๓
“ก็มันหิวนี่คะ วันนี้พระพายไม่ค่อยได้กินอะไร” ได้ฟังก็ขมวดคิ้วทันที
“แล้วทำไมไม่กิน” รู้ว่าตนเองพลาดเข้าเสียแล้วก็เลยพยายามเคี้ยวอาหารและกลืนลงไปเพื่ออธิบายเหตุผลให้กับพี่ชายที่ตอนนี้ทำหน้ายักษ์ใส่เธอเป็นที่เรียบร้อย
“ไม่หิวค่ะ” คำตอบช่างน่าตีเสียเหลือเกิน สิงห์มองเธอนิ่ง “ไม่หิวก็ต้องกิน เกิดเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาจะทำยังไง ต่อไปนี้พี่จะให้คนที่บ้านเอาข้าวเที่ยงมาส่งด้วย” คนเป็นน้องส่ายหน้าเร็วพลัน
“ไม่เอานะคะพี่สิงห์ แค่นี้เพื่อนก็ล้อพระพายจะแย่แล้ว” หากให้คนนำอาหารมาให้อีกคงได้เป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโตเสียที สิงห์มองน้องอย่างไม่ค่อยพอใจนักหากก็ไม่อยากจะบังคับ
“ถ้าอย่างนั้นตอนเที่ยงส่งรูปอาหารที่เรากินไปให้พี่ดู ทุกเที่ยง” เขาย้ำคำสุดท้ายจนพระพายต้องพยักหน้ารับแล้วลงมือทานเกี๊ยวต่อไป เมื่อได้ข้อสรุปที่พึงพอใจทั้งสองฝ่ายแล้วทั้งรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง พระพายยังคงทานอาหารว่างรองท้องจนกระทั่งรู้สึกถึงนิ้วใหญ่ของคนข้างกายเอื้อมมาเช็ดที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบาจนเธอนิ่งงันหันไปมองหน้าเขา
“มูมมาม ค่อยๆ กินสิ” น้ำเสียงที่ไม่ได้อ่อนหวานหากกลับดูนุ่มนวลในความรู้สึกของเธอเสียเหลือเกิน ใบหน้าคมยังคงขรึมตามเดิมแต่ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นรัวเสียแล้ว พระพายเม้มริมฝีปากตัวเองก่อนเอามือเช็ดปากเมื่อเขาเอามือตนเองออกแล้ว
“มันอร่อย”
“อร่อยก็กินช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ” หล่อนพยักหน้ารับคำแล้วยิ้มออกมา เขาเองก็ทำได้เพียงแค่มองเท่านั้นแม้ใจจริงอยากเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธอด้วยความเอ็นดูเพียงใดก็ตาม พยายามห้ามตนเองไม่ให้ความหวังอีกฝ่ายแต่ก็ยากเสียเหลือเกินจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายบรรยากาศ สีชมพูเมื่อครู่
“ว่าไง” กล่าวทักอย่างไม่สบอารมณ์
‘เดี๋ยวนี้คุณไม่ติดต่อตาลมาเลยนะคะ’ปลายสาวกล่าวด้วยความน้อยใจที่แฟนหนุ่มดูห่างเหินจากเธอ
“ผมไม่ว่าง มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม” เห็นว่าเธอไม่มีธุระเขาจึงจะวางสายแต่อีกฝ่ายก็รั้งเอาไว้เสียก่อน
‘อย่าเพิ่งวางสิคะ วันนี้ตาลอยู่คนเดียว เหงามากเลย ตอนนี้ก็อาบน้ำอยู่ในอ่างเสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่สักชิ้นมีฟองเต็มตัวไปหมดเลย คุณสิงห์สนใจจะมาอาบด้วยกันไหมคะ’น้ำเสียงเย้ายวนของเธอหวังให้เขามีความต้องการในตัวเธอแต่คงจะคิดผิดเพราะเขาตัดบทอย่างไม่เหลือเยื่อใย
“ไม่ล่ะ ผมชอบอาบคนเดียว” กดตัดสายไปไม่ทันได้ฟังว่าเธอพูดอะไรอีก พระพายที่พอจะได้ยินเสียงเขาพูดกับปลายสายที่คาดว่าคงเป็นแฟนสาวก็ยิ้มอย่างพึงพอใจหากต้องรีบหุบยิ้มเมื่อเขาหันมาเห็นพอดี
“เกี๊ยวอร่อยนะคะ” ตอบแก้เก้อแล้วทานคำสุดท้ายเข้าไปปิดกล่องอย่างดี สิงห์หันไปมองข้างทางฟังเพลงคลาสสิคที่บรรเลงไปก็เริ่มจะง่วงนอนจนกระทั่งเขาหลับตาลงเพื่อพักสายตาชั่วคราว รถไม่ขยับเพราะติดไฟแดงพระพายหันไปมองเขาก็พบว่าอีกฝ่ายหลับไปเสียแล้ว เธอมองยามพี่ชายหลับก็อดนำเอามือถือขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้ไม่ได้ เขาไม่ค่อยแสดงความเหนื่อยล้าให้ใครเห็นหากเธอก็รู้ได้เพราะแววตาของเขาอ่อนล้าเหลือเกิน ผู้ชายที่เป็นทุกอย่างสำหรับเธอ
“พระพายรักพี่สิงห์นะคะ” บอกเสียงแผ่วเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลับก่อนหันมองนอกหน้าต่าง สิงห์ลืมตาขึ้นมามองด้านข้างของร่างบาง เขาไม่ได้หลับสนิทด้วยนิสัยระวังตลอดเวลา ได้ยินคำรักที่พระพายเอ่ยบอกหากก็ไม่กล้าจะก้าวเดินไปข้างหน้าหรือข้ามผ่านเส้นกั้นนี้ เพราะไม่อยากจะสูญเสียเธอ เขาไม่พร้อมที่จะเสียคนที่รักจึงต้องอยู่ในสถานะจำยอมนี้ตลอดไป
10 ปีก่อน...
ชายร่างเล็กเดินเข้ามาภายในบ้านสวยซึ่งตั้งตระหง่านงามตาผู้พบเห็น เขาจูงลูกสาวตัวน้อยที่ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนรัฐบาลเข้ามาด้วยใบหน้าซูบตอบ “คุณพ่อคะ บ้านใครคะ” เด็กน้อยอายุ 12 ปีเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะไม่เคยมา
“คุณลุงมังกรเขาเป็นพี่ชายที่พ่อเคารพ” หันมาตอบลูกสาวพลางยิ้มให้เพียงเล็กน้อย แววตาแสนเศร้าที่คนเป็นลูกก็ทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น ทั้งสองเดินมาจนถึงหน้าบ้านซึ่งมีผู้ชายท่าทางใจดีคนหนึ่งยืนยิ้มรอท่าอยู่ก่อนแล้วพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่ใส่ชุดดำยืนอยู่ข้างหลังด้วยใบหน้านิ่ง
“ทำไมมาถึงช้านักล่ะ” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามรุ่นน้องคนสนิทที่คุ้นเคยกันมาแต่เด็กเพราะอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันถ้าอีกฝ่ายไม่ย้ายตามแม่ไปอยู่ต่างประเทศป่านนี้ก็คงยังไปมาหาสู่กันอยู่ ไม่ได้รับข่าวคราวจากจักรีวุธเสียนานจนกระทั่งเมื่อวานที่อีกฝ่ายโทรมาหา
“รถมันติดน่ะพี่”
“ถ้าอย่างนั้นเข้ามากินน้ำกินท่าในบ้านเสียก่อน หลานฉันร้อนแดดแล้ว” หันมองเด็กหญิงหน้าหวานตัวเล็กที่แก้มแดงเป็นลูกตำลึงก็เชิญเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ พระพายที่ตอนนั้นอยู่เพียงประถมศึกษาปีที่หกก็มองด้วยอย่างชื่นชมในความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ไม่วายหันมาบอกผู้เป็นบิดา
“สวยจังเลยนะพ่อ” คิดว่าบ้านของตนกับบิดาสวยที่สุดแล้วหากมาพบบ้านหลังนี้เธอกลับคิดว่ามันมีมนต์เสน่ห์ที่แปลก ตัวบ้านแม้จะออกแบบเป็นสไตล์โมเดิร์นแต่ก็ของประดับตกแต่งภายในก็ยังเน้นความเป็นไทยอยู่มาเห็นได้ชัดจากเครื่องไม้ภายในบ้าน
“เดี๋ยวไปเอาน้ำเอาท่ามาให้แขกนะ” ประมุขของบ้านสั่งแม่บ้านที่เดินออกมาคือป้าช้อยในวัยสี่สิบเอ็ดปี หล่อนรับคำแล้วเดินเข้าไปภายในครัว
“มากันยังไงล่ะ” เอ่ยถามน้ำเสียงใจดี
“รถเมล์ครับพี่” สิ้นคำตอบคุณมังกรก็ได้แต่พยักหน้าด้วยความสงสาร จากคนที่เคยมีทุกอย่างวันนี้กลับสิ้นเนื้อประดาตัวแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอนก็ยังไม่มี เขาอดเห็นใจน้องชายข้างบ้านไม่ได้ที่ถูกโกงจากคนที่ไว้ใจ กิจการที่สร้างมาตั้งแต่รุ่นตายายถูกต่างชาติมาเทคโอเวอร์ ตนเองก็มีหนี้สินมากมายจนชาตินี้ทั้งชาติก็คงใช้ไม่หมด จนปัญญาเสียเหลือเกินจนต้องบากหน้ามาขออาศัยพี่ชายที่เคารพ
“น้ำกับขนมค่ะ” ป้าช้อยนำของว่างมาเสิร์ฟหนูน้อยมองตาโตด้วยความหิวเพราะตอนเที่ยงกินเพียงน้ำเต้าหู้กับปลาท่องโก๋เท่านั้น ผู้ใหญ่ทั้งสองสบตากันก่อนที่คุณมังกรจะเอ่ยกับหลานสาว “พระพายอยากไปดูดอกไม้ไหมลูก” ถามเสียงอ่อนโยนเด็กน้อยก็สองจิตสองใจเพราะอยากกินขนมด้วย
“เดี๋ยวลุงจะให้ป้าช้อยพาไปดูดอกไม้แล้วก็เอาขนมไปกินด้วย ดีไหม” ได้ยินอย่างนั้นเธอก็พยักหน้าทันที ป้าช้อยอมยิ้มมองเด็กหญิงอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินจูงมือพาเธอไปสวนดอกไม้ที่ปลูกพืชดอกไว้มากมายอย่างสวยงามเพราะคุณผู้หญิงของบ้านที่ล่วงลับไปแล้วชอบดอกไม้มาก เมื่อพ้นร่างเล็กบรรยากาศโดยรอบก็ดูอึมครึมทันที
“อยากให้พี่จัดการมันให้ไหม” ถามเสียงเครียดแทนน้องชายที่ตอนนี้มีสีหน้าอมทุกข์
“ไม่หรอกพี่ ผมมันโง่เอง” ปลงเสียแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งขึ้นปอหกไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป จากที่เรียนโรงเรียนนานาชาติเขาก็ย้ายลูกไปเรียนที่โรงเรียนรัฐบาลเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ลูกสาวก็แสนดีไม่เอ่ยปากบ่นสักคำจนเขาได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
“แล้วจะเอายังไงต่อไป”
“ผมจะไปเสี่ยงดวงที่อเมริกาพอมีคนรู้จักที่นั้นบ้าง อยากให้พี่ช่วยดูแลพระพายให้ ถ้าผมมีทุกอย่างพร้อมแล้วจะกลับมารับลูกไปอยู่ด้วย” เมื่อพูดจบชายร่างเล็กก็คุกเข่าลงกับพื้นทันทีจนคุณมังกรต้องลุกแล้วจับไหล่น้องชายเอาไว้
“ผมกราบล่ะพี่ ดูแลลูกผมให้ด้วยนะ”
“ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอกวุธ ลูกแกก็หลานพี่เหมือนกัน พี่จะดูแลพระพายให้เอง” จับไหล่เอาไว้แน่นทั้งสองมองหน้ากันราวกับจะสัญญาดังคำที่พูดเอาไว้ จักรีวุธร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่หากก็ก้มหน้าเอาไว้ คุณมังกรจับน้องขึ้นนั่งบนโซฟา
“ผมไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงดี” ซาบซึ้งจนบรรยายไม่ถูก พี่ชายที่แม้จะต่างสายเลือดกันแต่ก็รักและห่วงใยเขามาตลอด
“เรื่องแค่นี้เอง หลานคนเดียวพี่เลี้ยงได้สบาย” คุณจักรีวุธปิดหน้าร้องไห้ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกแล้วมองไปที่รุ่นพี่คนสนิท คุณมังกรก็ยังเป็นคนใจดีคนเดิมกับพี่น้องเพื่อนฝูง เป็นคนที่น่าพึ่งพาเสมอราวกับเป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเย็นแก่ผู้คนที่ต้องการมาหลบร้อน
“คืนนี้ผมฝากลูกไว้ที่นี้เลยได้ไหม ผมจะกลับไปเก็บเสื้อผ้าแล้วพรุ่งนี้จะมาหา” เหมือนจะไม่ให้ตั้งตัวแต่คุณมังกรก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงพยักหน้าเท่านั้น
“ได้อยู่แล้ว ให้หนูพระพายอยู่กับพี่ที่นี้แหละ จะได้ปลอดภัย” ชายทั้งสองยิ้มให้แก่กัน คุณจักรีวุธราวกับปลดห่วงที่มีออก แล้วทั้งสองก็เปลี่ยนบทสนทนาถึงการไปอเมริกาครั้งนี้ว่ารุ่นน้องจะไปทำอะไรบ้างซึ่งก็เอาใจช่วยให้สามารถก่อร้างสร้างตัวได้อีกครั้ง