บท
ตั้งค่า

๔ สัญญาณเตือน (๑)

สัญญาณเตือน

ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าอันเป็นที่ทำงานใหม่ของตนเอง บริษัท วิจิตร จำกัด (มหาชน) มีสำนักงานใหญ่อยู่ใจกลางกรุงและมีสาขาย่อย อยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศครอบคลุมทุกการก่อสร้าง ใบหน้าหวานถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอไม่อยากเข้าไปใกล้กองทัพ ไม่อยากโคจรมาเจอเขาแต่ก็เป็นไปได้ยากไหนแม่จะสนิทกันอีกทั้งตอนนี้ยังสร้างพันธะให้เกิดขึ้นด้วยคำว่าเจ้านาย-เลขานุการ

ณชาจำต้องสูดลมหายใจเรียกพลังในตัวก่อนเดินเข้าไปภายในตึก เวลาเช้าแบบนี้ทำให้มีพนักงานไม่มากนัก ลิฟต์ก็ไม่แออัดอย่างที่ควรเธอจึงครองแต่เพียงผู้เดียว ร่างบางหันไปสำรวจตนเองในกระจกอีกครั้งเพื่อตรวจตราความเรียบร้อย

ผมยาวถูกถักเปียอย่างสวยงามโดยมารดาที่เข้ามาดูแลการแต่งตัว เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวสวมทับด้วยกระโปรงสีขาวเข้ารูปแนบไปกับลำตัว นางสาวณชาตรงหน้าแตกต่างจากณชาโดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดว่าตนเองจะดูภูมิฐานขนาดนี้มาก่อน

เมื่อถึงชั้นที่ต้องการประตูลิฟต์เปิดออกทำให้พบกับเหล่าผู้มาสมัครกว่าห้าชีวิตซึ่งนั่งรอก่อนหน้าเธอแล้ว

..ให้ตายเถอะ ไหนบอกว่าทำชั่วคราวไง ทำไมคนเยอะขนาดนี้

คิดในใจแต่ก็เดินไปหยิบใบสมัครมากรอกประวัติ มีอย่างที่ไหนสมัครวันนี้สอบสัมภาษณ์ตอนเที่ยงอีกทั้งประกาศผลวันพรุ่งนี้อีก ให้รู้กันไปเลยว่าคนไหนเด็กเส้น แต่ละคนต่างมองหน้ากันพลางหยั่งเชิงในใจว่าจะใช่คนที่มาสมัครเพื่อรอรับตำแหน่งแบบสวยๆ หรือเปล่า

ณชาอยากเดินกลับบ้านเสียตอนนี้ถ้าไม่ติดว่ามารดาคาดโทษเอาไว้เสียก่อน ใบหน้าหวานงอง้ำเมื่อหัวหน้าแผนกอย่างกองทัพเดินเข้ามาภายในพร้อมส่งยิ้มให้คนที่เข้ามาสมัคร

“หล่อมาก เขาคือเหตุผลที่ทำให้ฉันมาสมัคร ถึงไม่ได้ก็ไม่เป็นไรขอแค่ได้คุยกันก็พอแล้ว” ได้ยินผู้สมัครคนหนึ่งเพ้อกับเพื่อนซึ่งมีอาการไม่ต่างกันนัก หากเป็นเมื่อก่อนณชาสาบานได้เลยว่าคงเข้าไปร่วมวงเม้าด้วยแล้ว แต่เพราะตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเธอจึงสงบปากสงบคำแล้วนั่งรอด้วยการยกโทรศัพท์ขึ้นมาติดตามข่าวสาร

เวลาเก้านาฬิกาสามสิบนาทีปิดรับสมัครและมียอดผู้มาสมัครสิบสามคน ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเยอะขนาดนี้ทั้งที่เป็นการรับตำแหน่งนี้แค่ชั่วคราวเท่านั้น อาจเพราะค่าตอบแทนที่สูงและรับพิจารณาแม้จะไม่มีประสบการณ์ก็ตาม

เวลาเดินไปช้าในความรู้สึกของหญิงสาวกระทั่งถึงเธอ ร่างบางลุกขึ้นไม่ได้สนใจใครก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในห้องของหัวหน้าแผนกการตลาด เสียงจอแจเมื่อครู่เงียบลงพบเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและแววตาคมมองตรงหน้า

