บท
ตั้งค่า

๖ เตือนความจำ (๑)

เตือนความจำ

ณชาขึ้นบนบ้านโดยไม่รับประทานอาหารเย็นเพราะเลยเวลามามากแล้วอีกอย่างคือเธอกินอะไรไม่ลงหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อสักครู่มา

..กองทัพจูบเธอ..เขาทำแบบนี้ทำไม ระหว่างทางก็นึกมาตลอดแต่ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้

เขาเห็นเธอเป็นของตายที่อยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ..

เธอเป็นคนไม่มีชีวิตจิตใจหรือไง..บางครั้งก็ทำเย็นชาไม่สนใจ บางครั้งก็เข้าหาอย่างไม่มีเหตุผลราวต้องการล้อเล่นกับความรู้สึก

สับสนจนคิดอะไรไม่ออกจึงไปชำระร่างกายตนเองแต่งชุดนอนออกมายืนที่ระเบียงของห้องเหม่อมองท้องฟ้าที่มืดสนิทเห็นเพียงพระจันทร์เสี้ยว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเลยค่ะไม่ได้ล็อก” เสียงประตูเปิดโดยที่ณชาไม่ได้หันไปมอง เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียง

คนเข้ามาใหม่จึงเดินมานั่งด้วย

“วันนี้กลับดึกนะ”

หันมามองพี่ชายแล้วถอนหายใจทันที เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันนักหรอกเพราะพี่เปเปอร์ หรือนายนนกุล พิบูลกนกกลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับควบด้วยตำแหน่งผู้จัดละครงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพัก ยิ่งบิดามีค่ายสร้างละครเป็นของตนเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน

“คิดถึงจังเลย ขอน้องกอดหน่อย” เข้าไปกอดพี่ชายที่เต็มใจรับอ้อมกอดจากน้องสาว

ดูจากหน้าก็รู้ว่าณชามีเรื่องไม่สบายใจ ลมพัดหอบเอากลิ่นดอกไม้ที่สวนขึ้นมาทำให้รู้สึกสดชื่นคลายความทุกข์ไปได้บ้าง

“ได้ข่าวว่าพาแฟนมาบ้าน พี่ยังไม่เห็นเลย แม่บอกว่าเป็นหมอซะด้วย เลือกเก่งไม่เบา”

ณชาผละจากพี่แล้วทำหน้าราวภูมิอกภูมิใจนักหนา

“แน่นอนอยู่แล้ว”

นนกุลส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นโคลงศีรษะน้องเบาๆ

“อย่าทำให้เขาเสียใจล่ะ”

สองพี่น้องมองตากันนิ่งรับรู้ถึงเรื่องราวในอดีต พี่ชายอย่างเขาทำไมจะไม่รู้ว่าน้องสาวมีใครอีกคนอยู่ในใจตลอด ครั้งที่ไปเรียนเมืองนอกทั้งที่ไม่เคยอยากไปสาเหตุคงไม่พ้นชายผู้กุมดวงใจของณชาเอาไว้ อยากเข้าไปชกหน้าหลายครั้งแต่ก็ต้องห้ามตนเองไว้เพราะคำขอของน้องสาว

“ถ้าไม่ชอบก็บอกเขา ยิ่งยื้อเวลาแบบนี้มันก็ไม่ดีกับทั้งป้อนและหมอเข้าใจใช่ไหม” นนกุลมองน้องสาวทะลุปรุโปร่งแม้จะไม่เจอกันมานาน แค่มองตาก็รู้ใจว่าหญิงสาวคิดอย่างไร

“ป้อนสงสารพี่ตฤณ” ก้มมองมือตนเองไม่กล้าสบตาพี่ชาย

นนกุลรู้จากมารดาว่าณชาไปทำงานกับกองทัพแน่นอนการได้ใกล้ชิดกับคนที่อยู่ในใจไม่ใช่เรื่องดีนัก น้องสาวของเขาจิตใจยังไม่เข้มแข็งพอแม้จะใช้เวลาทำใจนานถึงสี่ปีก็ตาม

เธอยังไม่ลืมกองทัพ..

