๑ ไม่อยากเจอ (๒)
ทุกวันนี้หายใจเข้าออกก็เป็นงานจนมารดาเริ่มเป็นห่วงมองตามแผ่นหลังหนาที่ขาดรอยยิ้มไปหลายปี ลูกชายเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น..
ขณะที่ทุกคนบนโต๊ะทานอาหารอิ่มนักรบก็เอ่ยถามมารดา
“แม่ครับ ถ้าผมทำผู้หญิงท้องแม่จะว่าไหม”
ทำเอาคุณผู้หญิงของบ้านตกอกตกใจยกใหญ่
“อะไรตารบ ไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง บอกแม่สิ”
ถามเสียงดังจนสามีต้องลุกขึ้นมาจับไหล่เอาไว้ก่อนมองลูกชายเช่นเดียวกัน
“เปล่าทำครับ แค่ถามเฉยๆ” ปฏิเสธแบบนั้นยิ่งสร้างความสงสัยให้มากขึ้นไปอีก “โธ่แม่ ผมล้อเล่นแค่นั้นเอง ทำหน้าซีเรียสไปได้ หาว ง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ” ไม่รอให้ได้ซักไซ้ไล่ความนักรบก็หนีเอาตัวรอดด้วยการรีบวิ่งขึ้นบนห้..
ปล่อยให้เปมิกานั่งหน้าเครียดอยู่โต๊ะอาหาร
“”มีลูกแต่ละคนไม่ได้ดั่งใจสักคน
“เปรมอย่าคิดมากเลย เจ้ารบก็ชอบกวนแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก” สามีบีบนวดให้ภรรยาคลายความเครียด
“จะไม่ให้คิดมากได้ไงคะ ตารบเรียนอยู่ปีสามเองนะพี่ดล ถ้าเกิดทำผู้หญิงท้องขึ้นมา..” ไม่อยากจะคิดต่อไปเลย ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับหรือเปล่า
ส่วนคนต้นเหตุก็ยิ้มร่าเคาะห้องพี่ชายเพียงสองครั้งก่อนเปิดเข้าไป
“เฮ้ย ไอ้รบ ก่อนเข้ามาเคาะหลายครั้งก่อนได้ไหมวะ” เจ้าของห้องอยู่ในชุดเตรียมพร้อมอาบน้ำที่มีเพียงผ้าขนหนูพันท่อนล่าง
..เห็นหุ่นพี่ชายแล้วอิจฉาชะมัดเลย หุ่นสูงร่างหนาทั้งยังมีซิกซ์แพ็กเป็นลอนสวยงาม ไหนบอกว่าทำงานหนักแต่ก็ยังมีเวลาไปออกกำลังกายอีก ผิวออกสีเข้มเพราะเล่นกีฬากลางแจ้งดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์จนหญิงสาวต้องหลงใหล
“อายทำไมพี่ แต่ก่อนผมก็เห็นหมดแล้ว หรือว่าตอนนี้กลายเป็นมังกรยักษ์เลยอยากหวงไว้ให้สาวดูว่างั้น” น้องชายเอ่ยแซวเดินไปนั่งบนเตียงกว้าง
นักรบเหมือนได้นิสัยของพ่อและอาพสุธารวมกัน ทั้งได้ความขี้เล่นเป็นกันเองจากอาหนุ่มและความเงียบขรึมใจร้อนในบางครั้งจากบิดา เป็นส่วนผสมที่ช่างลงตัวเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ เหนื่อยใจกับแกจริงๆ แล้วเข้ามาหาฉันมีอะไร” ยักไหล่พลางมองรอบห้อง มองไปทางไหนก็มีแต่สีเทา
..ไม่น่าอภิรมย์สักนิด
วิเคราะห์ห้องนอนของพี่ชายโดยลืมไปเสียสนิทว่าห้องของตนเองเป็นสีดำ เข้มกว่าห้องนี้เป็นไหนๆ
“พรุ่งนี้ไปเอาผลตรวจที่โรงพยาบาลให้ผมหน่อยสิ”
ร่างสูงชะงักมองน้องชายที่นั่งทำหน้าเครียด จากคนร่าเริงเมื่อสักครู่กลายเป็นอีกบุคลิกทันที เขาเข้าไปนั่งข้างน้องชายคาดว่าคงเป็นเรื่องหนักหนาพอสมควร
“แกไปตรวจอะไร”
ความเงียบเข้าครอบงำก่อนที่นักรบจะบอกพี่ชาย
“ตรวจเลือด”
หลังจากนั้นได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ สองหนุ่มมองหน้ากันนิ่งความกลัวเกาะกินใจคนเป็นพี่ชายไม่แพ้นักรบที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน
“ผมนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง คราวนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขามาบอกผมว่าไปตรวจเลือดผลเลือดเป็นบวก”
