๒ สบตา (๑)
๒
สบตา
‘Magic time’
ร้านขนมชื่อดังที่มีทั้งขนมไทยและขนมจากแต่ละประเทศให้เลือกซื้อ มีทั้งลูกค้าขาประจำและลูกค้าขาจรซึ่งล้วนแต่สร้างกำไรให้ร้านทั้งนั้น
คุณศลิษาดูแลร้านมาหลายสิบปีหวังให้ลูกสาวเป็นผู้สืบทอดแต่ก็ดูท่าจะยากเสียเหลือเกิน ลูกสาวคนนี้มักไม่อยู่กับที่ชอบล่องไปลอยมาเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง
แต่ละสาขามีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามผู้อยู่อาศัยในชุมชนแถบนั้น สาขาหนึ่งจะดูเรียบหรูมีระดับเพราะเจาะกลุ่มนักธุรกิจและพนักงานบริษัทส่วนราคาก็ไม่แพงเกินไปอยู่ในระดับที่ทุกคนมีกำลังพอจะซื้อ แต่รสชาตินั้นดีจนขายหมดวันต่อวันไม่เหลือเลยสักชิ้น คุณศลิษาเข้ามาดูแลเองทั้งสี่สาขาแต่ก็จ้างผู้จัดการไว้เผื่อตนเองยุ่งจนไม่มีเวลามาร้าน
ร่างบางเดินเข้ามาภายในร้านก็ได้ยินเสียงต้อนรับอันเป็นเอกลักษณ์ของพนักงาน
“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”
..คุณแม่เทรนเองทุกคนว่าลูกค้าเข้าร้านต้องพูดอย่างไรและโทนเสียงประมาณไหน
ใบหน้าหวานยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปหน้าเคาน์เตอร์
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสนใจขนมอะไรคะ”
..ไม่ได้มานานแล้วทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด
สาขาหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจของมารดา ครั้งแรกท่านทำเพื่อคลายเครียดใครจะรู้ว่ามันกลับสร้างรายได้จนต้องลงมืออย่างจริงจัง
ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหรามีโคมไฟระย้าห้อยตรงกลางสวยจับตา ณชามองเมนูที่พนักงานยื่นให้ก่อนจะสั่งขนมไทยของโปรดที่กินไม่เคยเบื่อ
“ขอเป็นขนมชั้นหนึ่งชุด ทองเอกและก็วุ้นใบเตยค่ะ”
“คุณลูกค้าจะรับประทานที่ร้านหรือกลับบ้านคะ”
..พนักงานคนนี้ยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งหน้าตาก็น่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
“ร้านค่ะ”
พนักงานผายมือไปยังโต๊ะว่างเธอจึงเดินจากไป ดวงตากลมโตมองลูกค้าที่ส่วนมากจะเป็นพนักงานออฟฟิศ มีทั้งมาเป็นกลุ่มและมาคนเดียว แก้วกาแฟและขนมบนโต๊ะบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าไม่ใช่เพียงแค่บรรยากาศที่ทำให้ร้านขายดีแต่เพราะขนมอร่อย กาแฟรสชาติเยี่ยมจึงเรียกลูกค้าได้ขนาดนี้
ทุกคนดูวุ่นวายในการเสิร์ฟ พนักงานกว่าครึ่งสามารถพูดคุยภาษาอังกฤษได้เพราะลูกค้าต่างชาติก็เยอะเหมือนกัน ร้านตั้งอยู่ท่ามกลางบริษัทมากมายทำให้ช่วงเที่ยงขายดีมือเป็นระวิงเพราะทำแทบไม่ทัน ไหนจะมีออร์เดอร์ให้ไปส่งบนตึกอีก
..กิจการไปได้สวยจนน่าอิจฉาเชียวล่ะ คุณแม่ของเธอช่างมีหัวนักการค้าเสียจริงเลย
ณชายิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะนึกถึงตนเอง
อันที่จริงเธอไม่ชอบงานธุรกิจ ไม่ชอบการค้าขายแต่ชอบและหลงใหลในศาสตร์การแสดง เคยอ่านหนังสือหนักเพื่อเข้าคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกับคนในดวงใจ แต่ก็ไม่รอด..ไม่ใช่เรียนไม่รอดแต่หัวใจเธออ่อนแอเกินไปจนไม่อาจอยู่ร่วมสถาบันเดียวกับชายหนุ่มได้ สุดท้ายก็ถอยออกมาบินไปร่ำเรียนไกลถึงอเมริกาและคณะที่เลือกก็ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่ายังตัดใจจากเขาไม่ได้เสียที