“ถ้าอย่างนั้นมีสองทางให้เลือก ตัดใจจากพี่ทัพแล้วเดินหน้ากับหมอหรือบอกเลิกหมอแล้วเดินตามทางของหัวใจ”

..ชอยซ์ง่ายๆ แต่การตัดสินใจยากเหลือเกิน

เธอคิดเรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่คบกับหมอตฤณไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้คำตอบเสียที เธอไม่กล้าที่จะบอกเลิกเขาทั้งที่คบกันได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น จึงเหลืออีกทางเลือกคือตัดกองทัพออกจากใจซะ

“ใช้สมองและหัวใจให้ทำงานร่วมกัน พี่ไปแล้วพรุ่งนี้ต้องออกกองแต่เช้า” ยีหัวน้องเบาๆ ก่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องไม่ลืมล็อกประตูให้ด้วย

ณชาถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หากใจแข็งอีกสักนิดกองทัพคงไม่ได้เข้ามาอยู่ในใจของเธอหรือถ้าเขาทำเป็นรำคาญเหมือนเมื่อก่อนก็คงดีจะได้ไม่ต้องคิดเข้าข้างตนเองว่าอีกฝ่ายมีใจให้ตนอย่างตอนนี้

ความรู้สึกแรกที่ลืมตามองเพดานหลังจากนาฬิกาปลุกคือไม่อยากไปทำงาน ไม่พร้อมจะเจอหน้ากองทัพ

..หากพบกันเธอจะทำอย่างไร จะพูดอะไรกับเขา เรื่องเมื่อวานไม่มีทางลืมแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเช่นเดียวกัน

“โอ๊ย เครียด!” ยีผมตัวเองจนฟูไม่เป็นทรง เรียกกำลังใจก่อนลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วเลือกชุดใส่ไปทำงาน

..ต่อจากนี้จะต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้

หมายมั่นอย่างนั้นแต่พอมาถึงที่ทำงานก็เริ่มกังวลอีกครั้ง

..เจอหน้ากันต้องทำอย่างไรนะ

คิดไม่ตกจึงเดินไปชงกาแฟมาไว้ในห้องให้กองทัพระหว่างนั้นก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายกระทั่งเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินมาทางนี้ หัวใจจากเคยเต้นสงบกลับเต้นเร็วขึ้นจนกลัวว่าจะมีคนได้ยิน ใบหน้าหวานก้มมองแป้นคีย์บอร์ดพิมพ์ตัวหนังสือภาษาไทยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่เข้าใจประโยคที่พิมพ์ลงสักนิด

ชายหนุ่มเดินเข้าห้องโดยไม่ได้ทักทายคนที่อยู่ข้างนอกเลยราวกับเธอไม่มีตัวตน จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ มือเล็กที่เคยพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดชะงักก่อนใบหน้าหวานจะมองประตูซึ่งปิดสนิทราวมีเปลวไฟในดวงตาคู่นั้น

เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร!

ร่างบางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปห้องน้ำปิดประตูแล้วนั่งลงบนชักโครก อยากกรีดร้องดังๆ สักครั้งเพราะไม่เข้าใจว่ากำลังรู้สึกอะไรกันแน่ เสียใจที่เขาเมิน โกรธที่เขาทำเหมือนล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอหรือน้อยใจที่เป็นได้เพียงแค่คนแก้เหงา

เหนื่อยเหลือเกินกับความรู้สึกตอนนี้ อยากหนีไปไกลๆ แต่ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ตรงนี้ได้พลางคิดถึงหน้าหมอตฤณความรู้สึกผิดก็เกาะกินหัวใจมากกว่าเดิม หากวันนั้นไม่ตอบรับพัฒนาสัมพันธ์ที่มากเกินพี่น้องคงไม่ต้องมานั่งรู้สึกผิดแบบนี้ เขาจะได้ไปเจอคนที่ดีกว่าเธอแต่ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาไกลเกินจะถอยกลับไปแก้ไขได้สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คงเป็นการซื่อสัตย์ต่อแฟนหนุ่ม

หักห้ามใจตนเองให้ได้

“อ้าวป้อน ไม่ไปกินข้าวเที่ยงเหรอ” คนที่มัวแต่ทำงานเงยหน้าขึ้นสบตารุ่นพี่ก่อนจะมองเวลาที่หน้าจอคอม

..เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย

“ไปค่ะพี่อ้อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน”

ทุกเที่ยงก็จะมีอัญชิสาและสจีวรรณมาชวนน้องน้อยไปกินข้าวเที่ยงด้วยซึ่งร้านประจำคืออาหารอีสานข้างตึก บางวันก็ร้านอาหารตามสั่งที่ใช้เวลาทำแต่ละเมนูนานกว่าสิบห้านาทีพวกเธอจึงไม่ค่อยไปกินร้านนั้น

“วันนี้พี่รู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึมระหว่างป้อนกับคุณทัพ” สจีวรรณเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งกินส้มตำปูปลาร้าของโปรด

ส่วนหญิงสาวที่ถูกถามก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“พี่สังเกตได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

สองสาวพยักหน้าพร้อมกัน

“คุณทัพพอเข้าห้องก็ไม่ออกมาอีกเลย ปกตินะถึงงานจะเยอะแต่ก็แวบมาสูดอากาศข้างนอก พูดคุยถามไถ่งานบ้าง แต่วันนี้เดินหน้าตึงเข้าห้องอารมณ์ประมาณหมาคาบรองเท้าคู่โปรดไปทิ้งถังขยะเลย” อัญชิสาเปรียบก่อนหันไปหัวเราะกับเพื่อน

ณชาไม่เคยสังเกตจึงไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่หากให้ย้อนคิดก็จริงว่ากองทัพเป็นหัวหน้าที่ให้ความสนิทสนมกับลูกน้อง มีเวลาเล่นหัวเราะบ้างแต่ถ้าทำงานก็จริงจัง เขาจะชอบออกมาเดินดูพนักงานถึงบางวันจะงานเยอะแค่ไหนก็ตาม

..คนบ้า! จูบคนอื่นแล้วทำเมินเฉยไม่รู้ถึงความผิดตัวเอง ยังทำให้เธอเครียดจนนอนไม่หลับอีก!

รุ่นพี่ต่างทยอยกลับบ้านกันหมดเหลือเพียงเลขานุการคนเดียวและเธอจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรีบทำงานให้เสร็จแล้วถอนหายใจโล่งอกเพราะเป็นเวลาห้าโมงครึ่ง ถือว่าไม่ค่ำมาก เก็บของเสร็จเธอก็ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใต้โต๊ะ

“ป้อนเข้ามาหาพี่หน่อย” คนข้างในห้องที่ไม่คุยกับเธอทั้งวันเปิดประตูออกมาแล้วเรียกเสียงเครียดโดยที่ไม่รอฟังคำตอบรับเลยสักนิด

..เผด็จการไม่มีใครเกินเลย

ณชาเดินเข้าห้องหัวหน้าฝ่ายการตลาดด้วยใบหน้าบึ้งตึง

..มีอย่างที่ไหนคนจะกลับบ้านดันเรียกมารับงานอย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ

เธอก้มมองพื้นจึงไม่เห็นว่าคนตัวสูงไม่ได้เดินไปนั่งที่เก้าอี้หากแต่ยืนกลางห้องจึงทำให้ร่างบางเดินชนเขาเข้าอย่างจัง

“อะ” เงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังหนาก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาสบตา

แววตาชายหนุ่มดูสับสนก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้เขาตั้งใจเพราะนึกไตร่ตรองอย่างดีมาทั้งวันแล้วเพื่อต้องการพิสูจน์บางสิ่ง

ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนกลีบปากนุ่มของหญิงสาว เขาใช้ความชำนาญไล่ต้อนเธอแม้ว่าหญิงสาวจะเม้มปากแน่นทั้งยังพยายามผลักร่างหนาออกห่างก็ไม่อาจห้ามเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้

กลิ่นหอมที่เหมือนอยู่ท่ามกลางขุนเขา สัมผัสแสนหวานราวกำลังชิมผลไม้จากสวนเอเดนที่ถึงแม้จะอันตรายแต่ก็เย้ายวนจนไม่อาจห้ามใจ ทุกการกระทำของเขาราวกับมีผีเสื้อบินอยู่รอบกายก่อนมันจะพากันแทรกเข้าไปในกายของเธอบินวนรอบท้องจนรู้สึกมวนไปหมด

ความรัญจวนที่ได้รับทำให้หญิงสาวเผยอริมฝีปากเปิดโอกาสให้เสือหนุ่มเข้าไปชิมความหวานภายในซึ่งหวานหอมจนไม่อาจผละออกได้ เขากอดเธอให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้นแล้วนึกถึงคืนนั้น..

