๒
“แล้วแม่ดาราที่แกคบอยู่ล่ะ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” คุณมังกรเอ่ยถามบุตรชายคนเดียวของตนเองเกี่ยวกับความรักในขณะนี้ สิงห์มีข่าวคบหาดูใจอยู่กับดาราคนดังของช่องน้อยสีที่กำลังมาแรงในขณะนี้อย่างกวินตา แสงประกายนางเอกดาวรุ่งที่แจ้งเกิดจากละครสุดแสนจำน้ำเน่าหากเป็นที่ชอบเหลือเกินของเหล่าคนดูทั้งหลาย
“ก็ดีครับ” เขาตอบสั้นๆ เพราะเดือนหนึ่งเจอเธอแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น การคบกันอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจเขาได้เธอมาโฆษณาให้โรงแรม ส่วนเธอก็ได้ชื่อเสียงจากการคบเขา ส่วนเรื่องของร่างกายนั้นมันก็วินวินทั้งคู่อยู่แล้ว หากตอนนี้เธอเริ่มจะทำตัวน่ารำคาญด้วยการตามติดชีวิตเขาจากเลขา พยายามมาหาที่ทำงานหรือตามไปทุกที่ที่เขาไป บางครั้งมันคงถึงเวลาที่ต้องบอกลาเธอเสียที
“เขาสวยดีนะคะ พี่สิงห์ไม่พาเขามาบ้านบ้างหรือ” พระพายเอ่ยถามอย่างน้อยใจหากก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้ ตลอดเวลากว่าหลายปีที่เธอรู้สึกกับเขาเกินกว่าพี่ชาย รู้ว่าไม่ควรแต่ก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้ สิงห์ก็ยังคงมีผู้หญิงควงอยู่เรื่อยสร้างความช้ำใจให้เธอจนอาจเป็นความเคยชินที่ว่าเขาแค่ควงผู้หญิงเหล่านั้นไม่ใช่ตัวจริงของเขาเพราะคนที่เขารักได้จากไปแล้วเมื่อหกปีก่อน
“วันหลังแล้วกัน” ชายหนุ่มแบ่งรับแบ่งสู้ เขารู้ว่าพระพายแอบรักตนเองแต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรมากหรือเดินผ่านสถานะพี่น้อง คุณมังกร มองทั้งสองเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแต่ก็รู้ทุกอย่างตามประสาของคน ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จร่างสูงก็เดินไปขึ้นรถไม่วายหันกลับมาสั่งน้องสาว
“เย็นนี้พี่จะไปรับที่มหา’ลัย” พระพายพยักหน้าแล้วรับคำเขาเสียงแผ่วก่อนที่เห็นแผ่นหลังหนาเดินออกไปจากห้องอาหารแห่งนี้
“วันนี้คุณลุงจะไปไหนหรือคะ” ประมุขของบ้านหันมายิ้มให้สาวน้อย
“จะไปเสี่ยงโชคสักหน่อย” เป็นที่รู้กันว่าอดีตประธาน DK GROUPค่อนข้างจะมีดวงเรื่องโชคหากวันไหนทีท่านไปเยือนคาสิโนเหล่านักพนันมักจะล่าถอยไปไม่อาจสู้ด้วย
“ขอให้โชคดีนะคะ” ชายสูงวัยเลิกคิ้วมองหน้าหลานสาว
“อวยพรลุงหรือ”
“เปล่าค่ะ พระพายหมายถึงคนที่จะเล่นกับคุณลุงต่างหาก” แล้วก็หัวเราะอย่างถูกใจ ทั้งสองคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง หากแต่กว่าจะถึงเวลาเรียนอีกนานร่างบางจึงตัดสินใจจะไปทำคุกกี้เพื่อให้พี่ชายทานคู่กับน้ำชาตอนดึก
ภายในห้องขนาดกลางที่ถูกปูด้วยพรมสีแดง ผ้าม่านปลิวไหวตามแรงลมเพราะระเบียงถูกเปิดออกจนสุด บนพื้นห้องก็มีแจกันแตกกระจายพร้อมทั้งข้าวของเกลื่อนไปหมดจนไม่เหลือเค้าสภาพเดิม ร่างสูงยืนอยู่ริมระเบียงพร้อมปล่อยควันบุหรี่ออกมาช้าๆ มองท้องฟ้าที่ถูกทาด้วยสีเข้มเหมือนฝนกำลังจะตกแม้จะเป็นเวลาเช้า ชายชุดดำเดินเข้าภายในห้องก่อนไปหาเจ้านาย
“จัดการให้เรียบร้อย” อีกฝ่ายน้อมรับคำสั่งเดินเข้ามาอุ้มหญิงสาวที่นอนสลบอยู่บนเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยช้ำจนไม่เหลือความสวยงาม ลำคอมีรอยบีบอย่างเห็นได้ชัด สภาพร่างกายดูแล้วรวยรินจนไม่น่ารอดหากก็ต้องรีบนำเธอออกไปรักษาให้เร็วที่สุด
ร่างหนาทิ้งบุหรี่ลงไปข้างล่างอย่างไม่ใยดีแล้วเดินเข้ามาภายในห้องที่มีพ่อบ้านเข้ามาทำความสะอาด ราพณ์ วัลลภนภา เดินไปใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมทั้งกางเกงเนื้อดีเพื่อไปให้ความรู้ในเรื่องการลงทุนกับบริษัทแห่งหนึ่ง ใบหน้าหล่อนิ่งขรึมไม่แสดงความรู้สึกจนคล้ายรูปปั้นมากกว่ามนุษย์ที่มีชีวิต ขายาวก้าวไปหยิบเอกสารที่วางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบพลางหยิบรูปถ่ายหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษาขึ้นมาดู
“เราจะได้เจอกันแน่ พระพาย” ริมฝีปากบางแสยะยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมพร้อมแววตาดุที่คล้ายสัตว์ร้ายกำลังมองเหยื่อ จากนี้ไปแผนการของเขากำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และพวกมันทุกคนจะต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่เขาเสียไป พวกมันต้องเจ็บปวดและจำไปจนวันตาย!
สิงห์ก้าวเข้ามาภายใน Variete Hotel โรงแรมติดแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีวิวสวยและห้องพักหรูที่นักท่องเที่ยวต่างเข้ามาจับจองหรือบรรดานักธุรกิจ ไฮโซและนักแสดงที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ชั้นใต้ดินของโรงแรมมีคาสิโนขนาดกลางเปิดตลอด 24 ชั่วโมงโดยมีการคุ้มเข้มหากไม่มีบัตรหรือประวัติแสดงก็ไม่สามารถเข้าไปได้
“คุณสิงห์ครับ” เขากำลังนั่งตรวจเอกสารที่ห้องทำงานชั้นหนึ่งก็มีผู้ติดตามอีกคนที่ดูแลจัดการเรื่องงานดูแลระบบภายในอย่างจิรภาสจริสพงษ์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเข้ม
“มีอะไร” แม้จะอ่านเอกสารอยู่แต่เขาก็ยังคงฟังเรื่องที่จะรายงาน
“มีคนเข้ามาสืบข้อมูลในคาสิโนครับ” เพียงเท่านั้นมือหนาก็ชะงักทันที ใบหน้าคมที่นิ่งอยู่แล้วขรึมเข้าไปอีกจนน่ากลัว
“มันอยู่ไหน”
“ห้องใต้ดินครับ” วางปากกาลงทันทีพร้อมทั้งยืนขึ้นเต็มความสูง ติดกระดุมเสื้อสูทพร้อมทั้งก้าวออกไปจากห้องอย่างมั่นคง ข้างนอกมีลูกน้องเขาเต็มไปหมดหากยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบ สิงห์เดินไปยังห้อง ใต้ดินที่ถูกจัดทำขึ้นพิเศษมีเครื่องมือในการทรมานที่หลากหลาย ภายในที่ถูกสร้างให้เก็บเสียงผนังเป็นสีดำสนิทมีหลอดไฟดวงเดียวสีนวลอยู่กลางห้องพร้อมทั้งบุคคลที่จิรภาสได้กล่าว มือทั้งสองถูกขึงไว้เหนือหัวด้วยโซ่ขนาดใหญ่ เท้าก็มีโซ่ล่ามเอาไว้ ใบหน้าบวมปูดมีแต่เลือดเต็มไปหมด
“ใครส่งแกมา” เขาถามเสียงเข้ม ภายในห้องเต็มไปด้วยผู้ติดตามที่กระจายกันอยู่โดยรอบพร้อมอาวุธปืนที่มีอยู่ในมือและเตรียมพร้อมจะส่งลูกออกไปยังเหยื่อเสมอ
“กูไม่บอก” ใบหน้าบวมปูดแสยะยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะราวคนเสียสติ สิงห์หันไปพยักหน้าให้จิรภาสก่อนที่แส้ยาวจะถูกตีเข้าที่หลังอย่างแรงจนคนโดนร้องเสียงหลง
“ตอบมา!” เขาตะโกนขึ้นหากแต่อีกฝ่ายก็เพียงแค่หัวเราะเท่านั้นซึ่งสร้างความโกรธให้สิงห์เป็นอย่างมาก “ตีจนกว่ามันจะบอกว่าใครส่งมันมาแล้วตัดลิ้นมันเอาไปให้ปลากิน” สั่งเสร็จร่างสูงก็เดินออกไปจากห้องอับทันทีโดยมีจิรภาสเดินตามมา ก่อนจะได้ยินเสียงโหยหวนของอีกฝ่ายดังก้องไปทั่วและไร้เสียงเมื่อปิดประตู เขาเดินกลับไปยังห้องทำงานแล้วเริ่มต้นอ่านเอกสารอีกครั้ง
“มันยอมรับแล้วครับ” จิรภาสที่ได้รับการรายงานบอกกับสิงห์
“ใคร”
“ราพณ์ วัลลภนภา” เพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ฉายแววโกรธขึ้นมาทันที มือหนากำแน่นเอาไว้พยายามระงับอารมณ์หากก็ไม่สำเร็จจึงทุบลงโต๊ะด้วยความโมโห ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ยังจองล้างจองผลาญเขาเหมือนเดิม เขากับมันคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
“ส่งคนไปป่วนมัน” สั่งเสียงเฉียบซึ่งอีกคนก็ค้อมหัวน้อมรับก่อนเดินออกไปข้างนอก สิงห์กัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ราพณ์ถือเป็นศัตรูคู่แค้นและเปลี่ยนให้กลายเป็นบุคคลซึ่งไม่กล้าไว้ใจใครอีกเลยเพราะกลัวจะเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู!
เวลาสองทุ่มอาจารย์ซึ่งสอนหน้าห้องที่ยังดูสาวสั่งงานให้นักศึกษาได้ไปเขียนรายงานส่งพร้อมทั้งเตรียมงานสารนิพนธ์เพื่อส่งเรื่องที่ตนเองสนใจให้ได้ทราบ “พระพายเสร็จแล้วจะกลับเลยหรือ” ในขณะที่เก็บเอกสารใส่กระเป๋าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอได้ถามขึ้น
“ใช่ พี่สิงห์จะมารับ” หมูหวานหรือมณีพรรณ วรรณประพัทธ์ หญิงสาวร่างอวบมองเพื่อนอย่างแสนเสียดาย
“อีกแล้ว อะไรก็พี่สิงห์ ถามจริงเถอะไม่กลัวพี่ชายตัวเองบ้างหรือไง” ส่ายหน้าทันทีพร้อมหยิบสมุดมาถือเอาไว้
“ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย พี่สิงห์ใจดีออก” เพื่อนตอบแบบนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะรู้สึกอย่างไรเพราะเท่าที่จำได้เคยไปนั่งทานข้าวกับสิงห์เธอต้องนั่งเกร็งจนกินข้าวแทบไม่ได้ ผู้ชายอะไรหน้าดุ ตาเย็นชา แถมเสียงยังเข้มจนดูน่ากลัวแม้ว่าหน้าตาจะหล่อมากก็ตาม
“เชิญเทิดทูนไปคนเดียวเถอะจ้ะ” สองสาวออกห้องเรียนพร้อมกันหากแต่ก็ต้องหยุดเมื่อมีชายคนหนึ่งมายืนขวางทางออกเอาไว้
“อ้าวพิธานมาขวางพวกเราทำไม” มณีพรรณถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ชายร่างสูงผิวขาวหน้าตี๋ยิ้มจนไม่เห็นตาแล้วมองมาที่พระพาย
“พระพายกลับยังไงให้เราไปส่งไหม” อาสาอย่างมีน้ำใจหากแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายเราจะมารับ” เขาหน้ามุ่ยลงทันทีหากมณีพรรณกลับหัวเราะอย่างชอบใจจึงได้รับการถลึงตาใส่จากเพื่อนร่วมสาขาที่เรียน “ถ้าอย่างนั้นเราเดินไปส่งนะ” บอกอย่างมีความหวังแม้ว่าเขาจะเพียรจีบดาวมหาวิทยาลัยคนสวยมากว่าสามปีแล้วเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อนเลย
“ได้สิ ถ้าไม่กลัวพี่ชายเรา” เพียงแค่คิดพิธานก็เปลี่ยนคำพูดทันที
“เราลืมไปเลยว่าบ้านเราอยู่ทางเดียวกับยายหมูหวาน ถ้าอย่างนั้นเราไปกับหมูหวานก็ได้” กลับลำแทบไม่ทันเมื่อเคยเจอฤทธิ์การมองแบบแผดเผาของสิงห์แค่เขาเดินใกล้พระพาย ยังจดจำได้ว่าเขาก้าวขาแทบไม่ออก ร่างกายเหมือนถูกเผาไปแล้วกว่าครึ่งซีกเพียงแค่สบดวงตาเรียวคู่นั้นของพี่ชายเธอ
“อะไร ทีอย่างนี้มาอ้างฉันนะยะ” ว่าเพื่อนทันทีหากก็เดินไปพร้อมกันสามคนแต่มณีพรรณกับพิธานก็แยกตัวออกไปโดยที่พระพายเดินไปยังที่ประจำซึ่งจะมีรถของสิงห์มาจอดรอรับอยู่แล้ว บางครั้งเขาก็มาก่อนเวลาหรือมาตรงเวลาไม่เคยที่จะมาสายเลยสักครั้งราวกับมีตาทิพย์เห็นว่าเธอเลิกเรียนเวลาไหนเสียอย่างนั้น ครั้งนี้เห็นรถสามคันจอดเรียงกันอยู่สีดำสนิท มีคนติดตามยืนรอด้านนอกจนคนที่เดินผ่านไปมาต้องหันมามอง เธอชินเสียแล้วเพราะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่มัธยม
“สวัสดีค่ะพี่สิงห์” ยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนน้อมก่อนมานั่งข้างเจ้าของกายกำยำที่ทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น อาจดูเย็นชาแต่เธอก็ชินกับการแสดงออกแบบนั้นของเขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใดเพราะแค่เขามารับเธอทั้งที่ทำงานหนักมาทั้งวันก็ทำให้ใจดวงน้อยชุ่มชื่นแล้ว
“อาหารว่างครับคุณหนู” คมิกโน้มตัวลงมายื่นกล่องเกี๊ยวนึ่งซึ่งเอามาจากร้านอาหารให้เธอ พระพายขอบคุณรับกล่องอาหารมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป ภายในรถมีเสียงดนตรีคลาสสิคบรรเลงแผ่วเบาเนื่องจากพระพายชอบเหลือเกินจนพี่ชายต้องหามาเปิดเอาไว้แต่ตนเองไม่ได้ชอบเพราะฟังแล้วชวนให้นอนเสียเหลือเกิน
“พี่สิงห์กินไหมคะ” ร่างเล็กทานด้วยความอร่อยแล้วจึงหันมาถามพี่ชายที่นั่งหน้านิ่ง เขาส่ายหน้าช้าๆ มองดูเธอกินด้วยความสุข
“ค่อยๆ กิน” อดเอ็ดไม่ได้เมื่อหญิงสาวเคี้ยวยังไม่ทันจะหมดก็ตักอีกคำเข้าปากเสียแล้ว