บทที่ 2 ชีวิตที่กำหนดเอง 2
“หรานเอ๋อร์ ทำอันใดอยู่รึ?”
“พี่สาม ข้าดูหน้าตัวเองในน้ำอยู่เจ้าค่ะ” เอ่ยตอบพี่ชายทว่าเริ่นหรานก็ยังส่องหน้าตัวเองอยู่อย่างนั้น พลางคิดไปว่าน้ำนี่ใสนัก มองเห็นหน้านางชัดแจ๋ว
“หน้าเจ้ามีอะไรติดอยู่รึ มาๆ พี่ดูให้” พูดจบก็เดินเข้าไปหาน้องสาว ก่อนจะจับใบหน้ากลมๆ หันซ้ายหันขวาไปมา “ก็ไม่มีอะไรติดหน้าเจ้านะ”
“มีสิเจ้าคะ” คนเป็นพี่ทำหน้างง ก็เขาดูละเอียดแล้วว่าใบหน้าน้องน้อยไม่มีอะไรติดอยู่ แล้วนางจะยังบอกว่ามีได้อย่างไร
“ไม่มี พี่ไม่เห็นมีอะไรติดหน้าเจ้า”
“ความงามอย่างไรเล่าเจ้าคะพี่สาม ความงามติดหน้าข้า” พูดจบร่างเล็กก็หัวเราะคิก ก่อนจะเห็นพี่ชายส่ายหน้าให้
“หรานเอ๋อร์ของพี่งดงามอยู่แล้ว ไปเถอะไปกินอะไรรองท้องเสีย เรายังต้องเดินเข้าไปในป่าลึกอีกหน่อย ท่านพ่อกับพี่ใหญ่บอกว่าละแวกนี้ไม่ค่อยมีสมุนอยู่แล้ว”
เพราะมีคนขึ้นเขามาเก็บสมุนไพรมากและถี่ขึ้น สมุนไพรในป่าชั้นนอกของภูเขาลูกนี้จึงร่อยหรอ มีไม่มากนัก อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรธรรมดาหาได้ห้าจินก็ได้เงินไม่ถึงห้าอีแปะ แต่หากอยากจะได้เงินเยอะๆ ก็ต้องเก็บสุมนไพรหายากให้ได้
หลังจากพักเอาแรงแล้วสี่ชีวิตก็เดินขึ้นเขาไปอีก ตลอดทางเริ่นหรานนั้นไม่ได้บ่นว่าเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว แต่กลับรู้สนุกในการวิ่งเก็บต้นนั้นต้นนี้มาให้บิดาและพี่ชายดู ว่ามันใช่สมุนไพรที่ขายได้บ้างหรือไม่ ทว่าต้นไม้ใบหญ้าส่วนใหญ่ที่นางเก็บมานั้นเป็นต้นหญ้าเสียมากกว่าสมุนไพร
และในขณะที่กำลังก้มๆ เงยๆ เด็ดต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่งอยู่ สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นวัตถุสีสำก้อนหนึ่งปรากฏอยู่ไม่ไกลจากจุดที่นางยืนอยู่นัก ด้วยความสงสัยหลีเริ่นหรานจึงใช้ขาสั้นป้อมของตัวเองก้าวเข้าไปดูด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ
นก?.....นกอินทรี!
เด็กน้อยเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น เมื่อวัตถุสีดำที่อยู่หน้าแท้จริงแล้วคือนกอินทรีดำตัวใหญ่ เกิดมากว่าสองชาติก็เพิ่งเคยเห็นนกอินทรีของจริงก็วันนี้ นอกจากจะตัวใหญ่แล้ว ขนสีดำของมันยังเลื่อมพราวระยับยามต้องแสงแดด มองดูแล้วคล้ายอัญมณีสีดำที่เคยเห็นในชาติก่อนไม่ผิด
แล้วเหตุใดพญานกตัวใหญ่ถึงได้มานอนหมดสง่าราศีอยู่ตรงนี้เล่า?
เพราะใจที่ไม่อาจยับยั้งความสงสัยได้อีกครั้ง นิ้วมือเล็กๆจึงได้ทับทาบไปตรงช่วงอกของพญานกตัวใหญ่ และเมื่อเห็นว่าก้อนเนื้อใต้ฝ่ามือตัวเองนั้นยังเต้นอยู่ ร่างเล็กจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดียิ่งที่เจ้านกใหญ่ตัวนี้ยังไม่ตาย แต่จะดีจริงหรือเพราะถ้ามันยังไม่ตายนางจะเอามันกลับบ้านได้อย่างไร?
ไหนๆ วันนี้ทั้งวันนางก็หาสมุนไพรได้เพียงหยิบมือ เมื่อมาเจอสัตว์ใหญ่เช่นนี้จึงถือว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่ง เพราะอย่างน้อยนางและครอบครัวก็จะได้มีเนื้อกิน แม้จะไม่ได้สมุนไพรไปขายแลกเงินก็ตาม
แต่ปัญหาก็ติดอยู่ตรงที่เจ้านกใหญ่ตัวนี้ยังไม่ตาย มันแค่หายใจรวยรินเท่านั้น หากว่าจะพามันกลับไปคงต้องมัดมันให้ดี หรือไม่ก็ต้องทำให้มันตายสนิทเสียก่อน
แต่นางไม่เคยฆ่าสัตว์มาก่อนเลยสักครั้ง ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้...
ขณะที่นางกำลังคิดไม่ตกกับร่างนกยักษ์ตรงหน้า สายตาก็มองไปเห็นไม้พุ่มเตี้ยใบมันวาวมีดอกสีเหลือง หลีเริ่นหรานจำได้ว่านางเคยเจอต้นไม้ชนิดนี้แล้วก่อนหน้าจะขึ้นมายังป่าชั้นนี้
หรือว่ามันจะเป็นสมุนไพรจริงๆ?
คิดได้ดังนั้นมือป้อมๆ ของนางจึงจัดการเด็ดต้นไม้ชนิดนั้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะใช้อีกมือจับขาของเจ้านกอินทรีดำตัวใหญ่ แล้วออกแรงลากมันไปหาท่านพ่อที่กำลังขุดหัวมันป่าอยู่
ครั้งนี้นางเดิมพันชีวิตนกอินทรีที่ลมหายใจรวยรินตัวนี้ด้วยพืชที่นางไม่รู้จัก หากว่ามันเป็นสมุนไพรที่ขายได้ ชีวิตของนกยักษ์ตัวนี้ก็รอด เพราะนางไม่ปรารถนาจะพรากชีวิตใคร และหากนางเลือกได้ นางก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวคนใด ลงมือสังหารสัตว์ใหญ่ตัวนี้
แต่หากว่าพืชต้นนี้เป็นเพียงต้นหญ้าไร้ค่า นางก็คงทำได้เพียงแผ่เมตตาให้มัน เพราะถ้าให้เลือกระหว่างปากท้องกับชีวิตอินทรีดำตัวนี้ นางต้องเลือกปากท้องของตัวเองและครอบครัวอยู่แล้ว
“ท่านพ่อ!” เสียงเล็กเอ่ยเรียกบิดาที่ตั้งหน้าตั้งตาขุดหัวมันป่าอยู่อย่างตั้งใจ
“หรานเอ๋อร์...เอ๊ะ! นั้นเจ้าลากตัวอะไรมา?” หลีหยุนรุดกายเข้ามาหาบุตรสาวอย่างไว เมื่อเห็นบุตรสาวลากสัตว์สีดำตัวหนึ่งมา
“นะ..นกเจ้าค่ะ” เริ่นหรานเอ่ยตอบพร้อมอาการเหนื่อยหอบ ร่างกายของนางนี้ยังเล็กนัก ทั้งยังเพิ่งฟื้นจากการนอนหลับใหลเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่นาน ทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อพลอยอ่อนแรงไปด้วย เห็นทีว่านางคงต้องออกกำลังกายมากขึ้นเสียแล้ว
“นกรึ?”