..ไม่ต่างกันเลย

ร่างหนาดันคนตัวเล็กให้ชิดผนังโดยที่คนไร้ประสบการณ์โอนอ่อนผ่อนตามเพราะสมองขาวโพลนไม่อาจต่อต้าน ลืมความผิดชอบชั่วดีไปเสียสนิท ใบหน้าคมเลื่อนลงมาสูดดมที่ซอกคอขาวเม้มริมฝีปากจนเกิดรอยสีจาง

Rrrrrr

เฮือก!

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกณชาตื่นจากความรู้สึกที่กองทัพสร้างให้ตน หญิงสาวผลักเขาออกทันทีก่อนจะตบหน้าอีกฝ่ายเสียงดัง

เพียะ เพียะ

“ป้อนเกลียดพี่” พูดจบก็หันหลังออกจากห้องหยิบกระเป๋ารีบวิ่งไปยังลิฟต์

โดยมีกองทัพวิ่งตามมาไม่ห่าง เธอเข้าไปข้างในรีบกดชั้นที่ต้องการแล้วปิดประตูทันที หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำแล้วทรุดตัวนั่งบนพื้นปล่อยน้ำตาไหลลงมาด้วยความรู้สึกเสียใจ

..สำหรับกองทัพเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงใกล้มือจะคว้าตอนไหนก็ได้ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรสักนิด

เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วห้องโดยสารดีที่มีเธอเพียงคนเดียวเพราะไม่รู้ว่าหากมีคนอื่นอยู่ด้วยจะสามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้หรือไม่ น้ำตาไหลจากใบหน้าหวานรินรดกลางใจจนรู้สึกห่อเหี่ยวไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเรียกจากโทรศัพท์พอดีกับที่ประตูลิฟต์เปิดร่างบางจึงเดินออกมาก็พบกับชายคนหนึ่ง

“ป้อน”

ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยคราบน้ำตาจนคนมาใหม่ต้องเดินมาหาอย่างคนร้อนใจ

“พี่ตฤณ”

ณชาเดินเข้าไปกอดเขาเอาไว้ราวต้องการที่พึ่ง ไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมาสักนิดเพราะเสียใจเกินกว่าจะใส่ใจคนอื่น

เจ็บที่เขากระทำย่ำยีราวเธอเป็นผู้หญิงริมทาง อยากทำเมื่อไหร่หรือเวลาไหนก็ได้ ยิ่งคิดก็เจ็บใจตนเองยอมโอนอ่อนตามอารมณ์ที่อีกฝ่ายใช้ความช่ำชองฉุดรั้งให้เดินตามความเย้ายวนนั้น เธอซึ่งไม่ประสาทั้งหัวใจก็มอบให้ชายหนุ่มจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตกหลุมที่กองทัพขุดขึ้นล่อตน

“พาป้อนกลับบ้านนะคะ” หากลงมาไม่เจอตฤณก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

ร่างสูงประคองแฟนสาวไปที่รถยนต์หน้าบริษัทโดยไม่เห็นเลยว่ามีอีกร่างกำลังหอบตัวโยนเนื่องจากวิ่งลงบันไดกลัวไม่ทันได้คุยกับณชา และเขาก็มาช้าไปจริงๆ เธอเดินไปกับเจ้าของตัวจริงเสียแล้ว

ไม่..เขาต่างหากคือตัวจริงของเธอ

เหตุการณ์เมื่อสักครู่ไขความสงสัยให้กระจ่าง ภาพที่เคยเรือนลางชัดขึ้นในความทรงจำ จากผู้หญิงที่เขาจำได้เพียงสัมผัสกลายเป็นเห็นใบหน้าหวานชัดเจน

กองทัพจะไม่ยอมปล่อยเวลาทิ้งอีกแล้ว ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นชู้อีกครั้งก็ยอม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel