๔
“มีหนอนด้วยค่ะป้าช้อย” เด็กวัยสิบสองปีเอ่ยเมื่อมองเห็นหนอนสีเขียวตัวเล็กเกาะอยู่บนต้นดอกคูนสีเหลืองที่มักจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนเทศกาลสงกรานต์ทุกปีจนเหลืองอร่ามไปทั้งต้น หากแต่ใบของมันก็มักจะมีหนอนมาเกาะ
“ระวังด้วยนะคะคุณหนู” ป้าช้อยที่ได้รับหน้าที่ดูแลคุณหนูชั่วคราวก็บอกเธอ
“มันไม่น่ากลัวค่ะ ไม่กัดด้วยอีกหน่อยจะกลายเป็นผีเสื้อ” หันมาบอกเสียงใสตามที่ได้ร่ำเรียนมา ร่างสูงของชายหนุ่มเดินผ่านประตูทางเข้าสวนก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนพูดกันเขาหันมามองก็พบกับป้าช้อยที่นั่งอยู่บนเสื่อใต้ต้นไม้ใหญ่กับเด็กน้อยใส่ชุดนักเรียนยืนดูใบไม้
ร่างสูงในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งขรึม ป้าช้อยหันมาเห็นก็ยิ้มให้ “คุณสิงห์เพิ่งเลิกเรียนหรือคะ” คำถามนั้นเรียกความสนใจจากเด็กน้อยให้หันไปดูก็พบพี่ชายตัวใหญ่ใบหน้านิ่งยืนจ้องเธอเขม็ง เมื่อยังไม่คุ้นชินเธอก็เกิดความกลัวเลยเดินไปนั่งข้างๆ ป้าช้อยราวกับเป็นที่หลบภัย
“ครับ กำลังจะไปเปลี่ยนชุดเลยได้ยินเสียงคนคุยกัน” พระพายมองดูพี่ชายที่ใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวเข้ารูปกับกางเกงสแล็คสีดำ ชายเสื้อถูกปล่อยออกมาแขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นอย่างลวกๆ
“คุณหนูสวัสดีพี่เขาสิคะ” มือน้อยพนมเข้าหากันก่อนจะก้มไหว้เขาอย่างอ่อนน้อมแล้วรีเกาะแขนคนเป็นป้าทันที
“คุณพ่ออยู่ไหนครับ” รับไหว้เพียงพยักหน้าเท่านั้นจึงถามหาบิดา
“ห้องรับแขกไทยประยุกต์ค่ะ” เพราะบ้านหลังนี้มีห้องรับแขกแต่ละสไตล์กว่าห้าห้องจึงต้องบอกว่าอยู่ห้องใด เขาทำเพียงพยักหน้าก่อนเดินออกไปด้วยใบหน้าขรึม เมื่อลับหลังร่างสูงเด็กน้อยก็ถอนหายใจออกมาทันที
“ทำไมพี่เขาน่ากลัวจังคะ” ป้าช้อยอดหัวเราะกับท่าทางที่แสดงความหวาดกลัวไม่ได้
“ไม่น่ากลัวหรอกค่ะ พี่เขาแค่หน้านิ่งเท่านั้นเอง”
“แล้วทำไมเขาไม่ยิ้มล่ะคะ” คำถามนั้นทำให้ผ้าช้อยนึกสงสารคุณสิงห์จากเด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนเมื่ออยู่กับมารดากลับกลายเป็นเย็นชาแทบไร้หัวใจเมื่อคนที่รักยิ่งจากไป ทำงานให้พ่อตั้งแต่ยังอยู่เพียงมอปลายจนเข้ามหาวิทยาลัย กลายเป็นชายหนุ่มใจเด็ดที่ลูกน้องต่างยำเกรง
“พี่เขาคงมีเรื่องทุกข์ใจน่ะค่ะ”
“อ๋อ เหมือนคุณพ่อตอนนี้เลยค่ะ คุณพ่อทุกข์เลยไม่ค่อยยิ้ม” มองดูเด็กน้อยที่เหมือนเข้าใจทุกอย่างก็อดให้สงสารในโชคชะตาไม่ได้ เธอพอทราบมาว่าคุณจักรีวุธล้มละลายจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณมังกร
“รู้อย่างนั้นคุณหนูก็อย่าทำให้คุณพ่อลำบากใจนะคะ”
“ค่ะ พระพายจะไม่ทำให้คุณพ่อลำบากใจ” ตัวเล็กแต่ก็รู้เรื่องอะไรมากมาย ป้าช้อยชวนเธอทานขนมแล้วพาดูดอกไม้งามในสวนสวยแห่งนี้ต่อไป สิงห์ในวัยยี่สิบเอ็ดปีเป็นหนุ่มรูปหล่อร่างกายกำยำแม้หุ่นจะไม่หนามากแต่ก็ดูสง่าจนสาวในมหา’ลัยเข้าหาไม่หวาดไม่ไหว
“เจ้าสิงห์มาพอดี มารู้จักคุณอาวุธมา” กวักมือเรียกลูกชายที่ตอนนี้ยกมือไหว้ผู้ที่อายุเยอะกว่าแล้วมานั่งข้างบิดา
“โตขึ้นมากเลยนะ” ครั้งที่เขามาเยี่ยมพี่ชายและพี่สะใภ้เด็กชายยังอายุเพียงสิบขวบเท่านั้นเองไม่คิดว่าเวลาผ่านไปจะโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้
“อีกหน่อยก็จะไปเรียนโทแล้วล่ะ” คนเป็นพ่อบอกลูกชายก็ทำเพียงนิ่งไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป ชีวิตเขาเหมือนไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรเองอยู่แล้วด้วยมองว่าตอนนี้เหลือแค่พ่ออยากจะช่วยงานพ่อให้มากที่สุดเท่านั้น อีกเพียงสามเดือนเขาก็จะจบมหาวิทยาลัยก่อนจะไปต่อโทที่อังกฤษอีกสองปี เขาจะต้องจบภายในสองปีให้ได้เพราะต้องมาช่วยกิจการที่บ้าน
“ยังไงอาก็ฝากลูกสาวอาไว้ด้วยนะ” เขาขมวดคิ้วทันที
“ยังไม่เจอน้องหรือ” คนเป็นบิดากันมาถามก่อนที่ร่างสูงจะนึกถึงเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนถักผมเปียที่เล่นอยู่กับป้าช้อย
“เจอแล้วครับ” คุณจักรีวุธยิ้มออกมาพร้อมทั้งมองบุตรชายของคุณมังกรด้วยความหวัง
“ดูแลน้องด้วยนะ น้องยังเด็กมากมีอะไรก็บอกก็สอนได้” เหมือนกับเป็นการฝากฝังความหวังอันยิ่งใหญ่
“ครับ” เขารับคำก่อนที่ชายร่างเล็กจะยิ้มออกมา
“ถ้ายังไงผมขอไปบอกลูกก่อนนะพี่แล้วจะเลยไปเก็บเสื้อผ้ามาให้” คุณมังกรพยักหน้า
“ไปเถอะ” เขามองหน้าพี่ชายคนสนิทด้วยความเคารพแล้วเดินไปหาลูกสาวที่ยังเล่นอยู่กับป้าช้อย “วันหลังป้าช้อยสอนพระพายทำขนมหน่อยนะคะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างไร้เดียงสาจนคนเป็นพ่อเดินมาอดน้ำตาซึมไม่ได้
“ได้สิคะ ป้าจะสอนคุณหนูทำทั้งขนมไทย ขนมต่างประเทศเลยดีไหม” เด็กน้อยพยักหน้าทันที
“ดีค่ะ พระพายชอบกินขนม” ป้าช้อยหยุดพูดเมื่อเห็นพ่อของเด็กน้อยเดินมา “เป็นไงบ้างพระพาย” หันกลับมามองบิดา
“คุณพ่อคุยเสร็จแล้วหรือคะ เราจะกลับกันเลยใช่ไหม” ถามน้ำเสียงใสแต่กลับเรียกน้ำตาของคนเป็นพ่อออกมา ป้าช้อยผละออกให้สองพ่อลูกพูดคุยกัน
“ฟังพ่อนะพระพาย หนูรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเราเป็นอย่างไร” เด็กน้อยเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“บ้านเราถูกยึด พ่อเองก็ไม่มีที่จะไปแล้ว พระพายลูก หนูชอบที่นี้ไหม” ได้ยินเท่านั้นก็เหมือนรู้ชะตากรรมของตนเองแล้ว เด็กน้อยน้ำตาไหลออกมาทันทีหัวใจดวงเล็กราวกับถูกบีบด้วยมือของคนเป็นบิดาเอง
“หนูอยากอยู่กับพ่อ” เสียงน้อยสั่นไหวเมื่อตอบกลับ คุณจักรีวุธนั่งคุกเข่าต่อหน้าบุตรสาว มือเอื้อมไปลูบศีรษะของลูกน้อย
“หนูอยู่ที่นี้กับคุณลุงมังกร พี่สิงห์กับป้าช้อยนะคนเก่ง พ่อจะไปทำงานหาเงินเยอะๆ แล้วจะกลับมารับหนูไปอยู่ด้วย” เด็กน้อยพยายามกลั้นเสียงร้องของตนเองด้วยอยากเข้มแข็งไม่ให้พ่อทุกข์ใจแม้ว่าเธอจะไม่อยากอยู่ที่นี้ก็ตาม ความสบายมันเทียบไม่ได้เลยหากไร้ซึ่งคนที่รัก
“พ่อจะกลับมารับพระพายใช่ไหม” ถามเสียงสั่นเครือ คุณจักรีวุธยิ้มให้ลูกสาว
“ใช่ พ่อจะกลับมารับหนูไปอยู่ด้วย” เพียงเท่านั้นร่างเล็กก็โผเข้ากอดบิดาเอาไว้แน่นปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย คุณมังกรและสิงห์มองดูสองพ่อลูกด้วยความสงสารที่ต้องพรากจากกัน บิดาหันมามองลูกชายตนเอง
“ส่งคนไปกำจัดไอ้กำธรที่มันกล้าทรยศน้องชายพ่อ” หันไปบอกลูกชายที่รอรับคำสั่ง สิงห์เดินออกไปพร้อมผู้ติดตามอีกสองคนทันที เขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุด สองพ่อลูกผละออกจากกันก่อนที่คุณจักรีวุธจะหอมแก้มบุตรสาวด้วยความรัก
“อยู่กับลุงมังกรอย่าดื้ออย่าซนนะลูก เป็นเด็กดีนะ” พยักหน้าอย่างแข็งขันพลางปาดน้ำตาออก
“ค่ะพ่อ พระพายจะเป็นเด็กดี” ดวงตามุ่งมั่นของเด็กน้อยในวันนั้นกลายมาเป็นแววตาแห่งความคิดถึงของหญิงสาวในวันนี้ พระพายที่โตเป็นสาวในชุดเดรสสีขาวสะอาดตา ผมถูกเปียอย่างเรียบร้อยใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มสีอ่อน มองป้ายอัฐิของบิดาที่ล่วงลับไปแล้ว
“พระพายมาเยี่ยมพ่อนะคะ” บอกกับบิดาพร้อมทั้งแย้มยิ้มออกมา
“วันนี้คุณลุงมังกรกับพี่สิงห์ก็มาด้วย” หลีกทางให้คุณมังกรเดินมาหาน้องชายคนสนิทของตนเอง
“ฉันดูแลลูกแกอย่างดีแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้มาเยี่ยมเสียนานเลย” ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อนานมาแล้วตอนนี้เขาดูแลหลานสาวลูกของน้องชายที่รักอย่างดี ท่านมองไปยังรูปของจักรีวุธด้วยความอาลัยไม่คิดว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่น้องจะมีชีวิต
“ส่วนอนาคตเรื่องคู่ครองฉันก็จะช่วยดูแลให้เหมือนกัน จะสกรีนผู้ชายทุกคนที่เข้ามาถ้ามีข้อเสียแม้แต่ข้อเดียวฉันก็ไม่ให้ผ่าน” ว่าพลางหันไปยิ้มให้พระพายที่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นพระพายจะไม่ขึ้นคานหรือคะ”
“ก็ดีสิ เดี๋ยวลุงจะดูแลหนูเอง ผู้ชายสมัยนี้มันไม่ดีหรอก ขี้กลัวทั้งยังป็อดอีก” สิงห์ยังคงทำหน้านิ่งไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป เขาคิดว่าบิดารู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับสาวน้อยคนนี้หากก็ไม่ได้บอกให้เธอได้ทราบ
“มีอะไรจะพูดกับอาเขาไหม” สิงห์เดินมาข้างหน้ามองคุณอาที่พบกันเพียงครู่เดียวแต่ก็ยังจดจำได้จนถึงทุกวันนี้ ‘ผมสัญญาครับว่าจะดูแลพระพายตลอดไป จะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดร่างกายหรือได้รับความไม่สบายทางจิตใจอย่างเด็ดขาด จะปกป้องเธอจากอันตรายทั้งหมด เธอจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน ส่วนเรื่องคนรักผมจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ลูกคุณอาแน่นอนครับ ยกเว้นผม’ ไม่มีใครรู้ว่าเขาพูดว่าอย่างไรบ้างเพราะอีกฝ่ายเพียงแค่จ้องอัฐินิ่ง
“ไม่พูดออกเสียงหน่อยหรือไง จะเก็บเป็นความลับหรือ” บิดาเอ่ยถามเมื่อเขาก้าวออกมา