บท
ตั้งค่า

๑.๑ ปัญหาหัวใจของเพื่อนรัก

ปัญหาหัวใจของเพื่อนรัก

เฮกเตอร์ อิวานโนวิช เจ้าพ่อกาสิโนโรยัลและสายการบินยักษ์ใหญ่บินตรงจากฟิลาเดลเฟียมายังซานฟรานซิสโกด้วยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว หลังได้รับโทรศัพท์จากซานเชสเพื่อนสนิทหนึ่งในสี่ซาตานพญาเหยี่ยวคล้ายดั่งว่ากำลังมีเรื่องเครียดอย่างหนัก

ทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบินของเมืองซานฟรานซิสโก บอดี้การ์ดต่างก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยจนกระทั่งเจ้านายขึ้นรถคันหรูที่จอดรอรับอยู่ เมื่อมาถึงหน้าผับหรูซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายเขาก็พบว่าเพื่อนสนิทอีกคนอย่างเหยี่ยวพีรีกรินก็ก้าวลงจากรถอีกคันในเวลาไล่เลี่ยกัน ร่างสูงสง่าของหนุ่มขี้เล่นที่แต่งกายด้วยชุดลำลองจึงเดินในท่วงท่าแบบสบายๆ เข้าไปทักทายแมธทิว ก่อนจะก้าวเข้าไปในผับแห่งนั้นพร้อมกัน

“ไงเพื่อน... มาถึงนานยัง”

มือใหญ่ของเฮกเตอร์และแมธทิวตบลงบนบ่ากว้างของคนที่นั่งอยู่ก่อนคนละข้างเป็นเชิงทักทาย ครั้นพอเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายท่ามกลางความมืดสลัวแล้วพบว่าเพื่อนรักกำลังไม่สบายใจอย่างรุนแรง จึงรีบสงบปากสงบคำที่อยากจะพูดเล่นลงทันทีเพราะพวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นซานเชสถึงขนาดต้องดื่มเหล้าแบบเพียวๆ อย่างนี้เลยสักครั้ง

คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ ซานเชสไม่ตอบในทันทีแต่กลับหันไปหยิบแก้วเหล้าใบเดิมที่เติมเอาไว้แบบออนเดอะร็อกขึ้นมาสาดลงคอรวดเดียวจนหมดอีกรอบ จากนั้นจึงค่อยตอบคำถามของพญาเหยี่ยวแดงหลังวางแก้วเปล่าลงได้ไม่นาน

“สักพักใหญ่แล้ว...”

คำตอบเนือยๆ นั้นเรียกเสียงถอนใจจากคนมาใหม่ทั้งสองได้เป็นอย่างดี เฮกเตอร์มองเสี้ยวหน้าคมเข้มของเพื่อนรักด้วยพอจะเข้าใจความรู้สึกเมื่อนึกถึงตอนที่อีกฝ่ายโทร.ไปหาเขา โดยหากไม่ติดว่าตัวเองกำลังทำกิจกรรมที่ขะมักเขม้นกับสาวๆ อยู่แล้วล่ะก็เขาคงได้ถามสารทุกข์สุกดิบของซานเชสไปบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เพื่อนเก็บเอาความไม่สบายใจทุกอย่างมาไว้กับตัวจนดูหนักหนาสาหัสขนาดนี้

“เป็นไรวะเชส เพลาๆ หน่อยสิ ซัดเอาๆ เดี๋ยวเหล้าในร้านก็ไม่มีขายให้คนอื่นกันพอดี”

แมธทิว เจ้าพ่อไอทีถามขึ้นมาบ้างหลังนั่งฟังการสนทนาอยู่พักใหญ่ ยิ่งสายตาเหลือบไปเห็นขวดเหล้าที่พร่องลงไปแล้วเกือบครึ่งก็เริ่มจะเข้าใจในตอนนั้น

“ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่อยากดื่มเฉยๆ” ซานเชสยกมือโบกไปมาเหนือศีรษะช้าๆ เป็นเชิงปฏิเสธ

“แต่หน้านายมันฟ้องว่ามีแน่ๆ แถมดูท่าจะเยอะอีกด้วย ว่าไงมีอะไรจะเล่าให้พวกฉันฟังมั้ย”

เฮกเตอร์ถามขึ้นอย่างรู้ทุกเรื่องดี พลางเสนอตัวเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าขัดต่อคำพูดตนเองโดยสิ้นเชิง

“ไม่มี ก็แค่อยากจะชวนพวกนายมาดื่มเท่านั้น อย่าซีเรียสไปหน่อยเลยน่า” น้ำเสียงคล้ายเหนื่อยหน่ายของซานเชสเอ่ยบอก พร้อมกับเอนกายทิ้งแผ่นหลังกว้างไปยังพนักเก้าอี้เต็มแรงแล้วถอนใจออกมายาวๆ ดังฟู่

“ขอบใจพวกนายที่มานะ” เหยี่ยวดำเสริมขึ้นมาอีกนิดเมื่อนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้บอกคำนี้กับเพื่อนรักทั้งสองแต่อย่างใด

“ไม่มาได้ไงวะ เจ้าพ่อบ่อน้ำมันรายใหญ่ของโลกที่ปกติงานรัดตัวแน่นจนหาเวลาเจอโคตรยากเอ่ยปากชวนซะขนาดนี้ ไม่มาก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว จริงมั้ย...” เฮกเตอร์พูดยิ้มๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาดูจะมีสาระกว่าวันไหนๆ ยามเจอหน้ากัน

“อืม! ยังไงก็ขอบใจนะเว้ย ว่าแต่อีธานล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ”

คนชวนถามต่อเมื่อเพื่อนรักอีกคนยังไม่โผล่หัวมาทั้งที่เขาโทร.ไปหามันก่อนใครๆ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นอีธานบอกว่าอยู่ที่เมืองไทย คงต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าคนอื่น

“ถึงแล้ว แต่สงสัยจะติดภารกิจรัดตัวอยู่ พอดีฉันโทร.ไปหาเมื่อกี้เหมือนจะยุ่งๆ แถมสัญญาณไม่ค่อยดีอีก เสียงซี้ดซ้าดดังแทรกตลอดเลยว่ะ” แมธทิวตอบขำๆ หวังจะเปลี่ยนบรรยากาศให้เฮฮา หากแต่เหมือนใครบางคนยังทำตัวอมทุกข์เช่นเคย “นายซัดไปกี่ขวดแล้วล่ะ”

“จะสองขวดแล้วเพื่อน” น้ำเสียงไม่แยแสตอบโจทย์คนถามทันที ซึ่งทำให้เฮกเตอร์และแมธทิวเข้าใจว่าทำไมซานเชสถึงได้มีอาการคล้ายกับคนกำลังเมาเช่นนี้

“บ้าหรือเปล่าวะ!” เฮกเตอร์ร้องอุทานออกมาพร้อมๆ กับแมธทิวด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยเห็นซานเชสดื่มรวดเดียวติดต่อกันมากถึงขนาดนี้ สรุปแล้วเรื่องหวานใจของมันที่ชื่อว่า ‘ธัญญ่า’ คงจะร้ายแรงกว่าที่พวกเขาคิดไว้แน่ๆ

“พวกนายจะตะโกนเสียงดังเอาโล่หรือไงฮะ!” ซานเชสตะคอกเสียงหงุดหงิด ก่อนจะหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยกลัวว่าแขกโต๊ะอื่นจะหันมาดู ซึ่งมันก็เป็นเพียงแค่การคาดการณ์ของเขาเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงทุกคนในประเทศนี้ต่างรู้ดีว่ากลุ่มของพวกเขาคือใคร?

“ก็คนมันตกใจนี่หว่า” เสียงผู้นำด้านระบบรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์อันดับหนึ่งของโลกเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันก็แค่บอกว่านี่ขวดที่สองเท่านั้น พวกนายก็ทำเสียงตกใจไปได้ ทำอย่างกับว่าเมียคลอดลูกชายอย่างงั้นแหละ”

หนุ่มลูกครึ่งอาหรับบอกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ดังเก่า ก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าหมายจะคว้าแก้วน้ำสีอำพันมาเทใส่ปากอีกรอบ แต่ทว่ามือใหญ่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่าเมื่อภาชนะชิ้นนั้นถูกเฮกเตอร์เลื่อนหนีไปอีกทางพร้อมกับส่งเสียงเตือนแข็งๆ กลับมา

“ฉันยังไม่มีเมียโว้ย!” พญาเหยี่ยวแดงสวนกลับทันที

“เออฉันรู้... แล้วนายล่ะแมธ นั่งเงียบเชียวนะ หรือว่ามีเมียแล้ววะ” ซานเชสกระทุ้งถามเข้าไปอีกรอบ แต่อีกฝ่ายยังยึกยักไม่ยอมพูด ซานเชสจึงโบ้ยไปดื่มน้ำเมานั้นแทน

“พอก่อนเถอะว่ะซานเชส เดี๋ยวก็เมากันพอดี” เฮกเตอร์ห้ามปราม ในขณะดันขวดเหล้ารวมทั้งแก้วที่วางตรงหน้าผู้กุมบังเหียนธุรกิจน้ำมันรายใหญ่ของโลกออกไปไกลๆ ด้วยความเป็นห่วง แต่กระนั้นก็ยังโดนคนเป็นเจ้าของโวยวายออกมาอยู่ดี

“เฮ้ย! นายทำบ้าอะไรของนายวะเฮกเตอร์!”

“ร้อยวันพันปีนายเคยกินเกินขวดเสียที่ไหน ยิ่งออนเดอะร็อกแบบนี้ไม่ต้องพูดถึง แล้วนี่ยังไง? ตกลงนายโดนคุณธัญญ่าหักอกหรือว่าตัวเองไปก่อปัญหาอะไรไว้กับเธออีกล่ะ” เจ้าพ่อกาสิโนเปรยออกมาราวกับมานั่งอยู่กลางใจของเพื่อนรัก ซึ่งน้ำเสียงที่ใช้ก็ลดลงกว่าครึ่งหลังโดนอีกฝ่ายติติงเมื่อครู่ ซานเชสตวัดตาคมขึ้นมามองคนพูดทันควัน คาดไม่ถึงว่าเฮกเตอร์จะเดาความคิดเขาได้ถูกเผงตรงเป้าขนาดนี้

“มองหน้าแบบนี้ แสดงว่าฉันพูดถูกใช่มั้ยล่ะ?” พญาเหยี่ยวแดงสวนออกมาพร้อมกับยิ้มกว้างขณะรอคำตอบ เขาอยากจะถามต่อว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้คนตรงหน้าเรียกเพื่อนๆ ให้มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ แต่ก่อนที่จะได้ถามไถ่ไปมากกว่านั้น ร่างสูงตระหง่านของเหยี่ยวภูเขามาดขรึมก็ปรากฏตัวขึ้นตรงประตูทางเข้าผับ ส่งผลให้เฮกเตอร์ซึ่งนั่งหันหน้าอยู่ฝั่งนั้นเห็นเข้าพอดีจึงโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ตายยากฉิบเป๋ง พูดถึงเมื่อครู่ก็โผล่หัวมาแล้ว”

“ใคร?” แมธทิวที่นั่งหันหลังให้เป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“จะมีใคร…” ซานเชสเปรยเสียงสูง ใบหน้าเขาตอนนี้หาได้สนใจหรือหันไปมองทางคนมาใหม่เลยสักนิด หากแต่ชายหนุ่มกลับจ้องนิ่งไปยังขวดเหล้าของตัวเองเพียงอย่างเดียว

“รอนานมั้ยวะ” หนุ่มหล่อว่าที่ซีอีโอค่ายยนตรกรรมยักษ์ใหญ่เอ่ยทักขึ้นทันทีหลังก้าวเข้าไปที่โต๊ะวีไอพี จากนั้นก็หย่อนตัวลงนั่งโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครเชื้อเชิญ อีธานมองหน้าเพื่อนรักจากซ้ายไปขวาทีละคน แล้วก็ต้องสะดุดกับใบหน้าเครียดเขม็งของหนุ่มผิวสีแทนที่ดูจะต่างอารมณ์ไปจากคนอื่นๆ ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มจับจ้องพิจารณาอยู่อย่างนั้นเป็นนานสองนาน ก่อนจะหันไปชำเลืองเห็นสายตาของเพื่อนอีกสองคนซึ่งกำลังจับจ้องมายังตนด้วยสายตาแปลกๆ

เหยี่ยวพีรีกรินและเหยี่ยวแดงมองใบหน้าคมสันของหนุ่มรักสงบอย่างจับผิด ทั้งคู่อยากรู้ว่าเพราะอะไรอีธานถึงได้มาช้ากว่าคนอื่นๆ ทั้งที่ตอนโทร.ถามกัน มันบอกว่ามาถึงสักพักแล้ว

“หน้าฉันเหมือนคู่ขาคนไหนของนายเรอะ มองอยู่ได้” เหยี่ยวภูเขาถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เปล๊า/เปล่านี่” ทั้งเฮกเตอร์และแมธทิวต่างปฏิเสธเสียงสูงพร้อมกับส่ายหน้าดิก ส่วนคนถูกมองได้แต่ถอนหายใจระอาอย่างไม่อยากจะเชื่อ...

“จริงเหรอ?” อีธานหรี่ตาลงแคบๆ เป็นเชิงจับพิรุธ

“จริงสิวะ!” สองหนุ่มตอบแข็งขัน

“อย่ามาโกหก” อีธานใช้น้ำเสียงและสายตาคมๆ ของตัวเองเข้าจิกเพื่อนรักทั้งสอง “ฉันรู้หรอกว่าพวกนายกำลังนินทาฉันอยู่”

“โหย!…นายโคตรเก่งเลยว่ะอีธาน” เฮกเตอร์เอ่ยปากชมเพื่อนรักด้วยท่าทีคล้ายชื่นชมนักหนา ทว่าแววตากลับไหวระริกด้วยประกายขบขัน

“เก่งบ้านนายน่ะสิ นี่เฮกเตอร์ แมธ นายสองคนอย่าเพิ่งมากวนประสาทฉันได้มั้ย ดูนั่น! ซานเชสมันเป็นอะไรของมัน จู่ๆ ก็ลุกออกไปนั่งตรงนั้นคนเดียว สนใจกันบ้างสิวะ เรามาหามันนะโว้ย” อีธานเอ่ยปราม เฮกเตอร์จึงมองตามก็พบว่าบัดนี้ซานเชสลุกหนีไปนั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เสียแล้ว ทว่าไปตอนไหนนั้นเขาก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ปะทะคารมกับอีธานอยู่นั่นเอง

“เฮ้ย! ไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” แมธทิวอุทานด้วยความตกใจ พร้อมกับผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาวๆ ไปลากตัวเพื่อนรักกลับมานั่งที่เดิมทันที โดยไม่ลืมสั่งบริกรให้เอาเครื่องดื่มกลับมาด้วย

“แกนี่ เห็นเหล้าสำคัญกว่าเพื่อนเหรอเนี่ย” อีธานต่อว่าซานเชสอย่างไม่จริงจัง

“ก็ตอนนี้มันน่าสนใจกว่าเรื่องที่พวกนายจ้องจะกัดกันตลอดเวลานี่หว่า” น้ำเสียงติดเซ็งๆ ของคนที่มารอเป็นคนแรกทำเอาคนเพิ่งมาถึงกับนึกฉุนในความหมาย

“เพื่อนนะโว้ย ไม่ใช่หมา” อีธานสวนกลับด้วยสำเนียงหยอกล้อ หวังจะล่อให้เพื่อนอารมณ์ดีขึ้น แต่ที่ไหนได้ คนอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งเสียงขุ่นหนักกว่าเดิม

“ไม่ใช่แต่ก็เกือบล่ะวะ”

“พอได้แล้วน่าซานเชส นายก็ด้วยอีธาน ซานเชสมันคงเฮิร์ตจริงๆ ล่ะวะ อย่ากวนโอ๊ยมันเลย” แมธทิวรีบห้ามปรามและดูเหมือนทั้งคู่จะยอมยุติการทุ่มเถียงกันเพียงแค่นั้น

“เรื่องทั้งหมดเพราะนายสองคนมองหน้าหาเรื่องฉันก่อน ไม่เกี่ยวกับซานเชสมันสักหน่อย” อีธานเอ่ยตบท้ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“เฮ้ย! อย่าพาลสิวะอีธาน” เฮกเตอร์รีบแย้งเมื่ออีธานพาดพิง นี่ขนาดอุตส่าห์นั่งเงียบๆ มาตั้งนานก็ยังมิวายถูกอารมณ์แข็งๆ ของเจ้าเหยี่ยวภูเขาขว้างใส่เข้าจนได้ วันนี้มันทำตัวราวกับว่าอารมณ์ค้างมาจากสาวไหนหรือไม่ก็อยากกลับไปนอนกกสาวยังไงยังงั้น โอ๊ะ! ชักน่าสน

“รึไม่จริง นายสองคนจ้องจับผิดที่ฉันมาช้า” อีธานเอ่ยออกไปเพราะอารมณ์ชักนำ

“ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” เฮกเตอร์เลิกคิ้วย้อนถามด้วยสีหน้ากวนโมโห

“จริงไม่จริง ฉันจำเป็นต้องรายงานนายมั้ยวะเฮกเตอร์”

“ฉันถามดีๆ นะโว้ย”

“แล้วฉันตอบไม่ดีตรงไหนล่ะ” ว่าที่ซีอีโอหนุ่มหล่อไฟแรงสวนกลับทันควัน

“ไอ้อีธาน!”

“พอได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ!... ตกลงที่ฉันเรียกพวกนายมาเนี่ย เพื่อที่จะให้มานั่งทะเลาะกันให้ฉันฟังใช่ไหม? ถ้าใช่ พวกนายทั้งหมดกลับไปเถอะฉันขออยู่คนเดียว คนยิ่งเครียดๆ อยู่ก็หาเรื่องมาให้ปวดหัวอยู่ได้ น่ารำคาญ!” นัยน์ตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับสีผมที่จัดทรงมาอย่างดีมองทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างถ้วนทั่ว

“ฉันก็เหมือนกัน” อีธานโพล่งออกมาบ้าง พร้อมกับทิ้งแผ่นหลังพิงพนักกอดอกอย่างสุดเซ็ง

“ไม่เอาน่าอีธาน พวกฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่านายแอบพกสาวมาด้วยหรือเปล่า เห็นมาช้าผิดปกติก็แค่นั้น อย่าคิดมากสิวะเพื่อน” แมธทิวกล่าวอย่างนกรู้เพราะเขาก็อยู่ในอารมณ์เดียวกับอีธานนั่นแหละ

“โทษทีว่ะ ฉันแค่เหนื่อยกับการเดินทางนิดหน่อย” อีธานตัดบทด้วยเสียงที่แผ่วลงผิดหู ไม่อยากจะเอาอารมณ์มาสร้างปัญหาเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเพื่อน เช่นเดียวกับเฮกเตอร์ที่ใจเย็นลงมากกว่าครึ่งเมื่อหันไปเห็นสีหน้าเจ้าของบ่อน้ำมันมีอาการเครียดลงกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel