ปฐมบท 1 ฝ่ายที่รักมักเหนื่อยหนักเสมอ1
“เย่เอ๋อร์จะแต่งงานกับท่านแม่ทัพเว่ยหมินเท่านั้น ชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครอื่นทั้งสิ้น”
เซี่ยจินเย่ในวัยสิบสี่ปียังไม่ถึงคราวปักปิ่นด้วยซ้ำ ทว่าน้ำเสียงที่ควรหวานใสไร้เดียงสาบัดนี้กลับดุดันหนักแน่นและเฉียบขาดยิ่งนัก
“ลูกแม่ เจ้าพูดจริงหรือ?”
“จริงเจ้าค่ะ”
“...” มารดาได้แต่ทอดถอนใจ ทว่าก็ไม่อาจหักใจพูดจาตัดรอนหรือขัดขวางบุตรสาวสุดที่รักได้แม้ครึ่งคำ จึงส่งสายตากดดันไปทางสามี
เสนาบดีเซี่ยเห็นสายตาฮูหยินของตนมองมาเช่นนั้นก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยอย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“เย่เอ๋อร์ ลูกรักของพ่อ ไม่ว่าเจ้าประสงค์สิ่งใด มีหรือขุนนางใหญ่อย่างข้าจะจัดการให้เจ้ามิได้”
เซี่ยจินเย่เบิกตาโต “ท่านพ่อ!” นางขยับกายวิ่งตึงๆ โผเข้าสวมกอดบิดาทันที “เย่เอ๋อร์รักท่านพ่อที่สุดเลย”
รอยยิ้มกว้างกับท่าทางออดอ้อนจากดรุณีตรงหน้าคือสุดยอดปรารถนาของท่านเสนาบดีและฮูหยินของเขา เสียงหัวเราะอันเปี่ยมสุขจึงดังออกมาจากครอบครัวเซี่ยทันที
เซี่ยจินเย่คือธิดาอันเป็นยอดดวงใจของเสนบดีเซี่ย ผู้มีอำนาจในราชสำนักไม่น้อย ทั้งยังรักใคร่ทะนุถนอมตามใจกันมาโดยตลอด แค่เพียงคุณหนูนางน้อยผู้นี้เอ่ยปาก ต่อให้เป็นตะวันหรือจันทรา บิดามารดาก็พร้อมจะสอยมาให้ ไม่มีปฏิเสธ
การแต่งงานก็เช่นกัน อาศัยว่าเป็นที่ไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ การขอสมรสพระราชทานจึงมิใช่เรื่องยาก
และที่สำคัญ แม่ทัพซุนเว่ยหมินในวัยหนุ่มแน่นผู้นั้นยังไม่มีใครเคียงข้างทั้งสิ้น คู่หมั้นคู่หมายก็ไม่มี เขาเอาดีทางด้านการศึกมุ่งออกรบอย่างเดียว ตระกูลซุนก็มิได้ยิ่งใหญ่อันใด น้ำหนักทางวาจาจึงไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ต่อให้ปรารถนาคัดค้านการแต่งงานย่อมทำมิได้
ตัวอักษรอันเกิดจากลายพระหัตถ์บนผืนผ้าสีทองงามอร่ามได้จึงถูกประกาศออกไปต่อหน้าขุนนางนับร้อยภายในท้องพระโรงอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการพระราชทานรางวัลแด่ซุนเว่ยหมินหลังสิ้นศึกที่ชายแดนใต้
ซึ่งหากกล่าวตามจริง ก็คือราชโองการบังคับให้แต่งงาน
ใบหน้าหล่อเหลาที่เผยความอบอุ่นอ่อนโยนเป็นนิจพลันแข็งกระด้างทันทีเมื่อได้ยินประกาศฉบับนี้ในมือขันที
ซุนเว่ยหมินพยายามควบคุมสายตาเย็นชามิให้แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาและสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้สุดกำลัง เพื่อมิให้เผยโทสะอันเกิดจากความไม่สบอารมณ์ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ ขณะตอบรับเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
พิธีมงคลจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อเซี่ยจินเย่พ้นพิธีปักปิ่น ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ
ทว่าเรื่องราวหลังแต่งงานกลับไม่ง่ายดายเช่นนั้น
หากหญิงมีรักบุรุษมีใจ ครองคู่ด้วยความสมัครสมาน เรื่องราวร้าวฉานมากมายคงไม่เกิดขึ้นนับจากนี้...
เซี่ยจินเย่ยังอายุน้อย ถูกดูแลแบบประคมประหงมและถูกตามใจมาโดยตลอด จึงมีนิสัยใจร้อนบุ่มบ่ามเอาแต่ใจ
เมื่อนางหลงรักปักใจต่อซุนเว่ยหมินมากจึงต้องการความรักตอบกลับมาให้มากเท่าเทียมกัน ภาพครอบครัวที่งดงามดั่งภาพฝันที่สาวน้อยทั้งหลายมักจะวาดหวังล้วนเกิดขึ้นจนเต็มหัวใจของเซี่ยจินเย่
หากแต่ซุนเว่ยหมินมิได้รักเซี่ยจินเย่เลยสักเสี้ยว เขาไม่เคยแลเหลียวหรือชายตามองนางแม้แต่นิดเดียว
และด้วยบุรุษกำลังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น เลือดลมกำลังพลุ่งพล่าน อารมณ์รุ่มร้อน ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร แม้มิอาจขัดราชโองการแต่ก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการแต่งงาน ที่ฝ่ายบุรุษถูกสตรีรวบรัดเช่นนี้ ศักดิ์ศรีที่มีคล้ายถูกเหยียบย่ำ
ยิ่งเห็นนางมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจเช่นนั้นก็ยิ่งไม่ชอบ ยิ่งนางเรียกร้องเขายิ่งปฏิเสธ ยิ่งนางเข้าหาเขายิ่งถอยห่าง
แม้แต่เข้าหอทำกิจเฉกสามีภรรยาก็ยังไม่เคย
ทุกวัน หลังประตูจวนของแม่ทัพซุนจึงมีภาพของฝ่ายสามีเดินหนีและมีภรรยาตัวน้อยเดินตามไม่จบสิ้น
หลายครั้งยังได้ยินเสียงสามีภรรยาทะเลาะกันดังลั่นอยู่ในเรือนไม่เว้นวัน
เมื่อถูกขัดใจเช่นนั้นทุกวี่วัน สตรีนางน้อยผู้เอาแต่ใจก็ยิ่งตีโพยตีพายอย่างน้อยเนื้อต่ำใจจนหลายครั้งพลั้งเผลอเผยอารมณ์ด้านเลวร้ายหมายเรียกร้องความสนใจ
บุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่แสนจะเย็นชาอย่างซุนเว่ยหมินได้เจอสตรีร้ายกาจไม่มีสิ่งใดตรงใจก็ยิ่งห่างเหินหมางเมิน ทั้งสองคนจึงเดินบนเส้นขนาน ไม่อาจบรรจบกันได้สักที