ตอนที่ 1 มิได้หมดรักแต่หมดแรงภักดี
“ข้าต้องการหย่า!”
เสียงของเซี่ยจินเย่ที่แม้จะดังก้องแค่ในเรือนส่วนตัว แต่ก็ทำเอาสาวใช้คนสนิทตื่นตระหนกยกใหญ่
“ฮูหยินน้อย ท่านพูดอะไรกันเจ้าคะ ไม่ได้เจ้าค่ะ ลืมไปแล้วหรือไร ท่านกับแม่ทัพซุนแต่งงานกันด้วยสมรสพระราชทาน มิอาจหย่าร้างได้เจ้าค่ะ”
เซี่ยจินเย่ถอนหายใจ “นั่นสินะ?”
หากหย่าขาดได้ ซุนเว่ยหมินเองคงหย่าไปนานแล้ว ไฉนต้องทนงัดเล่ห์กลกับนางให้ซับซ้อนด้วยเล่า?
คิดแล้วก็ยิ่งเศร้า นางเพิ่งรู้มาว่าเรื่องอนุภรรยาผู้นั้น ซุนเว่ยหมินจงใจพาเข้าเรือนเพื่อหักหาญน้ำใจนาง หาเรื่องให้นางทนไม่ได้จนต้องทำผิดจรรยาสตรีหลังเรือน จากนั้นเขาจึงได้มีเหตุลงโทษนางให้ไปถือศีลแดนไกล ห่างกันพันลี้
ซุนเว่ยหมินใช้อนุเป็นเครื่องมืออย่างเลือดเย็น เปิดโอกาสให้นางทำผิดกฎบ้านเพื่อหาเรื่องลงทัณฑ์
และเขาก็ทำสำเร็จ
นอกจากเกลียดชังนางเกินจะกล่าว เขายังเป็นบุรุษไร้ใจโดยสมบูรณ์
ใช้สตรีคนหนึ่งเป็นเครื่องมือจัดการสตรีอีกคนหนึ่ง กระทั่งสตรีทั้งสองแตกพ่าย
คนหนึ่งหนีหาย ส่วนอีกคนถูกกักขังแดนไกล
ตอนนี้เซี่ยจินเย่ไม่อยากรู้เรื่องของซุนเว่ยหมินแล้ว รู้ไปก็เท่านั้น เพราะเห็นได้ชัดว่าเรื่องระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแท้จริง
ไม่มีวัน
ที่จะรักกัน!
เหตุใดนางเพิ่งเข้าใจ?
หญิงสาวมองไปนอกหน้าต่าง ทอดอาลัยให้ตัวเอง “แต่ข้าไม่อยากอยู่แบบนี้แล้วนี่นา ปรารถนาคืนอิสระให้เขา ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีวันบรรจบได้หรอก”
“ฮูหยินน้อย ท่านพูดเหมือนไม่รักท่านแม่ทัพแล้ว”
เซี่ยจินเย่ยกชาขึ้นดื่ม ครู่ใหญ่ค่อยกล่าวเสียเบา “รักคนอื่นมันเหนื่อยมาก ข้าอยากหันมารักตัวเองมากกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะเลือกแต่งงานกับคนที่รักข้า”
ครานี้เป็นสาวใช้นามเสี่ยวชิงบ้างที่ถอนหายใจ เฮ้อ! คิดได้เมื่อสายโดยแท้
“ฮูหยิน บ่าวขอบังอาจถามได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ถามมาเถอะ ข้าอนุญาต”
“ฮูหยินหลงรักแม่ทัพซุนตรงไหนหรือเจ้าคะ?”
เซี่ยจินเย่พลันชะงัก
นั่นสินะ?
นางรักเขาตรงที่ใด?
อาจเป็นที่รูปลักษณ์ภายนอกกระมัง เขาหล่อเหลา รูปร่างสง่างาม ท่วงท่ากิริยาองอาจผึ่งผายปานนั้น เพียงเห็นก็บังเกิดรักแรกพบทันที
ยังจำได้ ตอนนั้นนางยังเป็นเด็กสาวมีโอกาสเจอเขาที่ยังเป็นเพียงรองแม่ทัพ ขี่ม้านำขบวนฝั่งซ้ายช่างหล่อเหลาคมคายเหนือใคร
อา...เหตุใดนางถึงบ้าบิ่นโง่เขลาได้ถึงเพียงนั้น รักคนแค่เพียงภายนอกเนี่ยนะ
เห็นผู้เป็นนายสาวเงียบไป เสี่ยวชิงที่รอฟังอยู่นาน จึงไม่คิดเอาคำตอบอีก ทว่าจู่ๆ เซี่ยจินเย่ก็เปรยเสียงขื่น
“หากมีโอกาสเลือกแต่งงานใหม่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ต่ำต้อยเพียงใด ขอแค่เขารักข้าก็พอ...”