กองทัพตบบ่าน้องชายพลางถอนหายใจไม่รู้จะปลอบว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้แต่คาดว่ามันคงจะหนักหนาพอสมควร
“โคตรเครียดเลยพี่ ถ้าผมเป็น..” พูดไม่ทันจบก็เงียบเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ
“ผลยังไม่ออกอย่าตีตนไปก่อน แกใส่ถุงยางทุกครั้งไม่ใช่เหรอ” เขาเตือนน้องเสมอเรื่องความปลอดภัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะมั่วแค่ไหนก็ห้ามลืมป้องกันเพราะยังอยู่ในวัยเรียน
“ทุกครั้ง แต่มันก็กังวลเหมือนเดิม”
น้องหน้าหงอยลง
“อย่าพึ่งตีตนไปก่อนไข้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปเอาผลตรวจให้เอง”
พยักหน้าแล้วหันไปกอดพี่ชายจนอีกฝ่ายหน้าเหวอ
“ขอบคุณมากนะพี่ ผมมีเรียนทั้งวันเลย โคตรซาบซึ้งที่มีพี่ชายแสนดีขนาดนี้”
รู้ว่าอีกฝ่ายทำเป็นพูดจาตลกกลบเกลื่อนแต่ก็กอดตอบพลางตบหลังนักรบเสียงดังจนเจ็บไปหมดทั่วแผ่นหลัง
“อึก พอแล้วมั้งพี่ ตบขนาดนี้ช้ำในตายพอดี”
สองหนุ่มผละออกจากกันก่อนที่นักรบจะพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตในช่วงนี้ซึ่งร่างสูงของนักบริหารหนุ่มก็เดินไปยังโซฟาใกล้ระเบียงห้องหยิบเอกสารออกมานั่งอ่านระหว่างคุย หลังจากนั้นห้องก็ต้องอยู่ในความเงียบเพราะคนเป็นพี่ไม่ได้สนใจจะสนทนากับนักศึกษาคณะวิศวกรรมแม้แต่น้อยจนอีกฝ่ายต้องล่าถอยเดินกลับห้องทว่าก่อนออกก็ไปก็ยังมองไปที่คนพี่พลางถอนหายใจด้วยความเสียดาย คิดถึงพี่ชายที่มีแต่รอยยิ้ม เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าทำไมพี่ชายถึงเปลี่ยนไป
“จ๊ะเอ๋”เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมโผล่เพียงใบหน้าเข้ามาภายในห้องพักของแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
คุณหมอที่นั่งหลับบนเก้าอี้ทำงานลืมตาขึ้นทันทีเพราะได้ยินเสียงคุ้นเคย ร่างโปร่งเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานทำเอาความเหนื่อยที่สะสมทั้งวันมลายไปทันที ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินไปหาอีกฝ่ายจับจูงมือเล็กมานั่งที่โซฟายาว
คุณหมอพึ่งผ่าตัดคนไข้เสร็จก็เข้ามาพักที่ห้องพักรวมของแพทย์ ห้องขนาดสี่เหลี่ยมมีความสะดวกครบครันทั้งเตียงนอนสองชั้นขนาดสามเตียง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำพร้อมทั้งตู้เสื้อผ้าและโซฟาขนาดกว้างสำหรับพักผ่อน มีโต๊ะเก้าอี้ยาวไว้เพื่อประชุมหรือรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน
“มาได้ยังไงครับ”
เมื่อคืนจากที่จะไปสวัสดีพ่อแม่ของหญิงสาวก็ต้องล้มเลิกเพราะมีงานด่วนเข้าแถมปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย เอ่ยขอโทษหญิงสาวหลายครั้งด้วยรู้สึกผิด
“มารถยนต์ค่ะ กลัวคุณหมอคิดมากว่าจะทำให้ป้อนโกรธ แล้วก็เอาอาหารเที่ยงมาให้ด้วยค่ะ” ชูปิ่นโตที่ฝากแม่บ้านทำมาให้คุณหมอตฤณ
ร่างสูงยิ้มทันทีไม่คิดว่าเธอจะมาหาเขาถึงที่แบบนี้
“ขอบคุณมากนะ พี่หิวพอดีเลย”
ณชาลุกขึ้นจัดการเทอาหารใส่ถ้วยให้เขาแล้วนั่งคุยระหว่างหมอหนุ่มรับประทานอาหาร ระหว่างนั้นก็มีแพทย์บางคนเข้ามาแต่ไม่นานก็ออกไปเพราะงานแต่ละวอร์ดยุ่งเกินกว่าจะมีเวลาพัก
“อิ่มไหมคะ” มองดูอาหารที่หมดเกลี้ยงก็เอ่ยถามแกมเย้า