..ใช่แล้ว เธอเลือกคณะบริหารธุรกิจ
“คุณหนู!” พนักงานคนที่เดินมาเสิร์ฟตกใจจนร้องลั่นร้าน
ณชายิ้มกว้างก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มีมากกว่าคนตรงหน้าไปเยอะ
“ไม่เจอกันนาน ตัวเท่าเดิมเลยนะคะ”
ขนมถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนที่หญิงตัวเล็กจะพุ่งเข้ามาก่อนคุณหนูของตนเอง เธอทำงานที่นี่มากว่าสิบปีแล้ว เห็นตั้งแต่คุณหนูป้อนยังเด็กกระทั่งโตขึ้นเป็นสาวสวยสะพรั่งขนาดนี้ แววตาของคนมากด้วยอายุเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี
ณชากอดตอบแล้วผละออกมามองใบหน้าที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลา
“ร้องไห้เลยเหรอคะ” เช็ดน้ำตาให้ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันเรียงสวย
ปลื้มจิตพนักงานที่เรียกได้ว่าจงรักภักดีต่อคุณศลิษาไม่ไปไหนทำงานให้ชนิดถวายหัวจนเป็นที่นับถือของคนทั้งร้านอีกทั้งครองตำแหน่งผู้จัดการสาขาหนึ่ง
“ไม่เห็นตั้งนาน น้าคิดถึงแทบแย่” จับมือเรียวสวยขึ้นมาดูอย่างชื่นชม
..ตอนนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนคุณหนูของเธอก็น่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด
“ป้อนก็คิดถึงน้าปลื้มค่ะ เลยแวะมาหาเสียหน่อย อยู่ที่นู่นไม่ได้กินขนมไทยฝีมือน้าแล้วคิดถึงมากเลย ว่าแต่ขอยืมตัวมานั่งคุยกันสักครู่ได้ไหมคะ ไม่หักค่าแรงแน่นอนป้อนรับประกัน” ยังคงเป็นคนร่าเริงช่างพูดเช่นเดิมไม่เปลี่ยน
อีกฝ่ายจึงพยักหน้านั่งลงตรงข้ามคุณหนูคนสวยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเป็นเวลานาน
ปลื้มจิต บ้านท่าขามเคยเป็นแม่บ้านที่บ้านพิบูลกนกแต่ลาออกเพราะต้องกลับไปเลี้ยงดูแม่ไม่นานแม่ก็เสียจึงขอกลับมาทำงานอีกครั้งแต่ที่บ้านมีแม่บ้านมากแล้วคุณศลิษาเกิดความสงสารจึงรับเข้ามาเป็นพนักงานในร้านขนมแห่งนี้ เธอพัฒนาตนเองมาเรื่อยๆ จนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการสาขาแม้ความรู้จะจบแค่ระดับมัธยมปลายก็ตาม
“ขอต้อนรับเข้าสู่เวลามหัศจรรย์ค่ะ”
เสียงพนักงานดังขึ้นด้วยโทนเสียงเดียวตลอดจนอดขำไม่ได้
“ตายแล้ว คนเยอะเลยเดี๋ยวน้าขอไปช่วยเด็กๆ ก่อนแล้วจะมาคุยด้วยนะคะ” ปลื้มจิตเห็นคนแน่นร้านจึงขอตัว
ซึ่งณชาก็ไม่ได้ขัดปล่อยให้ไปทำงาน หญิงสาวมองตามแผ่นหลังบางที่นับวันจะตัวเล็กลงเรื่อยๆ ด้วยความรัก เวลามารอแม่ทำงานก็ได้น้าปลื้มคอยเล่นเป็นเพื่อนตลอด ดวงตากลมโตมีแววระยิบระยับด้วยความสุขพลันกลายเป็นตื่นตระหนกเมื่อร่างสูงที่คุ้นเคยเดินเข้ามาภายในร้าน มือบางสั่นด้วยความตื่นเต้นยิ่งเมื่อเขาสั่งเมนูเสร็จและกำลังมองหาที่นั่ง พอดีกับกลุ่มสาวออฟฟิศโต๊ะข้างๆ เธอลุกขึ้นแล้วดันเป็นโต๊ะเดียวที่ว่างอีกด้วย
..ให้ตายเถอะ มันวันซวยอะไรของเธอกันนะ
“เชิญโต๊ะนี้เลยค่ะ”
พนักงานเดินนำมาทำให้ณชาต้องหันหน้าหนีจากเขา ผมที่เคยรวบขึ้นก็ปล่อยสยายก่อนจะเอามาปิดบังใบหน้า ใจสั่นระรัวด้วยความกลัวว่าชายหนุ่มจะมองเห็นตนเอง แอบเหลือบมองอีกฝ่ายก็พบว่าสนใจเพียงเอกสารบนโต๊ะ
‘ทำยังไงดีนะป้อน’ถามตนเองในใจก่อนจะหาทางหนีทีรอด จากการคำนวณด้วยสายตาโต๊ะที่เธอนั่งพอแอบเดินไปหลังร้านได้แต่อาจจะตกเป็นเป้าสายตาของอีกฝ่าย
ณชาเห็นผู้หญิงหลายคนแอบมองที่ชายหนุ่มโต๊ะข้างเธอพลันเกิดความหมั่นไส้ขึ้น
กองทัพ วิจิตรประภา ไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยยังคงเป็นที่สนใจของผู้หญิงหลายคน เป็นหนุ่มฮอตที่น่าค้นหาและตอนนี้ก็กลายเป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรง ทั้งยังติดอันดับของหนุ่มคลีโออีกด้วย หล่อ รวย ฉลาด ครบภายในคนเดียวจนเกิดอาการขัดหูขัดตาไปเสียหมด คนอะไรยิ่งอายุมากขึ้นเสน่ห์ก็เพิ่มตามไปด้วย สาวหลายคนทำทีเป็นถ่ายรูปให้กันแต่เธอเห็นชัดๆ ว่ากำลังแอบถ่ายกองทัพอยู่
..ไม่เนียนเอาเสียเลย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอารมณ์เสีย จะต้องหาทางออกจากสถานการณ์ตรงนี้เสียก่อน จะทำอย่างไรดีนะ
พยายามหันข้างให้เขาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ ใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น เหมือนกำลังเล่นหนังหนีผู้ร้ายไม่มีผิด ลุกขึ้นได้ก็ไม่เห็นเขาสงสัยอะไรจึงลอบถอนหายใจออกมาโดยไม่ดูเลยว่าพนักงานกำลังเดินมาทางนี้ อารามดีใจณชาก็แทบกระโดดโลดเต้นจะวิ่งหนีเขาและนั่นเองทำให้ทั้งพนักงานและลูกสาวเจ้าของร้านชนกันอย่างจัง
“ว้าย” ถ้วยกาแฟและขนมที่จะนำมาเสิร์ฟลูกค้าหล่นกระจายเต็มพื้นและเสียงแตกของจานทั้งเสียงอุทานของณชาเรียกความสนใจจากคนทั้งร้านไม่เว้นแม้แต่กองทัพ
‘ซวยซ้ำซวยซ้อน’เม้มปากแน่นอีกทั้งภายในใจเต้นแรงยิ่งกว่ากลองสะบัดชัยเสียอีก ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองไปทางกองทัพ อยากจะมุดดินหนีเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอดแต่ไม่อาจทำได้
ณชารีบเอาผมมาบังใบหน้าแล้วช่วยพนักงานเก็บเศษแก้วทั้งที่อีกฝ่ายพยายามร้องห้าม
“ขอโทษนะคะ ไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวหนูทำเอง”
มือเล็กยังคงสั่นไม่ได้ฟังที่พนักงานพาร์ตไทม์พูดจนกระทั่งเศษแก้วบาดมือเข้าจนได้จึงรีบยกมือขึ้นมาดู เลือดออกไม่มากแต่ก็แสบพอดู คนตัวเล็กกัดฟันข่มอาการเจ็บที่เกิดขึ้น
“ตายแล้วคุณหนู”
..เอาเข้าไป จะมาประจวบเหมาะอะไรตอนนี้
ปลื้มจิตวิ่งหน้าตื่นเข้ามาดูเหตุการณ์ตรงหน้าฉุดรั้งร่างบางให้ลุกยืน ใบหน้าหวานก้มต่ำพยายามให้ผมปกปิดใบหน้ามากที่สุด
“มือเลือดออกเลย ไปค่ะ น้าจะทำแผลให้” รั้งร่างบางให้ออกจากเหตุการณ์นี้
ซึ่งณชาเองก็ยินดีอย่างมาก เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาโดยเฉพาะให้ผู้ชายที่ชื่อกองทัพมองเธอยิ่งไม่อยากอยู่ตรงนี้
ปลื้มจิตดึงคุณหนูให้เดินตามแต่แล้วก็มีมือหนึ่งมารั้งแขนอีกข้างไว้เสียก่อน ตอนนั้นใจหล่นวูบกองแทบเท้าทั้งภาวนาขอให้ไม่ใช่คนที่คาดเดา หลับตาแน่นข่มใจเอาไว้กระทั่งได้ยินเสียงน้าปลื้มจิตร้องทัก
“อ้าวคุณทัพ อยู่ที่นี่ด้วยหรือคะ” เพียงเท่านั้นก็รู้แล้วว่าใครคือคนที่มาจับแขนอีกข้าง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับเธอเลย ทุกอย่างดูบังเอิญไปเสียหมดจนเหมือนกลายเป็นพรหมลิขิตที่พิสดารเกินไป
ณชาพยายามกระชากแขกออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแต่ไม่สำเร็จจึงทำนิ่งไม่หันไปมองอีกฝ่ายทั้งยังก้มหน้าคางแทบจะชิดอกอยู่รอมร่อ
“ครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง”
ได้ยินอย่างนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองน้าปลื้มจิตพลางส่ายหน้าช้าๆ แววตาอ้อนวอน
..อย่าปล่อยให้เธอไปกับเขานะ
แต่ผู้จัดการร้านไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลยกลับยิ้มอย่างยินยอมราวกับต้องการผลักภาระเสียอย่างนั้น
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะคะ คุณทัพพาคุณหนูไปทำแผลที่หลังร้านเลยก็ได้ค่ะ”
ไม่ได้หันไปดูว่าร่างสูงทำหน้าอย่างไรเพราะหลังจากนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณก่อนจะลากเธอไปยังหลังร้านท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความสนใจ
..ให้ตายเถอะ ทำไมชีวิตของนางสาวณชาต้องเป็นแบบนี้ด้วย อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น
สองหนุ่มสาวเดินมาหลังร้านก่อนกองทัพจะพาเธอเข้าไปห้องนั่งเล่นที่คุณศลิษาตกแต่งเอาไว้สำหรับพักผ่อนให้คนในครอบครัวโดยเฉพาะ ที่รู้ก็สืบเนื่องมาจากตอนเด็กชอบมาคลุกอยู่ที่นี่ทั้งวันมีขนมแสนอร่อย ที่นอนแสนสบายอย่างไรเล่า
เสียงปิดประตูดังจนร่างบางสะดุ้ง เธอเดินไปนั่งที่โซฟาพยายามเอาผมมาปิดหน้าปิดตาจนเหมือนคนป่าเข้ากรุงไม่มีผิด ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยจากร่างสูงรู้เพียงว่าเขากำลังเดินหาของบางอย่างอยู่และถ้าให้เดาก็คงเป็นอุปกรณ์ทำแผลแน่นอน การพบกันในรอบหลายปีช่างไม่น่าพิสมัยสักนิด ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นด้วยประโยคอะไรหรือควรทำตัวอย่างไรดีเพราะสำหรับเธอแล้วภาพเหตุการณ์ครั้งล่าสุดยังผุดขึ้นมา
“รักปลาย ผมรักปลายนะ”
ในขณะที่กายเขาสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกันกับเธอชายหนุ่มยังคงพร่ำบอกรักผู้หญิงอีกคน หัวใจดวงน้อยเหมือนโดนมีดกรีดแทงเป็นแผลเหวอะหวะก่อนจะโดนน้ำกรดราดซ้ำ เจ็บเจียนตายแต่ไม่อาจส่งเสียงร้องออกมาได้ ยอมกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตาลงไปกอดเขาเอาไว้ด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่ชายหนุ่มไม่มีวันรู้ว่าผู้หญิงที่เขากกกอดคืนนั้นคือใคร
เขาจะไม่มีวันรู้...
และนั่นจะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของเธอ
“เงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว หลบหน้าหลบตาอยู่ได้” ร่างสูงสั่งเสียงเบาแต่กลับก้องกังวานในความรู้สึก มือหนาเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากันในรอบหลายปี
ดวงตากลมโตจ้องประสานกับแววตาคมจนรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่านเจ็บไปทั่วร่างต้องปัดมือที่เขาโดนตัวเธอออกก่อนมองไปทางอื่น
“ไม่ได้อยากจับหรอกคุณหนู เอามือมาจะทำแผลให้”
ที่มีตั้งเยอะแต่เขากลับเลือกจะเข้ามานั่งข้างเธอใกล้ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะเกยตักอยู่แล้ว