ร่างบางนั่งลงตรงข้ามเขาและเงียบ หลังจากสบตากันนานราวหนึ่งนาทีร่างสูงก็เป็นคนทำลายบรรยากาศอึมครึมระหว่างกันลง

“มีอะไรจะพูดไหมครับ”

“ไม่มีค่ะ”

..คนที่ควรถามเป็นเขาไม่ใช่หรือ

ณชาไม่เคยผ่านการสัมภาษณ์งานมาก่อนเพราะคิดว่าจะทำงานที่ร้านของมารดาไม่นึกฝันว่าต้องมาทำหน้าที่เลขานุการให้ใคร

“ถ้าอย่างนั้นพี่ถามเอง คบกับแฟนมานานเท่าไหร่แล้ว”

ดวงตากลมโตมีแววฉงนเพราะคำถามนั้นไม่เกี่ยวกับงานที่ทำเลยสักนิด

“นานแล้วค่ะ”

“ระยะเวลา วัน เดือนหรือปี” เขาเลื่อนเก้าอี้มาจนชิดโต๊ะราวตั้งใจฟังคำตอบก่อนจะยกมือขึ้นมากุมบนโต๊ะเหมือนกำลังประชุมเพื่อสรุปรายได้ของไตรมาสนี้

“ดิฉันคิดว่ามันคงไม่เกี่ยวกับงาน”

ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปาก

“เกี่ยวสิ เพราะเราต้องใกล้ชิดกันบางทีอาจต้องค้างที่ทำงาน แฟนเราจะโอเครึเปล่า พี่ก็แค่อยากถามให้แน่ใจว่าคบกันนานพอจะเชื่อใจกันมากน้อยแค่ไหน”

เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นแต่ณชาก็ไม่อาจโต้เถียงได้

“รู้จักกันหลายปีแต่คบกันจริงๆ สามเดือนค่ะ”

กองทัพพยักหน้ารับรู้ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมตัวใหญ่ก่อนจะกอดอกอย่างใช้ความคิด

“”ก็ไม่นานเท่าไหร่

“แค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัว”

สรรพนามที่แทนตัวเองอย่างห่างเหินทั้งน้ำเสียงไว้ตัวสร้างความหงุดหงิดให้กองทัพเป็นอย่างยิ่ง เขามองประตูที่ปิดลงก่อนจะลุกขึ้นไปบอกเลขาหน้าห้องให้หยุดการสัมภาษณ์สักครู่

ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องถามคำถามแบบนั้น

..อยากรู้ไปทำไมจะคบกันนานเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาเสียหน่อย อย่างที่ณชาบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับงานเลยสักนิดมันก็แค่ความอยากรู้ส่วนตัวของเขาเท่านั้นเอง

ติ๊ง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นร่างสูงเดินมาเปิดดูข้อความที่ส่งทางไลน์โปรแกรมแชตสีเขียวซึ่งใช้บ่อยสุดในขณะนี้ ส่วนมากมักจะเป็นการคุยงานหรือบางครั้งก็มีคุยกับผู้หญิงที่เจอตามคลับ อาจมีลูกหลานไฮโซบ้างซึ่งส่วนมากก็สนทนาเกี่ยวกับธุรกิจไม่ค่อยมีเรื่องชู้สาวสักเท่าไหร่

‘ไม่เจอกันนานเลย’

‘คิดถึงทัพนะคะ’

‘ถ้าว่างเราออกมาเจอกันดีไหม’

มือเขาชาไปชั่วขณะก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ภาพเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เจอกันยังชัดอยู่ในหัว วันที่เธอเลือกเพื่อนของเขา วันที่เพื่อนสนิทอีกทั้งเป็นญาติตัดเขาออกจากชีวิตจนกลายเป็นคนไม่รู้จัก

เป็นวันที่เขาเรียกได้ว่าวันแห่งความวินาศ

หากถามว่ายังรักอยู่ไหมกองทัพก็คงตอบไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเจอหน้าจะรู้สึกอย่างไร อาจดีใจหรือเกลียด บางทีคงรู้สึกเฉยๆ ราวเธอไม่มีตัวตน แต่ว่าตอนนี้และในขณะนี้เขารู้สึกเพียงแค่..วูบโหวง มันเป็นความรู้สึกที่แม้แต่ตนเองก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกันว่าคืออะไร

วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานไม่ได้เปิดดูแชตก่อนตัดสินใจกดปิดการสนทนานั้น เขาจะทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ เขาควรตัดขาดจากผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว ไม่ควรกลับไปสร้างความผิดบาปอีกหลังจากทำแบบนั้นกับเพื่อนตนเองมาแล้วและมันยังคงเป็นความผิดที่ติดค้างในใจไม่ได้รับการให้อภัยจากพณณกรอีกเลย

การสัมภาษณ์งานตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการสิ้นสุดลงและประวัติของณชาถูกยื่นให้ฝ่ายบุคคลเพื่อเรียกเธอเข้ามาทำงานในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างรวดเร็วไปหมดและกองทัพก็ฉลาดพอที่จะโทรไปย้ำกับคุณศลิษาถึงตำแหน่งลูกสาวท่าน

“ให้น้องมาเริ่มงานพรุ่งนี้ได้เลยนะครับ”

ปลายสายดีใจยกใหญ่ย้ำขอบคุณเขาหลายครั้งแล้ววางสายไป

สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้เขาก็ตอบตนเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร เอาณชาเข้ามาในวงโคจรของตนทำไมทั้งที่เธอมีคนรักอยู่เป็นตัวเป็นตน วินาทีนี้เขาคงต้องยอมรับความจริงเสียแล้ว ความจริงที่ว่าเขาหวงน้องสาวคนสนิท เขามันก็แค่หมาหวงก้างที่คิดว่าเธอเป็นของตายจึงไม่คิดใส่ใจ แต่เมื่อหญิงสาวกำลังจะจากไปกลับรั้งเอาไว้ด้วยอุบายทั้งหมดที่มี

ดวงตาคมหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า เขาใช้มือนวดขมับทั้งสองก่อนลืมตาขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือน

‘วันเกิดเอิร์ธ’

เป็นการตั้งเตือนที่เขาไม่เคยลบ ร่างสูงเหม่ออีกครั้งหลังเสียงสัญญาณดับลง ทุกปีเขามักจะส่งของขวัญไปให้พณณกรแต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา อีกฝ่ายไปเป็นสัตวแพทย์อยู่ต่างจังหวัดตัดขาดจากเพื่อนสนิทอย่างเขาทุกช่องทางแม้กระทั่งวันสำคัญที่สองครอบครัวจัดขึ้นชายหนุ่มก็เลือกจะอยู่กับงานมากกว่ากลับบ้าน

ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของกองทัพและพณณกรได้แตกหักลงแต่ที่ทุกคนไม่รู้คือสาเหตุของมัน ไม่ว่าจะเพียรถามอย่างไรก็ไม่มีใครปริปากบอกกระทั่งกองทัพทนไม่ไหวร้องไห้ขอโทษทุกคนและบอกความผิดของตนเอง

ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของชายหนุ่มและหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องของสองหนุ่มอีกเลยทำราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น

งานเลี้ยงทุกปีจึงปราศจากพณณกร แม้อาพสุธากับอาดาริกาจะไม่ว่าอะไรแต่ก็เป็นความรู้สึกผิดในใจกองทัพมาตลอดที่ทำให้ลูกชายคนเล็กของท่านไม่มาร่วมงานรื่นเริงของครอบครัว

“คุณฐาวันนี้ผมไม่มีงานอะไรอีกแล้วใช่ไหมครับ” ออกมานอกห้องจึงถามเลขานุการที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที

“ไม่มีแล้วค่ะ” เธอเคลียร์ตารางงานวันนี้ของเขาเพราะคิดว่าคงต้องสัมภาษณ์ทั้งวันแต่ดีที่เสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า

“ถ้าอย่างนั้นผมขอลาทั้งวันนะครับ ถ้ามีใครมาหาก็ลงนัดไว้แล้วกัน”

