ตอนที่ 2 ไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งของตรัยคุณได้
ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างมองดูลูกสาวอย่างสงสารจับใจ
คุณหญิงมารีโอบกอดลูกสาวพร้อมลูบหัวปลอบโยนเธอเบาๆ
ผู้เป็นพ่อถอนหายใจออกมาแล้วนั่งลงข้างๆลูกสาว
ฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นตบหลังลูกสาวเบาๆแล้วเอ่ย
“ ชิชาลูกอย่าเสียใจแบบนี้เลยนะ เห็นลูกเป็นแบบนี้พ่อกับแม่เจ็บปวดใจมากเลยรู้มั้ย ”
ชิชาคุณหนูผู้ไร้เดียงสา แต่มีความชาญฉลาดไหวพริบดีและสง่างามมากความรู้
เพียงแต่เธออยู่กับคนในครอบครัวจนเคยชินกับการเป็นคุณหนู
ที่รอบตัวมีแต่สิ่งสวยงามโลกของเธอบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้เธอค่อนข้างไร้เดียงสา
โลกของเธอมีเพียงตรัยคุณที่เธอรักราวกับเป็นแก้วตาดวงใจ
มีคุณพ่อคุณแม่ที่เปรียบดังชีวิตและหัวใจของเธอ
เธอเป็นคนน่ารักที่ใครๆเห็นต่างก็รักและเอ็นดูชื่นชมอยู่เสมอ
เธอมองไปยังผู้เป็นพ่อปล่อยโฮร้องให้ออกมาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“ ฮือๆๆๆ คุณพ่อข๋าคุณแม่ข๋าพี่ไตร เขาไม่รักหนูแล้วพี่ไตรกำลังจะแต่งงานจริงๆใช่มั้ยคะ
จากนี้ไปโลกของพี่ไตร จะมีแค่ผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ยคะฮือๆๆ
พี่เขาทิ้งหนูแล้ว ความจริงหนูรู้นานแล้วว่าพี่เขาเปลี่ยนไป
เขาไม่ชอบคุยกับหนูไม่ชอบที่หนูโทรหาเขาแม้แต่ขนมวุ้นที่เขาเคยชอบ
พอหนูเอาไปให้เขา เขาก็ไม่รับของหนูแล้วฮือๆๆ "
เธอร้องห่มร้องให้สะอึกสะอื้นอยู่นานเป็นชั่วโมง
ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่ค่อยๆปลอบอย่างลำบากใจ จนเธอเผลอกลับไป
....ในตอนเช้า......
คุณหญิงมารีกับคุณผู้ชายจอร์น นั่งดูรายงานข่าวงานแต่งงานของตรัย
งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นตระกูลร่ำรวยผู้คนต่างแห่แสดงความยินดี
ผู้คนต่างรู้ว่าคุณหนูตระกูลจันทร์เสียใจอย่างหนัก
เมื่อพี่ชายสุดที่รักอย่างตรัยคุณกำลังจะแต่งงาน
“ คุณฉันว่าเราโทรบอกทางคุณท่านลู่หน่อยดีมั้ยคะ ว่าเราไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งของตรัยคุณได้ ”
คุณหญิงมารีขอความเห็นจากสามีอย่างจนปัญญาด้วยความเหนื่อยใจและลำบากใจสุดๆ
“ แต่ผมว่ามันจะไม่เหมาะนะ ยิ่งเราทำแบบนี้จะยิ่งเป็นข่าว
อีกอย่างตระกูลเรากับตระกูลคังก็มีสัมพันธ์อันดีมาตลอด
ถ้าไม่เข้าร่วมแสดงความยินดีเลยจะยิ่งทำให้ไม่สบายใจกันทั้งสองฝ่าย
คนอื่นจะยิ่งคิดและเอาไปพูดต่างๆนาๆ แล้วเขียนข่าวไปมั่วอีก ”
คุณผู้ชายจอร์นพูดขึ้น ในตอนนี้เขาคิดได้แค่นี้สมองเขามึนตื๊บ
เพราะคิดแต่เรื่องของลูกสาวและข่าวที่ถูกเขียนขึ้นมั่ว
“ สรุปว่าเราไม่ไป ไม่ได้ใช่มั้ยคะ ”
คุณหญิงมารีเอ่ยถามสามี คุณผู้ชายจอร์นพยักหน้ากุมมือภรรยาอย่างจนปัญญา
“ แล้วลูกละคะ คุณจะทำยังไง ถ้าเราไปแค่สองคนก็ยิ่งเป็นที่จับตามองของผู้คน
นักข่าวพวกนั้นอีก อะไรที่เป็นกระแสได้เรตติ้งดี
พวกเขาก็ยิ่งสนใจที่จะทำข่าวทั้งนั้น จะว่าเขาก็เห็นใจเพราะมันเป็นอาชีพของเขา ”
คุณหญิงมารีเอ่ยเสียงเรียบ คุณผู้ชายจอร์นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า
“ คุณอยากจะเอาลูกไปด้วยเหรอ ลูกเราจะไหวเหรอ สภาพจิตใจลูกย่ำแย่ขนาดนั้น ผมกลัวว่าลูกจะปล่อยโฮออกซะก่อนจะยิ่งทำให้ลูกขายหน้า ”
จากนั้นเขาก็พูดต่ออย่างลำบากใจ ใบหน้าดูครุ่นคิดกำลังคิดอย่างหนัก
“ อืม เอายังไงดีล่ะ หรือเราจะลองถามความเห็นของลูกอีกดีมั้ย "
“ ฉันตัดสินใจแล้วค่ะคุณ ฉันจะลองโทรคุยกับคุณท่านลู่ดู
จากนั้นเราก็ไปพักผ่อนกัน พาลูกไปเที่ยวต่างประเทศอย่างเงียบๆสักพัก
ให้เรื่องนี้ผ่านไปสักระยะค่อยกลับมาค่ะ ”
“ งั้นก็ตามใจคุณแล้วกันอะไรที่ดีต่อลูกที่สุดผมก็เห็นด้วยทั้งนั้น ครอบครัวสำคัญที่สุด ”
สองสามีภรรยามองหน้ากันและให้กำลังใจกันและกัน ช่างเป็นภาพที่ดูอบอุ่น
จากนั้นคุณหญิงมารีก็พูดขึ้นว่า
“ งั้นฉันขอไปโทรหาคุณท่านลู่ก่อนนะคะ ”
คุณผู้ชายจอร์นพยักหน้ายิ้มอบอุ่นมองภรรยาที่หยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกแนบไปที่ใบหู
เมื่อปลายสายรับสาย คุณผู้หญิงมารีก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมและอ่อนโยน
“ สวัสดีค่ะคุณท่านลู่ ฉันโทรมารบกวนคุณท่านลู่มั้ยคะ ไม่ทราบว่าคุณท่านลู่ยุ่งอยู่หรือเปล่า สะดวกคุยมั้ยคะ ”
ปลายสายเป็นเสียงชายชราน้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้นอย่างเป็นมิตรว่า
“ ว่างครับ คุยได้ๆ ว่าแต่คุณมารีมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ ”
“ เอ่อ...คือว่า งานแต่งของคุณตรัยคุณ พวกเราตระกูลจันทร์ อาจจะไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วยตนเองนะคะ ”
ได้ยินเพียงแค่นั้นชายชราปลายสายก็นิ่งเงียบไปและเขาก็รู้ว่าเพราะอะไร
แววตาของชายชราตอนนี้กลายเป็นดุดันเย็นยะเยือกไป
ทั่วทั้งห้องราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
เมื่อแขกคนสำคัญปลีกตัวออกไม่ขอเข้าร่วมงานแต่งของหลานชายเขา
สายตาเขาจ้องมองไปที่หลานชายอย่างเยือกเย็นด้วยความโกรธ
ตรัยคุณสวมใส่ชุดสูทสีเทาอ่อน ยืนอยู่ด้านหน้าของคุณท่านลู่
เขาก็พอจะเดาอะไรออกแล้ว แววตาลุ่มลึกนิ่งสงบของเขานั้นยากจะคาดเดาว่าคิดอะไรอยู่
จากนั้นคุณท่านลู่ก็เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี
“ ได้ครับ ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรฝากดูแลหนูชิชาดีๆด้วยแล้วกันนะ ”
ได้ยินดังนั้นคุณหญิงมารีก็ยิ้มขึ้นอย่างโล่งใจแล้วเอ่ย
“ ค่ะคุณท่านลู่มากนะคะที่เป็นห่วงชิชาแล้วก็ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ ”
คุณหญิงมารีและสามีมองหน้ากันใบหน้าคลายกังวลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่โล่งอกทันที
ทันใดนั้นเมื่อพวกเขาหันไปทางบันไดพวกเขาก็ตกใจไม่รู้ว่าลูกสาวลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่