ตอนที่ 2 ดูแลสามี
แม้ไม่ได้รักมากมายจนโง่เง่าเฉกเดิม แต่เซี่ยจินเย่ไม่เคยเกลียดชังถึงขั้นอยากให้สามีตายแน่นอน
หญิงสาวรีบมาดูอาการเขาทันที
“ตอนนี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่ใด?”
“ถูกพาตัวมาในเรือนหลักแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงรีบเดินตามติดพลางรายงาน
“แต่ก่อนนี้ท่านแม่ทัพรักษาตัวทำแผลมาแล้วอย่างดี กระทั่งเดินทางจากค่ายหน้าด่านเข้าเมืองหลวงเข้าเฝ้าได้ ทว่าจู่ๆ ก็สิ้นสติบนรถม้าก่อนกลับถึงจวนเจ้าค่ะ ตอนที่บ่าวตามไปดูได้ยินท่านแม่ทัพละเมอเรียกชื่อฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”
สาวใช้คิดว่าแม้ไม่แสดงออกว่ารักแต่สามีภรรยากัน ย่อมต้องมีส่วนลึกๆ ที่โหยหากันเป็นธรรมดา
ทว่าเซี่ยจินเย่กลับคิดไปอีกทาง
ละเมอทำไม หรือจะหาเรื่องด่าหาเรื่องขับไล่นางอีก
กระนั้นหญิงสาวยังคงจำยอมต้องเดินไปห้องของเขา
“มีท่านหมอมาดูอาการหรือยัง?” นางหันมาถามขณะยกชายกระโปรงเดินไปทางเรือนหลักอย่างเร่งร้อน
“ท่านหมอเถียนกำลังดูแลอยู่เจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงตอบ ยังไม่ลืมสำทับอีกว่า
“นอกจากท่านหมอแล้ว ยามนี้มีเพียงท่านคนเดียวที่มีสิทธิ์อยู่เคียงข้างคอยดูแลท่านแม่ทัพซุนนะเจ้าคะ”
สาวใช้จงใจพูด ปรารถนาให้นายหญิงคืนดีสามียิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพไม่มีใครเลยเจ้าค่ะ ช่างน่าเห็นใจ”
“ข้ารู้” หญิงสาวพยักหน้า ซุนเว่ยหมินไร้บิดามารดา จวนซุนแห่งนี้จึงไม่มีพ่อแม่สามี ไม่มีคนอื่นนอกจากนาง ดังนั้นจะรักษาระยะห่างมิได้อีก
เฮ้อ! กำลังทำใจให้ออกห่างได้แล้วเชียว
ไม่นานก็เดินถึงเรือนหลัก
ภายในเรือนแห่งนี้แม้ไม่หรูหราทว่ามีข้าวของเครื่องใช้ครบครัน การจัดวางเรียบง่ายยิ่งแต่พอมองแล้วกลับรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจและความน่าเกรงขามที่ซุกซ่อน ทุกสิ่งสะอาดสะอ้านดี เพราะมีคนรับใช้เช็ดถูเป็นประจำ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย
ในห้องส่วนตัวของสามีที่เซี่ยจินเย่ไม่เคยได้มาเยือน เตียงนอนที่ไม่เคยได้รับโอกาสอันมีค่าให้เอนกายเคียงข้าง บัดนี้ มีบุรุษหนุ่มร่างใหญ่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงนั้น
เซี่ยจินเย่เดินเข้ามาคารวะทักทาย “ท่านหมอเถียน”
เถียนมู่วางข้อมือของซุนเว่ยหมินเข้าผ้าห่มหลังจากจับชีพจรเสร็จ เขาลุกขึ้นรับการคารวะ
“ซุนฮูหยิน มาแล้วหรือ?”
“ท่านพี่ของข้าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
“ท่านแม่ทัพบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์สี่แห่ง ระหว่างพาตัวเขากลับมาได้ทำการรักษาเอาไว้อย่างดีแล้ว ทว่ามีจุดหนึ่งข้าได้ตรวจสอบดูอย่างละเอียด พบกว่าเสี่ยงต่อการที่เนื้อส่วนนั้นจะเน่า หากปล่อยไว้อาจรักษาชีวิตมิได้ มิทราบว่าฮูหยินยินดีให้ข้าลงมีดได้หรือไม่?”
การผ่าเนื้อเฉือนร่างกายนับเป็นเรื่องใหญ่มากทีเดียว ยามนี้ย่อมมีเพียงภรรยาเอกเท่านั้นถึงจะมีอำนาจตัดสินใจ
หญิงสาวพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้วเจ้าค่ะ”
เถียนมู่จึงเชิญเซี่ยจินเย่และคนอื่นออกจากห้องไป คงเหลือไว้เพียงตัวเขาและผู้ช่วยที่มาด้วยกัน
ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วยาม ประตูห้องที่ปิดสนิทนั้น ค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง เซี่ยจินเย่ที่ยืนเฝ้าอยู่รีบเข้าไปทันที
“ปลอดภัยแล้วกระมังเจ้าคะ” นางถามอย่างร้อนใจ
หมอเถียนซับเหงื่อก่อนพยักหน้าเนิบนาบ “แผลดี ไม่มีปัญหา ข้าดึงเศษเหล็กจากหัวธนูออกแล้วขอรับ”
“ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ ลำบากท่านแล้ว”
“ซุนฮูหยินอย่าได้เกรงใจ”
ก่อนจากลาเถียนมู่ยังกำชับอีกหลายประโยค “ท่านแม่ทัพเคยมีอาการชีพจรเลือนหาย คล้ายตายไปแล้วหนหนึ่ง แต่นับว่าโชคดีที่สวรรค์ยังเมตตา ท่านแม่ทัพกลับมาจากประตูผีได้ หลังจากนี้รอเพียงเขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีสิ่งใดน่ากังวลแล้วล่ะ เพียงแค่ซุนฮูหยินต้องคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเป็นใช้ได้ แล้วข้าจะมาติดตามอาการทุกวัน”
เซี่ยจินเย่เคยเผชิญเรื่องราวมากมายตอนไปพำนักที่วัดฉือหนิง หนึ่งในนั้นคือการเป็นลูกมือท่านหมอช่วยเหลือคนเร่ร่อนที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเจียนตาย
ที่สำคัญนางเคยรักษาใครคนนั้นจนหายดี ตอนนี้ย่อมเป็นเรื่องง่ายหากจะดูแลสามี
หญิงสาวพยักหน้ารับ “ท่านหมอวางใจได้เจ้าค่ะ”
จากนั้นเถียนมู่ก็ถูกเชิญไปดูแลเปลี่ยนผ้าพันแผลให้รองแม่ทัพกับคนสนิทของซุนเว่ยหมินที่เรือนอีกหลัง
ครั้งนี้คาดว่าพวกเขาคงเจอศึกหนักไม่น้อย แต่นับว่ายังดีที่ยังรักษาชีวิตกลับมาได้ แม้บาดเจ็บถ้วนหน้าก็ตาม
ในห้องนอนเหลือเพียงเซี่ยจินเย่ที่นั่งมองซุนเว่ยหมินที่ยังหลับใหล แม้มิได้สนทนาแต่กลับทำนางแปลกแปร่งมากกว่าทุกครา
เพราะนี่คือครั้งแรกที่นางได้เข้าใกล้เขามากที่สุด นับแต่เจอหน้ากระทั่งแต่งงานเป็นสามีภรรยา
เซี่ยจินเย่กวาดสายตาไล่ดูคิ้วตาสันจมูกริมฝีปากลำคอลาดไหล่ ทุกส่วนบนร่างกายของเขาอย่างพิจารณา
เขารูปงามมากทีเดียว
แต่แล้วอย่างไร ในเมื่อนางมิได้ครอบครองลูบไล้อย่างที่ภรรยาพึงได้รับอนุญาตให้กระทำจากคนเป็นสามี มันก็เท่านั้น
ต่อให้เขาดีแสนดีกับผู้คนทั่วหล้าประหนึ่งเทพเซียนมาจุติ ทว่าไม่รักก็คือไม่รัก ใจร้ายก็คือใจร้าย
ครุ่นคิดไปมากมายสุดท้ายเซี่ยจินเย่ก็ยังคงคอยดูแลเช็ดตัวผลัดผ้าต้มยาให้ซุนเว่ยหมินอย่างดีทุกวัน
ประสบการณ์ดูแลคนบาดเจ็บจากวัดฉือหนิง นางล้วนนำมาใช้กับสามีอย่างไม่ตระหนี่