เธอรับคำก่อนเจ้านายหนุ่มหล่อจะเดินออกจากห้อง จุดมุ่งหมายคือห้างสรรพสินค้าใกล้ที่ทำงาน ของขวัญครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนเท่าไหร่ มันคือตุ๊กตาวัวที่สามารถบันทึกเสียงได้ หลายคนอาจจะคิดว่ามันกิ๊กก๊อกไม่เหมาะให้เป็นของขวัญเพื่อนผู้ชาย แต่เพราะพวกเขาทั้งสองมีความหลังกับตุ๊กตาชนิดนี้ด้วยกันทำให้มันมีความหมายที่คนนอกไม่อาจรู้

“อย่าบอกนะว่าจะไปกินของหวานต่อ”

ขณะที่กำลังจะเดินไปร้านประจำร่างสูงก็หยุดอยู่กับที่เพราะหางตาเห็นคู่รักชายหญิงเดินออกมาจากร้านอาหาร

“ก็เขาบอกว่ากินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ ป้อนไม่อยากเป็นไพร่เพราะฉะนั้นเราต้องไปกินของหวานต่อค่ะ”

ไม่รู้ทำไมเขาต้องเดินหลบมุมมองตามหลังคู่รักไปด้วยหัวใจร้อนรุ่มด้วย มือหนากำหมัดแน่นไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่

เขาหันหลังจะเดินไปซื้อของให้พณณกรแต่ก็ต้องหยุดอยู่กับที่เพราะมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับหูดับเขาไม่ได้ยินเสียงรอบข้างภาพทุกอย่างดูพร่าเลือนแต่คนตรงหน้ายังแจ่มชัด เธอหยุดยืนตรงหน้าเขา

หลายปีที่ไม่ได้เจอเธอดูโตขึ้นแต่ยังคงสวยจับใจเหมือนเดิม แววตากลมโตส่องประกายด้วยความสุขต่างจากเขาที่ระยะเวลาหลายปีราวกับตกนรกทั้งเป็น บาปที่เคยทำกับเพื่อนคอยตามหลอกหลอนทั้งความรู้สึกผิดที่เกาะกินหัวใจจนแทบไม่หลงเหลือความสุข

ต่างจากผู้หญิงตรงหน้า...ปลายฟ้า เธอยังมีความสุขราวกับชีวิตไม่เคยทำผิดมาก่อนและนั่นทำให้เขารู้สึกโกรธ ที่มีเพียงตนจมอยู่กับอดีตคนเดียว

“ไม่คิดว่าจะได้เจอ เราพึ่งกลับมาจากฝรั่งเศส ทัพสบายดีนะ”

ครั้งล่าสุดที่เจอเหตุการณ์ระหว่างเขาและเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่และทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำไม่อาจลบเลือนได้แต่สำหรับคนตรงหน้ามันคงหายไปหมดแล้ว

“อือ”

“คิดถึงจังเลยไม่ได้เจอตั้งนาน ไว้โอกาสหน้าเราจะไปหา ได้ข่าวว่าทำงานที่บริษัทของครอบครัวใช่ไหม ไว้เจอกันตอนนี้เราต้องไปแล้ว บ้ายบายนะ” และไม่ทันตั้งตัวร่างบางก็เดินเข้ามากอดพร้อมเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเขาโดยไม่อายต่อสายตาใครยิ่งเป็นช่วงเที่ยงแบบนี้คนจึงเยอะกว่าปกติ

ณชาเดินกลับมาเอาของที่ลืมอยู่ร้านอาหารหยุดชะงักเมื่อพบคู่ชายหญิงซึ่งกำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งชั้นอาจเพราะผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวยแต่ที่เรียกความสนใจได้ก็คือความหวานที่มีต่อกัน การกระทำที่ไม่ได้ดูอนาจารแต่กลับหวานละมุนราวคู่รัก

“อะ” อุทานออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงชัดขึ้น เธอเอามือขึ้นมาจับหัวใจที่อยู่ดีๆ ก็เจ็บจี๊ดราวกับมีเศษแก้วปักเข้ากลางใจ

ผู้หญิงคนนั้นที่เธอไม่มีทางลืม คนที่เป็นดังเจ้าของหัวใจกองทัพ ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีเขาก็ไม่อาจลืมเธอได้

..ทั้งสองคนกลับมาคบกันอย่างนั้นหรือ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel