ปฐมบท 1 ฝ่ายที่รักมักเหนื่อยหนักเสมอ2
เรื่องราวดำเนินไปเช่นนี้ กระทั่งท่านเสนาบดีเซี่ยถึงกับทนไม่ไหว เรียกทั้งสองไปอบรมสั่งสอนเป็นการใหญ่ แต่ด้วยที่หัวใจรักบุตรสาวยิ่งนักจึงเอนเอียงไปบ้าง การตำหนิส่วนมากจึงไปตกที่แม่ทัพหนุ่มซุนทั้งหมด
“ธิดาของข้าสูงส่งเทียมฟ้า อุตส่าห์ลดตัวแต่งให้เจ้านับว่าสวรรค์มีตา ควรทะนุถนอมนางให้ดี อย่าให้ข้าต้องเป็นกังวลจนทนไม่ไหวขึ้นมา” เซี่ยเทียนเผิงหรี่ตา “อย่าหาว่าพ่อตาเช่นข้าไม่เตือน”
คำพูดนี้นอกจากข่มขู่ควบคุมยังเน้นย้ำอย่างมีนัยแฝงว่ายกบุตรสาวขึ้นสูงแล้วกดบุรุษลงต่ำ ใช้คำสั่งเฉียบขาดด้วยอำนาจที่มีเหนือกว่า
แต่ไหนแต่ไรมา สามีคือแผ่นฟ้า ภรรยามิควรก้าวล้ำ ทว่าพ่อตากลับเอ่ยวาจาไม่น่าฟัง
ทำเอาซุนเว่ยหมินยิ่งโกรธกรุ่นในใจคิดว่าไม่ยุติธรรม ไยตัวเขาต้องยอมรับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของคนเหล่านี้
แม่ทัพหนุ่มเป็นบุรุษที่องอาจทะนงตน ทั้งหยิ่งยโสถือตัว ไม่ประสงค์การบีบบังคับเป็นที่สุด จึงยิ่งหงุดหงิดในใจ สุดท้ายก็ระบายโทสะโดยการออกจากบ้านท่องเที่ยวไปทั่ว จนได้สตรีงดงามติดตัว ตามกลับมาถึงจวนด้วยหนึ่งคน
อนุภรรยาคนงามที่เพิ่มเข้ามาคล้ายเย้ยฟ้าท้าดิน อย่างต้องการประกาศศึกหลังเรือนกับภรรยาอย่างโจ่งแจ้ง
และทันทีที่เซี่ยจินเย่ได้รู้ นางถึงกับเข่าอ่อนทรุดฮวบ ก้มหน้าลงกับพื้น
เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า บุรุษสามารถมีได้
หากเขาจะมีสามภรรยาสี่อนุ เรื่องนี้ไม่นับว่าผิดอะไร และผู้อื่นก็ไม่อาจก้าวก่ายทั้งสิ้น ด้วยเป็นเรื่องของครอบครัว แม้แต่เสนาบดีเซี่ยเองยังมีอนุภรรยาหลังเรือนหลายนาง เรื่องนี้จึงนับได้ว่าไม่อาจยื่นมือมาวุ่นวายโดยสิ้นเชิง
เซี่ยจินเย่เสียใจมากที่สามีรับอนุงดงามเข้าเรือนมา
เท่านั้นยังไม่พอ เขายังเข้าหอกับอนุผู้นั้น
ในขณะที่ตัวนางซึ่งเป็นถึงภรรยาเอกตบแต่งถูกต้อง เขากลับไม่เคยแตะต้องนางแม้ปลายเล็บ
แต่อนุผู้นั้น เขากลับแสดงออกว่ารักใคร่โปรดปราน
ลุ่มหลงสตรีอื่นต่อหน้าต่อตาของนางทุกวัน!
