคนส่วนมากมักทำตามความต้องการของตนเอง

“ง่วงแล้ว แกไปนอนเถอะ”

“อ้าว ทำไมไล่กันอย่างนี้ล่ะ ไม่ถามต่อแล้วเหรอ”

พี่ชายส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปทิ้งผ้าขนหนูลงตะกร้า

“เลือกเอาแล้วกันว่าจะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ คิดให้ดีนะครับคุณกองทัพ” ก่อนออกไปไม่วายหันมาพูดใส่พี่ชาย

ซึ่งกองทัพก็โบกมือไล่เดินไปปิดประตูใส่หน้าหนุ่มหล่อนามนักรบทันที ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

..สุดท้ายแล้วเขาควรจะเลือกทางไหนดี หากณชาไม่มีพันธะคงไม่ยากที่จะเข้าหาแต่เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่คนไร้คู่อย่างที่ผ่านมาแล้วใจเจ้ากรรมที่เคยนึกรำคาญก็ดันคิดถึงแต่เธอ

เขาควรเลือกสวรรค์หรือนรกดีล่ะคราวนี้

ตฤณออกจากห้องของคุณอาหมอด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าที่ไม่อาจปิดมิด โรงพยาบาลยามค่ำคืนเงียบเชียบอย่างน่ากลัวแต่เพราะคุ้นชินจึงไม่มีอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นกับชายหนุ่ม ไฟบางดวงถูกปิดเหลือเพียงส่วนกลางสำหรับพยาบาล

โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เปิดมานานจึงเป็นที่ไว้ใจของบุคคลภายนอก ทั้งคนฐานะปานกลางถึงระดับเจ้าของธุรกิจต่างไว้ใจเข้ามารักษาด้วยมีแพทย์ฝีมือดีหลายคน ปีหนึ่งมีนายแพทย์ยื่นใบสมัครเข้าทำงานหลายสิบคนแต่ถูกคัดเลือกให้เข้าทำงานที่นี่เพียงไม่กี่คนและตฤณคือหนึ่งในนั้น

เขาไม่ได้เก่งมากมายแต่เพราะบิดามีหุ้นอยู่ที่นี่ จะบอกว่าเขาใช้เส้นก็ไม่ผิดมากนักในเมื่อนายแพทย์ตฤณเป็นลูกชายคนรองของผู้บริหารระดับสูงอย่างนายแพทย์ไตรภพ ศิลาชัย แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งเพราะฝีมือของชายหนุ่มก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร

“ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก” คุณหมอณัชชาเดินผ่านร่างสูงจึงหยุดทัก

ตฤณรีบยิ้มให้สลัดความเหนื่อยบนใบหน้าออกทันทีไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง

“เรามาคุยกับอาหมอเรื่องโครงการของโรงพยาบาลน่ะ”

ดวงหน้าหวานพยักหน้าเล็กน้อย พอรู้มาบ้างว่าโรงพยาบาลกำลังมีโครงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรแต่เธอไม่เห็นว่าจะสำคัญเท่าไหร่ก็แค่โครงการที่ต้องการดึงงบประมาณเพื่อหมุนเวียนให้ตนเองเท่านั้น ใครว่ามีแค่โรงพยาบาลรัฐที่ทำแม้แต่เอกชนก็แบ่งฝ่ายกันชัดเจนจนคร้านจะสนใจ

“แล้วทำไมวันนี้กลับดึกอีกแล้วล่ะ โหมงานหนักเกินไปไหมครับคุณหมอ” มองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวไร้สีเลือดก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

“ปกตินั่นแหละไม่ได้หนัก”

“แล้วกินข้าวเย็นหรือยัง” ส่ายหน้าช้าๆ พลางก้มหน้าหนีความผิด

ตฤณถอนหายใจยาวก่อนลุกขึ้นยืนคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วจูงให้เดินไปด้วยกัน

“จะพาเราไปไหน”

“ไปกินข้าวไง ร้านบะหมี่หน้าโรงพยาบาลนี่แหละ” บอกจุดหมาย

คนตัวเล็กก็เอ่ยจะคัดค้าน

“แต่เรา” ยังพูดไม่จบดวงตาคมก็หันมาทำให้คำพูดทั้งมวลหายไปในทันที เธอถอนหายใจยอมทำตามคำสั่งของเขา “ก็ได้ กินก็กิน” คุณหมอหวานใจไม่ชอบกินอะไรที่เป็นเส้นเพราะมันค่อนข้างกินยาก แต่ตอนนี้คงไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนได้

เธอลอบมองมือเขาที่จับมือตนเองเอาไว้ก็พยายามเม้มปากไม่ให้เผยรอยยิ้มออกมา

..เขาแสนดีขนาดนี้จะให้ตัดใจได้อย่างไร ขอแอบรักอยู่ในมุมของตนเองก็พอแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel