๕
“บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูดครับ มันสำคัญที่การกระทำ” น้ำเสียงนิ่งทำให้คนเป็นพ่อยิ้มมุมปากด้วยความถูกใจในคำพูดของลูกชาย ท่านตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ
“แต่บางเรื่องคำพูดก็สำคัญเหมือนกันนะ” สองพ่อลูกมองหน้ากันที่สิงห์จะหันหน้าหนี พระพายเองแม้สงสัยหากก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา ใช้เวลาไม่นานอยู่หน้าอัฐิของจักรีวุธก็พากันกลับมายังบ้านด้วยวันนี้ต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับบุตรชายของคุณหญิงท่านหนึ่งที่คบค้าสมาคมกันมานาน
“พระพายไปกับพี่เขาด้วยก็ดีนะ จะได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” ขณะที่นั่งรถตู้กลับบ้านโดยคุณมังกรนั่งด้านหน้าข้างพระพายและสิงห์นั่งข้างหลังท่านก็ถามหลานสาวคนเดียว
“แต่ว่า”
“ผมว่าไม่ต้องให้พระพายไปหรอกครับ คนเยอะมีแต่อบายมุขทั้งนั้น” ตั้งแต่เล็กเธอถูกคนในบ้านเลี้ยงมาราวไข่ในหินแทบไม่เคยออกไปเผชิญโลกภายนอกเท่าใดนัก คนจะคิดว่าเธออ่อนแอหากแต่คุณมังกรรู้ว่าหลานสาวคนนี้เข้มแข็งและดูแลตนเองได้ดีทีเดียว
“ก็ให้น้องลองไปดู งานครั้งนี้ลูกจะไปเจรจาธุรกิจด้วยไม่ใช่หรือ ให้น้องเริ่มดูงานช่วยก็ดีนะ” พระพายเม้มปากแน่นลุ้นว่าเขาจะตอบเช่นไร เธออยากลองไปงานกับเขาดูสักครั้งอยากเห็นการทำงานของพี่ชายที่ตนแอบหลงรักว่าจะเป็นอย่างไร
“ตอนนี้ให้พระพายเรียนไปก่อนดีกว่าครับ น้องจบค่อยให้มาทำงานก็ได้”
“พ่อตัดสินใจแล้วให้น้องไปกับลูกนั้นแหละ ตกลงไหมพระพาย” หันมาถามหลานสาวพลางยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี หลานสาวพยักหน้ารับค่ะ
“ได้ค่ะคุณลุง” คนเป็นลูกทำเพียงถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงพนักเท่านั้น เขาไม่อยากให้พระพายไปงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์ต่างๆ เพราะเธอจะกลายเป็นจุดสนใจแล้วเป้าสายตา เพียงแค่เธอได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย เขาก็แทบคลั่งแล้วตอนนั้น พยายามระงับอารมณ์เอาไว้มากแค่ไหนที่จะไม่ต้องใช้อำนาจตัวเองลากเธอออกมาจากการประกวด พ่อเขาหรือก็ส่งเสริมหลานสาวตนเองเสียเหลือเกิน รถขับไปถึงบ้านทุกคนก็แยกย้ายกันไปยกเว้นพระพายที่จะมีคนนำชุดมาให้เธอลองเพื่อไปงานตอนเย็นที่บ้านคุณหญิงเพลินจิตซึ่งไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก
“ไม่โป๊ไปหรือคะ” ร่างบางท้วงทันทีเมื่อชุดที่สวมอยู่เป็นเสื้อสายเดี่ยวเล็กจนแทบมองไม่เห็นมีโซ่เส้นเล็กคล้องเอาไว้อีกชั้นตัวชุดสีขาวเนื้อผ้าลื่นโชว์ช่วงไหล่และลำคอยาวระหง
“ไม่ค่ะ สาวสมัยนี้เขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้น” อดกังวลไม่ได้เพราะไม่ค่อยได้ใส่ชุดราตรีเท่าไหร่ มองอย่างไรเธอก็คิดว่าพี่สิงห์คงไม่อนุญาตให้ใส่อย่างแน่นอน
“คุณสิงห์มาค่ะ” ยังไม่ทันจะได้ตอบตกลงร่างสูงก็เดินเข้ามาภายในห้องของเธอเสียก่อนและเมื่อได้สบตากันดวงตาเรียวก็จ้องเธอเขม็งทันที ป้าช้อยที่ยืนอยู่ในห้องก็ต้องหลบฉากออกไปทั้งดีไซเนอร์ที่เริ่มทำตัวไม่ถูกรู้สึกเหมือนอุณหภูมิโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็ว
“ใครเป็นคนเอาชุดนี้ให้พระพายใส่” ถามเสียงแข็งพลางมองไปที่สาวประเภทสองที่นำชุดซึ่งตนออกแบบให้หญิงสาวสวมใส่
“พระพายเลือกใส่เองค่ะ ไม่มีคนบอก” เพราะรู้นิสัยพี่ชายของตนเองดีจึงรีบกล่าวออกไปกลัวคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเจอฤทธิ์ของเขา
“เปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้ถ้ายังอยากให้พี่พาไปด้วย” ว่าจบเขาก็หันหลังจะเดินออกไปแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดออก
“พี่เลือกให้เองดีกว่า” เพียงเท่านั้นทุกคนต่างก็ถอยกรูให้สิงห์เดินไปที่ราวแขวนเสื้อกว่าห้าสิบตัวที่มีให้เลือก ร่างสูงหยิบชุดออกมาดูเรื่อยอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลือกสักตัวพลางทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ตลอดเวลาจนกระทั่งเขายิ้มมุมปากเมื่อพบชุดที่ถูกใจ
“มันมิดชิดไปไหมคะ” มองไปยังชุดที่เขาเลือกให้พระพายอดเอ่ยออกมาไม่ได้ ชุดเดรสแขนยาวลายลูกไม้สีชมพูอ่อนกระโปรงบานยาวคลุมเข่าเรียบร้อยจนเธอคิดว่าเขาอาจจะพาไปงานการกุศลเสียด้วยซ้ำ สิงห์หันมามองน้องสาว
“แล้วน้องจะใส่โป๊ไปโชว์ใคร” เจอคำถามนี้พระพายก็ได้แต่ส่ายหน้า
“แล้วแต่พี่สิงห์จะพิจารณาเลยค่ะ” ใบหน้าหวานยิ้มให้เขาทันที สิงห์จึงยื่นชุดนั้นไปให้สาวประเภทสองที่มาดูแลเรื่องการแต่งกายของพระพาย
“แล้วพี่จะรอ” เมื่อพ้นร่างสูงทุกคนภายในห้องก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พระพายยิ้มออกมาอย่างนึกขำกับท่าทางหวาดกลัวของทุกคนที่ดูจะเกินเหตุไปเสียหน่อย
“คุณสิงห์น่ากลัวมาก เห็นทุกคนพูดถึงว่าทั้งหล่อและน่ากลัวเพิ่งได้เห็นจริงๆ ก็ครั้งนี้ น่ากลัวจนฉันอยากจะขอปืนสักกระบอกมายิงตัวต่อหน้าเขาเลย” ช่างแต่งหน้าหันไปคุยกันเองพยายามเบาเสียงหากแต่พระพายก็ ได้ยิน
“พี่สิงห์ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ เก๊กไปอย่างนั้นเอง” ทุกคนเพียงยิ้มแห้งๆ ให้เธอเท่านั้น คงมีเพียงพระพายที่ดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าพี่ชายของตนเองน่ากลัวเพียงใด เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางธุรกิจไปแล้วจนหลายคนยำเกรงทั้งที่อายุเพิ่งจะสามสิบเอ็ดปีเท่านั้น
งานเลี้ยงของคุณหญิงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่คฤหาสน์หลังโต แสงไฟประดับไปทั่วงานจนส่องสว่างสวยงามราวสวรรค์บนดิน พระพายที่เดินตามพี่ชายมามองบรรยากาศโดยรอบด้วยความชื่นชนเพราะไม่ค่อยได้มางานแบบนี้เท่าไหร่นัก สิงห์เองก็พยายามลดความเร็วของการเดินลงเพื่อมาเดินเคียงข้างน้องสาว
“จำได้ไหมที่พี่บอก” หันมาถามพระพาย
“ห้ามอยู่ไกลจากพี่สิงห์เกินห้าเมตร พระพายจำได้ค่ะ” พยักหน้าด้วยความพอใจเมื่อได้รับคำตอบของหญิงสาว เขาเดินนำเธอเข้าไปภายในงานที่มีผู้คนมากมายแม้จะเป็นเพียงงานเลี้ยงต้อนรับลูกชายแต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าเป็นการพบปะกันของนักธุรกิจและเหล่าไฮโซจึงพากันมาร่วมเพื่อนผลประโยชน์ของตนทั้งนั้น
“คุณสิงห์” เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกแม้ไม่ได้หันหน้าไปก็รู้ดีว่าเธอคือใคร ดาราสาวเจ้าบทบาทมาในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงที่ขับผิวนวลให้ชวนมองผมเกล้าขึ้นอย่างสวยงามอวดลำคอระหงจนผู้ชายต่างเหลียวมองยามเธอเดินเหมือนกับนางพญาที่แสนสง่างาม กวินตาก้าวผ่านพระพายไปหาสิงห์ที่เพิ่งหันมาสบตาเธอฉายแววรำคาญอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็พยายามทำใจดีสู้เสือ
“ไม่บอกก่อนเลยว่าจะมา นี่ถ้าคุณหญิงไม่เชิญตาลก็คงไม่รู้ว่าคุณจะมา” เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน เธอควรจะรู้ว่าตนเองต้องอยู่ตรงไหนและในฐานะอะไร
“อืม” ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรหากแต่มองไปยังพระพายที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่พูดจา เขารู้สึกผิดต่อเธอหากก็ไม่สามารถพูดหรืออธิบายอะไรได้เลยด้วยสถานที่ที่ไม่อำนวยและเงื่อนที่เขามัดเอาไว้มันรัดจนไม่รู้จะแก้อย่างไร หากจะพูดก็คือเขาใช้กวินตาเป็นอีกหมากที่ทำให้พระพายตัดใจจากเขา และดูเหมือนตอนนี้มันจะทำร้ายเขาเข้าให้แล้ว
“แล้วนี่..ใครคะ” กวินตาตัดสินใจเดินไปยืนเคียงข้างเขาก่อนจะมองตามสายตาเรียวก็พบว่าอีกฝ่ายสบตากับผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งหากแต่งตัวเรียบร้อยเสียจนนึกว่าจะไปทำบุญเสียอย่างนั้น แววตาของนักแสดงสาวเริ่มวาวขึ้นมาทันทีเมื่อทั้งสองสบตากันด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้หล่อนเริ่มระแวง
“น้องสาว” เขาตอบสั้นๆ