บทที่ 3
ทางด้านโรมนั้นเมื่อขับรถพ้นรั้วบ้านเล็กน้อยก็รีบกดโทรศัพท์หาธูปทันที
ตื๊ดด…ตื๊ดด…ตื๊ดด…
“ทำอะไรอยู่วะ เราโทรไปตั้งนานเพิ่งจะรับสาย” โรมถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เพราะเขาเองก็พอจะเดาได้ว่าเพื่อนคงจะติดภารกิจบางอย่างอยู่
“ก็มาพักผ่อนพร้อมกับสาวสวยเนี่ย นายคิดว่าเราจะทำอะไรล่ะ เล่นหมากเก็บหรือไง” เสียงของธูปที่ตอบกลับมานั้นค่อนข้างขุ่นมัวทีเดียว
“เออ ขอโทษทีที่ขัดจังหวะ แค่อยากจะรู้ว่านายจะกลับเมื่อไหร่แค่นั้นเอง”
“อีกสองวันก็กลับแล้ว ว่าแต่เรื่องเทียนเรียบร้อยดีมั้ย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ธูปถามถึงน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“เรียบร้อยแต่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ แค่เห็นว่าเป็นเราไปรับก็หน้าบูดแล้ว นั่งรถมาด้วยกันก็ทะเลาะกันนิดหน่อย”
“อะไรกัน แค่เจอหน้ากันไม่ถึงวันก็ทะเลาะกันแล้วเหรอ แล้วนี่นายลืมตัวจนเผลอทำอะไรยายเทียนอีกรึเปล่า” ธูปถามด้วยน้ำเสียงจับผิด
“แค่จูบไปทีเดียวเอง เรียกว่าทำอะไรได้รึเปล่าล่ะ แต่คงจะแรงไปหน่อยเห็นปากเจ่อไปเหมือนกัน” โรมสารภาพเสียงอ่อย
“เฮ้อ ให้ได้อย่างนี้สิ ว่าแต่ยายเทียนคุยเรื่องหย่าหรือยังล่ะ” ธูปพูดเสียงเบื่อหน่ายด้วยรู้จักนิสัยของเพื่อนและน้องสาวดีว่าเป็นอย่างไร
“ยังเลย ร้องแต่จะกลับบ้านอย่างเดียว แล้ววันนี้เรามีประชุมตอนสิบโมงด้วยเลยรีบออกมา ไม่มีเวลาได้คุยอะไรหรอก เดี๋ยวถ้านายเสร็จธุระสำคัญของนายแล้ว ก็โทรไปคุยกับเทียนหน่อยสิ อยู่คนเดียวคงจะเหงาเหมือนกัน อ้อ โทรเข้าเครื่องสำรองของเรานะ โทรศัพท์ของเทียนพังเราเอาออกมาซ่อมให้แล้วทิ้งเครื่องเราไว้ให้ใช้แทน”
“เออ นายไม่ต้องมาประชดเราหรอก แค่นี้ก่อนแล้วกัน นายไปทำงานให้สบายใจเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย” ธูปตัดบท
“ได้ อ้อ อย่าหักโหมนักนะเดี๋ยวจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ฮ่า ๆๆๆๆๆ” พูดจบโรมก็กดวางสายทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนตอบกลับแต่อย่างใด
ข้างฝ่ายเทียนแก้วเมื่อโรมออกไปแล้วก็เดินกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวบุนวมหนา เธอรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ของพี่ชายแล้วกดโทรออกทันที
“บ้าจริงเชียว คุยกับใครเป็นนานสองนานไม่ยอมวางสายสักที”
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเล็กสำหรับวางหนังสือที่ตั้งอยู่ด้านข้างโซฟาด้วยความหงุดหงิด หลังจากพยายามโทรศัพท์ไปหาธูปหลายครั้งแล้วปรากฏว่าเป็นสัญญาณสายซ้อนแต่เจ้าของเครื่องไม่ยอมสลับมารับสายเธอ
‘แล้วนี่เราต้องอยู่บ้านนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย พี่ธูปนะทำกันได้ ก็รู้อยู่ว่าเรากลับวันไหนแล้วยังจะหายตัวอีก’ หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง
เสียงดนตรีดังจากเครื่องโทรศัพท์เป็นสัญญาณว่ามีสายโทรเข้าทำให้เทียนแก้วรีบคว้ามาดูและยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าสายที่โทรเข้ามาเป็นชื่อของพี่ชาย
“พี่ธูป อยู่ที่ไหนน่ะแล้วทำไมให้เขาไปรับเทียนแทนพี่ เคขบอกว่าพี่ไม่อยู่ที่บ้าน ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ มันหมายความว่ายังไงกันแน่” หญิงสาวยิงคำถามใส่พี่ชายชุดใหญ่
“ใจเย็น ๆ หน่อยยายเทียน พอดีพี่มีงานด่วนน่ะ เลยให้โรมไปรับเทียนมาไว้ที่บ้านก่อน ไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ เทียนกับโรมก็ไม่ใช่ใครอื่น” ธูปอธิบายอย่างใจเย็น
“ทำไมจะไม่ใช่คะ เทียนกับเขาแยกกันอยู่มาตั้งสี่ปีแล้วนะคะ แล้วนี่เทียนก็ตัดสินใจแล้วว่าจะมาหย่าให้มันจบ ๆ เรื่องกันไปสักที”
“ไม่เอาน่าเทียน อย่าทำอะไรเป็นเด็กไม่รู้จักโตสิ” ธูปดุ
“เอ๊ะพี่ธูปนี่ เรื่องอะไรมาว่าเทียนอย่างนี้ล่ะ ที่กลับมาหย่าด้วยตัวเองก็ดีเท่าไหร่ เกรงใจว่าเค้าเป็นเพื่อนรักของพี่ธูปหรอกนะ ไม่งั้นคงให้ทนายยื่นฟ้องหย่าไปนานแล้ว ว่าแต่อีกกี่วันคะเนี่ยถึงจะกลับ ถ้าหลายวันเทียนจะได้ออกไปพักโรงแรม” เทียนแก้วประชด
“จะไปพักโรงแรมทำไม อันตราย เทียนอยู่กับโรมน่ะดีแล้ว เดี๋ยวพี่กลับแล้วค่อยคุยกัน”
“แต่….”
“ไม่มีแต่เทียน ห้ามออกจากไปพักนอกบ้านจนกว่าพี่จะกลับ เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม แล้วยังไม่ต้องไปพูดเรื่องหย่ากับโรมล่ะ ก็รู้ ๆ อยู่ว่านิสัยมันเป็นยังไง เดี๋ยวมันโมโหลืมตัวขึ้นมา เรื่องจะยิ่งบานปลายเข้าไปใหญ่ พี่ยังไม่อยากต่อยกับมันอีกรอบ” ธูปออกคำสั่งเสียงเด็ดขาด
“หมายความว่ายังไงคะ ต่อยกัน พี่ธูปต่อยกับคุณโรมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่คืนที่เกิดเรื่องนั่นล่ะ มันมาเมาอยู่ที่บ้าน แล้วก็สารภาพกับพี่ว่าทำอะไรลงไป พี่ก็เลยต่อยมันไปหลายทีอยู่”
“คืนนั้นเค้าไปอยู่กับพี่เหรอคะ เทียนคิดว่า เอ่อ .....” เทียนแก้วเสียงแผ่วลง เมื่อคิดได้ว่าเธอเข้าใจโรมผิด
“เทียนคิดว่ามันออกจากบ้านไปไหนเหรอ”
(เสียงจากปลายสาย) คุณธูปคะ ได้เวลาลงเรือแล้วนะคะ
“แค่นี้ก่อนนะเทียน พี่ต้องลงเรือแล้ว อย่าลืมนะ ห้ามออกไปพักที่อื่น แล้วก็ห้ามคุยเรื่องหย่ากับโรม” ธูปกำชับ
“พี่ธูปคะ เดี๋ยวค่ะ… อ้าว วางไปแล้ว เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจออกมา ก้มมองโทรศัพท์ในมืออย่างไม่เข้าใจกับความคิดของพี่ชาย
หลังจบการสนทนากับพี่ชาย เทียนแก้วก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ความจริงที่เพิ่งรับรู้ว่าพี่ชายเธอรู้สถานการณ์ระหว่างเธอกับโรมตั้งแต่คืนนั้นทำให้เธอเพิ่งนึกได้ว่าใน วันรุ่งขึ้นตอนที่เธอขนเสื้อผ้ากลับไปบ้าน พี่ชายไม่ถามอะไรเลย จนผ่านไปเกือบสัปดาห์เธอจึงกล้าเล่าให้ฟังและบอกว่าจะขอไปเรียนต่อที่อิตาลี พี่ชายเธอถึงไม่คัดค้านซักคำ กลับสนับสนุนอีกต่างหาก