เขาปล่อยนางเดียวดาย ต้องร่ำไห้กระทั่งหลับทุกคืน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้เป็นภรรายาเอกยิ่งทำตัวร้ายกาจ กลั่นแกล้งอนุของสามีไม่ว่างเว้น
ทำเอาจวนแม่ทัพร้อนดังไฟโหมทุกเช้าค่ำ
กระทั่งอนุผู้นั้นทนไม่ไหวคิดผูกคอตายเพื่อหลีกหนี พอฟื้นขึ้นมาก็คุกเข่าขอร้องวิงวอนให้แม่ทัพปล่อยนางไป ไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกแล้ว จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่ห่อแล้ววิ่งออกจากจวน ไม่หวนกลับมา
เซี่ยจินเย่เองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อย เพราะที่ผ่านมา สตรีนางนั้นก็เจียมตัวมาโดยตลอด
มีเพียงนางที่ทำตัวโหดร้ายโวยวายใส่ และที่สำคัญ นางลงมือโหดเหี้ยมเกินไป
เรื่องนี้ทำซุนเว่ยหมินโกรธมากกว่าเดิม จึงใช้อภิสิทธิ์ความเป็นสามีสั่งลงโทษเซี่ยจินเย่ในทันที
ข้อหาจิตใจคับแคบ อิจฉาริษยา ไร้จิตเมตตา ไม่ประพฤติปฏิบัติตามกฎเหล็กของสตรีผู้เป็นภรรยา
ซุนเว่ยหมินให้นางผู้เป็นภรรยาไปถือศีลที่วัดฉือหนิงเพื่อสำนึกผิดเป็นเวลาสองปี เซี่ยจินเย่ก็ยอมไปแต่โดยดี หวังเพียงว่าเขาจะหายโกรธนางในเร็ววัน
ทว่าใครไหนเลยจักคาดคิด ด้วยชีวิตคนล้วนแปรผัน ใจคนก็เช่นกัน แม้มิอาจเปลี่ยนไปได้ง่ายดาย หากทว่ายังคงหวั่นไหว มิอาจฝืนให้มั่นคงเช่นวันวาน
วัดฉือหนิงแห่งนี้ตั้งอยู่บนสถานที่อันห่างไกลจากความรุ่งเรืองของเมืองหลวง นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านทุกระดับ
เซี่ยจินเย่ที่เดิมทีเป็นคุณหนูสูงส่งในห้องหอ ใช้ชีวิตอยู่สุขสบายในเมืองหลวง
ไม่เคยเลยที่จะได้เปิดหูเปิดตาถึงเพียงนี้
สาวน้อยในยามนี้ล้วนได้เห็นถึงสัจธรรมแห่งชีวิตเพราะบารมีของพระพุทธองค์และคำสอนจากพระอาจารย์ไต้ซือเจ้าอาราม
อีกทั้งยังได้มีโอกาสเดินทางไปช่วยเหลือคนยากไร้ ได้ลงแรงกายแรงใจทำงานหนักเพื่อคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน
ได้สัมผัสและรับรู้ถึงผู้คนที่ลำบากยากจนข้นแค้น เห็นได้ชัดเจนว่าความรักมิใช่ทุกสิ่ง ทั้งยังได้เห็นความจริงเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตอันหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นหญิงนางโลม ชายบำเรอ เด็กขอทาน สามีขายภรรยา มารดาขายบุตร และหญิงม่ายอายุน้อยที่แม้จะมีใจและรักมั่นคงต่อสามี แต่ก็ยังมิอาจฝืนชะตา เพื่อให้ได้ร่วมฟ้าดินกับเขาดังใจหวัง
ทุกคนที่เข้าวัดเต็มไปด้วยสัจธรรมที่ได้รับรู้จากชีวิตซึ่งได้เห็นจนประจักษ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยทุกเข็ญที่สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ เซี่ยจินเย่ใช้ชีวิตเช่นนี้ในทุกวันนานเกือบปี จิตใจที่ร้อนรุ่มดังไฟสุมจึงค่อยๆ สงบลง