๗
“แฟนพี่สิงห์เขา” คุณมังกรต่อให้จนจบประโยคโดยที่ครองขวัญทำได้เพียงยิ้มเขินเท่านั้นต่างจากพระพายที่เหมือนหัวใจจะแตกสลายไปเสียแล้ว ใบหน้าหวานมองไปที่สิงห์ที่หันไปสบตากับแฟนสาวก่อนจะเบือนหน้ามามองเธอจนต้องหลบตาของเขาเพราะกลัวแสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็น
“ยินดีด้วยนะคะ” พูดได้เท่านั้นจริงๆ เหมือนมีก้อนหนักๆ มาจุกที่คอจนไม่สามารถเอ่ยเอื้อนประโยคใดต่อไปได้ คุณมังกรมองหลานสาวด้วยความสงสารเพราะล่วงรู้จิตใจของพระพายว่าแอบหลงรักลูกชายของตนเอง ด้วยต่างทั้งวัยและทั้งสองก็ยังเป็นพี่น้องกันอีกแม้จะคนละสายเลือดก็ตาม ทั้งสามพูดคุยกันโดยมีพระพายร่วมวงด้วยบางครั้งก่อนเธอจะขอตัวไปทำการบ้านที่คั่งค้าง เพียงพ้นห้องรับแขกใบหน้าหวานก็แสดงความอ่อนแอทันที เมื่อขึ้นห้องไปได้น้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
คำว่ายินดีที่พูดออกไปแทบไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ เธอเคยชินกับการที่พี่สิงห์ดูแลเธอแม้ว่าเขาจะไปเรียนต่อหากก็ยังติดต่อกลับมาเสมอ ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเข้ามาในหัวใจของพี่ชายได้จนกระทั่งวันนี้ที่เขาพาครองขวัญเข้ามาในฐานะคนรัก เธอก็รู้สึกราวความหวังทั้งหมดพังทลายลงมา เข้าใจแล้วว่าตนเองก็เป็นเพียงน้องสาวเท่านั้นไม่มีทางที่จะก้าวข้ามสถานะนี้ไปได้เลย
จากวันนั้นสิงห์ก็ไม่ได้พาหญิงสาวมาที่บ้านอีกและเขาก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ก่อนจะมีข่าวว่าสิงห์หายตัวไปทุกคนต่างเป็นห่วงและออกตามหาก่อนจะพบในสองวันต่อมาด้วยสภาพสะบักสะบอมที่โรงพยาบาลชนบทแห่งหนึ่ง เขาเกือบเอาตัวไม่รอดด้วยถูกยิงตกหน้าผาสูง พระพายเห็นสภาพก็แทบยืนไม่ไหวสงสารเขาจับใจ หลังจากวันนั้นจึงได้รู้ว่าคนที่ทำร้ายพี่ชายคือราพณ์คนที่เป็นเพื่อนสนิทซึ่งสิงห์ไว้ใจมากที่สุด!
“นี่เราจะจ้องหน้ากันแบบนี้โดยไม่ทักทายกันเลยหรือ” น้ำเสียงที่ ยียวนนั้นทำให้สิงห์ต้องกำมือแน่นแต่ก็ต้องคลายเมื่อได้ยินเสียงร้องแผ่วเบาจากพระพาย เขาลืมไปว่าจับมือเล็กเอาไว้ด้วย
“แม้แต่หน้ามึงกูก็ไม่อยากเห็น” ตอบโต้กลับไปเสียงเครียดหากอีกคนทำเพียงยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
“แต่กูยังอยากเห็นหน้ามึงนะ แล้วก็อยากทักทายกับพระพายด้วย” ร่างสูงชะโงกหน้ามาโบกมือให้สาวน้อยที่หลบอยู่ข้างหลังสิงห์จนเธออยากตัวเล็กกว่านี้เสียเหลือเกิน รอยยิ้มของราพณ์ดูน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกเมื่อมอง
“คมิกพาพระพายออกไป” มือหนาปล่อยมือบางออกจากการเกาะกุมโดยที่หญิงสาวก็ไม่ได้คัดอะไร สถานการณ์นี้ควรทำตามที่เขาบอกดีที่สุด คมิกมองนายตนด้วยความเป็นห่วงแต่ก็พาพระพายที่เปรียบดั่งดวงใจของเขาออกมาก่อน เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนที่ยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางคนติดตามของสิงห์