..คิดไม่ผิดจริงๆ ที่บอกให้แม่ครัวทำอาหารมาด้วยคาดว่าอีกฝ่ายคงไม่ห่วงเรื่องปากท้องไหนจะทำงานหามรุ่งหามค่ำอีก
มองใบหน้าคมมีแววสดใสขึ้นก็ยิ้มให้เขา
“อิ่มมากเลย ต้องขอบคุณป้อนที่เอาอาหารมาส่ง แบบนี้คงต้องรีบให้แม่ไปขอเสียแล้ว” แววตากรุ่มกริ่มส่งไปให้แฟนสาวก่อนจะเลื่อนมือไปกอบกุมมือเธอเอาไว้
“เอ่อ เร็วไปไหมคะ”
..เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนหากจะให้แม่มาขอเธอว่ามันเร็วเกินไป อย่างน้อยก็น่าจะยืดเวลาไปสักปีหรือสองปี
“สำหรับพี่ช้าเกินไปด้วยซ้ำ พี่อยากจะแต่งงานกับป้อนเสียวันนี้พรุ่งนี้”
ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรพอดีกับที่มารดาโทรเข้าเครื่องณชาจึงสบโอกาสขอออกไปรับสายข้างนอก ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที
..ไม่รู้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกทีตอนไหน แต่ก็ขอให้ไม่ใช่เร็วๆ นี้ก็แล้วกัน
“ค่ะแม่ ป้อนกำลังจะกลับแล้วแต่จะแวะไปร้านขนมของแม่ที่สาขาหนึ่งก่อน ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
กลับมาไทยยังไม่มีงานเป็นหลักแหล่งจึงลอยไปลอยมาช่วยงานมารดาไปก่อน บางทีอาจจะไปสมัครบริษัทใหญ่โตสักแห่งหรือไม่ก็ช่วยงานที่บ้านเพราะธุรกิจของบิดาก็เติบโตมากขึ้นพอสมควร
ร่างบางเข้าไปหาคุณหมอในห้องขณะที่อีกฝ่ายกำลังเก็บถ้วยชามไว้ซิงก์ล้างจาน
“ป้อนคงต้องกลับแล้วคุณแม่โทรตาม ไว้โอกาสหน้าจะมาหาใหม่นะคะ” หยิบกระเป๋าเตรียมลาแฟนหนุ่ม
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ” ร่างสูงเดินลงไปส่งแฟนสาว
ในขณะที่พยาบาลต่างมองตามก่อนหันไปพูดคุยกันอย่างเสียดาย หล่อขนาดนี้ไม่น่ามีแฟนเร็วเลยแม้ว่าหญิงสาวจะสวยมากก็ตามควรจะหล่อให้คนได้ชื่นชมนานกว่านี้เสียหน่อย
สองร่างเดินเคียงข้างกันก่อนที่ใบหน้าหวานจะซีดเผือดแล้วรีบหลบข้างหลังคุณหมอสุดหล่อในชุดกาวน์
“เป็นอะไรครับ ทำเหมือนหลบใครอย่างนั้นแหละ”
ณชาไม่ได้ตอบแต่ในใจกลับเต้นรัว หลายปีที่ไม่พบกันอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนไปเลย อาจจะดูภูมิฐานมากขึ้นด้วยชุดที่ใส่หรือใบหน้าคมเข้มแต่สำหรับเธอพี่ชายคนนั้นไม่ต่างจากเดิมเลย
กองทัพเดินผ่านเธอไปด้วยความเร่งรีบไม่แม้แต่จะชายตามองในขณะที่คนหลบก็หันหน้าหนีเขาทันที ใกล้กันชนิดได้กลิ่นกายแต่กลับไม่แม้จะหันหน้ามอง
ณชาเม้มปากหลับตาแน่นกระทั่งรับรู้ว่าเขาคงเดินผ่านไปไกลแล้ว เพราะอะไรกันร่างสูงจึงได้เร่งรีบขนาดนี้
“ว่าไงครับ หลบใครเหรอ” มองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใครน่าสงสัย
ก่อนที่ร่างบางจะได้สติ รีบออกมายืนเคียงกายแล้วส่ายหน้าพลางฝืนยิ้มให้
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ป้อนกลับก่อนนะคะ” โบกมือลาอย่างรวดเร็วพลางเดินแกมวิ่งไปข้างนอกโดยมีคนขับรถจอดรถรออยู่
ร่างบางขึ้นไปนั่งด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แม้รถจะเคลื่อนตัวไกลแต่ใบหน้าหวานก็อดหันไปมองไม่ได้เผื่อร่างสูงจะออกมาหากก็ไม่พบ
..เธอกำลังหวังอะไรอยู่กันนะ ต้องการให้เขาเห็นแล้วเดินเข้ามาหาอย่างนั้นเหรอ ฝันลมๆ แล้งๆ นะป้อนข้าว
..พอได้แล้ว หยุดแค่นี้ เธอมีแฟนแล้วนะอีกทั้งเขาคนนั้นยังเป็นคนดีจนไม่กล้าจะทำร้ายจิตใจเสียด้วย