“ฮูหยิน” เสี่ยวชิงลากเสียงยาว อยากร่ำไห้นัก “ไม่มีโอกาสนั้นแล้วเจ้าค่ะ ท่านต้องเป็นภรรยาท่านแม่ทัพ วันนี้และตลอดไป เปลี่ยนไม่ได้แล้ว ไม่เอา ไม่พูดเช่นนี้แล้ว หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ประเดี๋ยวถูกส่งไปจำศีลที่วัดอีกไปอยู่ที่นั่น ฮูหยินไม่มีบ่าวคอยดูแล บ่าวเป็นห่วงแทบแย่”
“เจ้านี่นะ ชอบบ่นจริงเชียว เอาเถอะ ๆ ไม่พูดก็ได้ แต่ต่อไป ข้าคงไม่เข้าใกล้แม่ทัพซุนอีกแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องมาคอยรายงานว่าเขากลับมาแล้ว หรือทำสิ่งใดอยู่ แล้วก็ให้ข้าไปทำนั่นทำนี่เพื่อเอาใจเขา เรียกร้องความสนใจอันใดอีกนะ ข้าพอแล้ว ไม่ทำอะไรให้เขาทั้งนั้น เหนี่อย”
“โธ่! ฮูหยิน หากทำเช่นนั้นพวกท่านมิยิ่งห่างเหินหรือเจ้าคะ?”
“นั่นล่ะที่ข้าต้องการ หย่าไม่ได้ก็ต่างคนต่างอยู่ไป ไม่ต้องพบเจอกันอีกเลยยิ่งดี แค่อยู่จวนเดียวกันก็พอ หากเขาตามหญิงในดวงใจกลับมาได้ก็ยิ่งดี ข้าก็จะอยู่เช่นนี้ ภรรยาพระราชทานไม่ข้องเกี่ยวอันใดกับคู่รักฟ้าประทาน”
เซี่ยจินเย่หมายความอย่างเอ่ยออกมาจริงๆ แน่นอนว่านางมิได้ประชดประชันหรือเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีการใหม่แต่อย่างใด “ข้าพอแล้วกับบุรุษไร้ใจผู้นี้”
เสี่ยวชิงจะบ้าตาย “แต่ว่า ฮูหยินเจ้าคะ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เซี่ยจินเย่ลุกขึ้น “ข้าจะเก็บตัวสวดมนต์ภาวนา ห้ามใครรบกวน”
ทุกวันทุกราตรีหลังจากนั้นจึงดำเนินไปเช่นนี้
เซี่ยจินเย่ทำตามที่พูดไว้ทุกประการ แม้เสี่ยวชิงจะเข้ามารายงานเวลากลับจวนของซุนเว่ยหมินเช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมากี่ครั้งกี่ครา นางล้วนไม่ออกมาเผยโฉมต่อหน้า ด้วยไม่ต้องการทำให้เขารำคาญใจอีก
แน่นอนว่าซุนเว่ยหมินเองก็ไม่เคยถามหานางเช่นกัน
เช้าจดค่ำเซี่ยจินเย่จึงเอาแต่สวดมนต์ในเรือนส่วนตัว ตั้งจิตอธิษฐาน ขอพรและภาวนาถึงใครบางคนให้ไปสู่สุขคติ พบแต่ความสุขในโลกหน้า อย่าได้ผิดหวังในความรักอีก
ครั้นอธิษฐานบ่อยครั้ง หญิงสาวถึงได้ตระหนัก ที่แท้ แม้ไม่รักแต่นางยังคงคิดถึงเกาหยางมาโดยตลอด ส่วนบุรุษที่คิดว่ารักหนักหนาตอนนี้กลับไม่เคยคิดถึงเขาเลยแม้แต่น้อย
ชีวิตประจำวันของสามีภรรยาคู่หนึ่งจึงเป็นเช่นนั้น ไม่มีภาพของภรรยาตัวน้อยคอยตามติดสามี และไม่มีภาพของบุรุษผู้เคร่งขรึมเย็นชาพยายามเดินหนี แม้จะเรียกว่าสมัครสมานสามัคคีไม่ได้แต่ก็ไม่มีไฟสุมเรือนจนร้อนรุ่มเพราะเหตุเบาะแว้งเหมือนแต่ก่อนแล้ว
บ่าวไพร่ในจวนล้วนแปลกใจ แต่หลังเรือนแม่ทัพซุนก็เรียกว่าราบเรียบสงบสุขแท้จริง
กระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยวชิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา บอกกล่าวต่อเซี่ยจินเย่ว่า “ฮูหยินเจ้าคะ แม่ทัพซุนกลับมาจากไปออกศึกแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยจินเย่วางลูกประคำลงบนตัก พยักหน้ารับนิ่งๆ “เจ้าไปสั่งบ่าวประจำเรือนหลักดูแลท่านพี่ปรนนิบัติอาบน้ำหาอาหารให้ดีแล้วกัน ข้าสั่งตัดเสื้อชุดใหม่สำหรับต้อนรับกลับบ้านตามหน้าที่แล้ว มิได้บกพร่องแน่นอน”
ครั้งนี้ซุนเว่ยหมินออกไปทำศึกสี่เดือนเพิ่งกลับจวน คนเป็นภรรยาสมควรทำสิ่งใด เซี่ยจินเย่ล้วนทำเช่นนั้น สั่งการและกำชับเหล่าบ่าวไพร่แต่ละฝ่ายไว้อย่างเหมาะสม จึงไม่จำเป็นต้องออกไปเสนอหน้าด้วยตัวเอง
ทว่าเสี่ยวชิงส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ ฮูหยินต้องไป”
เซี่ยจินเย่เลิกคิ้ว “เหตุใด?”
อย่าบอกนะว่าเขาเรียกหานาง
เสี่ยวชิงบอกอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ทัพบาดเจ็บหนัก สลบไสลยังมิได้สติเลยเจ้าค่ะ”
“...!?”