“อย่ามองกูแบบนั้นสิ เราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนไม่ใช่หรือ” เห็นแววตาแข็งของสิงห์มองมายังตนเองก็พูดเสียงกลั้วหัวเราะราวกับขำขัน
“มันเป็นอดีตไปแล้ว ต่อจากนี้มึงรอนับวันตายของตัวเองได้เลย” สิงห์พูดจริงจัง
“จุ๊ๆ ไม่เอาสิเพื่อน เกมยังไม่จบกูจะตายได้ยังไง” ความสูงที่ไม่ค่อยต่างกันของทั้งสิงห์และราพณ์ทำให้ระดับสายตาตรงกันพอดี ราวกับมีกระแสไฟออกมาจากดวงตาของทั้งสองที่กำลังจ้องมองกัน
“คนอย่างมึงก็เป็นได้แค่หมาที่มีดีแค่เห่า” เขาแสยะยิ้มก่อนราพณ์จะก้าวเข้าใหล้สิงห์ทำให้ลูกน้องที่เฝ้าจับชายเสื้อของตัวเองอย่างพร้อมเพรียงจนราพณ์ต้องหันมามองแล้วผละออกไปพร้อมยกมือทั้งสองขึ้นมาราวกับยอมแพ้หากแววตากลับฉายความสนุกอย่างชัดเจน
“ก็ลองดูแล้วกันว่ากูจะมีดีแค่เห่าไหม” ราพณ์มองไปโดยรอบที่การ์ดของสิงห์ยืนนิ่งมองเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใดต่างจากเจ้านายที่มองเขาแทบจะฉีกทึ้งร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ก็สมควรกับที่เขาทำกับมันเอาไว้ โกรธเขาให้มาก เกลียดเขาให้มากกว่านี้เกมมันถึงจะสนุก
“แล้วก็คนที่มึงส่งมา กูจัดการเป่าไปแล้วนะ เสียใจด้วยว่ะเพื่อนที่มึงทำอะไรกูไม่ได้” เขากำมือแน่นเมื่อราพณ์เดินมาตบไหล่แล้วยิ้มมุมปากให้ก่อนจะเดินออกไป กัดกรามแน่นด้วยความโกรธแม้ว่าจะเล่นงานได้หากแต่มันเพียงน้อยนิดเท่านั้นไม่คุ้มกับการเสียคนของเขาไป เกมมันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเขาจะต้องกำจัดคนอย่างมันให้ได้!
เมื่อกลับเข้าไปภายในงานเลี้ยงสิงห์ก็เดินประกบน้องสาวทันทีพลางมองโดยรอบก็พบราพณ์ยืนจิบไวน์อย่างมีความสุขพร้อมกับยิ้มมาทางเขาเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อสักครู่สร้างความไม่พอใจให้เขา ปกติก็ไม่อยากจะเห็นหน้ามันอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมเวลาเจอกันทีไรเขามักจะควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ทุกทีนั้นมันทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า
“คุณสิงห์หายไปไหนมาคะ ตาลตามหาเสียทั่วงาน” ผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นกวินตราแม้ว่าเขาพยายามจะสลัดหล่อนออกก็ดูจะติดหนึบมากขึ้นกว่าเดิม เขาไม่ควรใช้เธอเป็นเครื่องมือในแผนครั้งนี้เลย เหมือนบ่วงจะมาพันรอบเขาอีกบ่วงเสียแล้ว
“ธุระ” ตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วเขยิบเข้าไปใกล้พระพายที่มองไปตรงเวทีซึ่งกำลังบรรเลงเพลงหลานละมุนแสนคลาสสิค ใบหน้าหวานอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นเด็กตัวน้อยเล่นไวโอลินอย่างเก้กังหากก็ไม่ได้ทำให้เสียงเพลงเพี้ยนแต่อย่างใด
“พี่สิงห์” ร่างบางหันมามองคนเป็นพี่ที่เดินหน้านิ่งมายืนข้างเธอโดยมีดาราสาวอยู่ข้างกายด้วย เธอเม้มปากแน่นด้วยความไม่ชอบใจหากก็ต้องสะกดอารมณ์เอาไว้
“ถ้าเจอไอ้ราพณ์อีกให้หนีทันที เข้าใจที่พี่บอกใช่ไหม” เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอเพราะเสียงเพลงรอบข้างดังเกินไป
“เข้าใจค่ะ” พยักหน้ารัวเร็วพลางหันหน้าหนีจากลมหายใจของเขาที่แทบจะเป่ารดต้นหูเธออยู่แล้ว ร่างสูงยืดกายมองไปรอบงานด้วยความไม่สบอารมณ์ คิดว่าคงจะไม่เจอมันแต่เขาประเมินผิดไปว่าคนอย่างมันจะไม่กล้ามางานนี้ ไม่นานสิงห์ก็เดินไปคุยธุรกิจกับนักธุรกิจอีกคนไม่ลืมที่จะฝาก คมิกให้ดูแลพระพายเป็นอย่างดีด้วยจนกวินตามองด้วยความอิจฉา
“น้องพระพายสนิทกับคุณสิงห์มากหรือคะ” เหลือเพียงสองคนกับผู้ติดตามเท่านั้น กวินตาจึงเขยิบเข้ามาใกล้สาวรุ่นน้อง
“ค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก” ได้ข้อมูลใหม่ก็พยักหน้าทันที เธอพอจะรู้มาบ้างว่าสิงห์มีน้องสาวแต่ไม่แน่ใจว่าน้องสายเลือดเดียวกันหรือไม่เพราะดูจากหน้าตาท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่ยิ่งแววตาความหวงน้องสาวของเขาเธอยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่เพียงแค่น้องสาว
“แสดงว่าก็ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กันอย่างนั้นหรือ” พระพายส่ายหน้าพลางอมยิ้ม
“ไม่ค่ะ พ่อพระพายเป็นรุ่นน้องพ่อพี่สิงห์” คิดแล้วอย่างไรเล่า กวินตาเพียงยิ้มรับเท่านั้นหากในใจเหมือนมีกองไฟมาสุมเอาไว้ แสนจะอิจฉาหล่อนที่ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มแสนพอร์เฟคแม้จะติดเย็นชาแต่บทรักของเขาเร่าร้อนจนเธอตกบ่วงเขาเข้าจนได้
“พี่ก็เป็นแฟนคุณสิงห์มานาน ยังไม่ได้ไปไหว้คุณพ่อเลยถ้าวันไหนว่างพี่จะเข้าไปหานะคะ” สาวอายุน้อยกว่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่ยิ้มรับและมองไปที่เวทีเท่านั้น กวินตาประเมินจากสายตาของตนเองและสัญชาตญาณของผู้หญิงก็รู้ได้ทันทีว่าสาวน้อยตรงหน้าคิดไม่ซื่อกับคุณสิงห์ของเธออย่างแน่นอนอีกคนก็เช่นกันแม้ท่าทางจะเย็นชาแต่แววตาหลังได้รับรายงานจากลูกน้องว่าพระพายอยู่กับใครเขาก็เกิดความโกรธขึ้นมาทันทีจนเธอตกใจยิ่งเห็นเขาหุนหันเดินไปก็ทำอะไรไม่ถูกจะตามไปก็ติดที่ผู้ติดตามเขาห้ามเอาไว้อีก
“น้องพระพายยังเรียนอยู่หรือ”
“ค่ะ ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย” ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วก็คงจะเป็นอย่างนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายยิ่งใหญ่ฐานะก็ดีอย่างคุณสิงห์จะมาคิดเกินเลยกับเด็กกะโปโลภายในบ้านตนเอง หากจะเทียบสาวน้อยคนนี้กับเธอแล้วสิงห์ควรจะเลือกคนที่คู่ควรอย่างเธอถึงจะถูกต้อง
“มีแฟนหรือยังจ๊ะ” คำถามนั้นสร้างความกระอักกระอวนให้พระพาย
“ยังไม่มีค่ะ”
“อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีอีกหรือ พี่หาให้เอาไหม คนในวงการเยอะเลยนะหน้าตาดีทั้งนั้น” กวินตาพยายามสร้างความสนิทสนมกับคนที่เธอปักใจแล้วว่าเป็นศัตรูด้วยท่าทีร่าเริง
“ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบสั้นพยายามที่จะปิดบทสนทนาแต่ดูเหมือนดาราสาวจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้เลยยังคงพูดต่อจนคมิกรู้สึกอึดอัดแทน