บท
ตั้งค่า

เริ่มเกิดใหม่ครั้งที่ 6 แต้มความดี

เริ่มเกิดใหม่ครั้งที่ 6

แต้มความดี

"ระยะหลังองค์หญิงไม่ค่อยไปงานสังสรรค์เท่าไหร่ ช่วงนี้เธอก็ลองอ่านประวัติขององค์หญิงดู" มือหนายกหนังสือเล่มหนาที่หน้าปกเขียนว่าประวัติราชวงศ์มาให้

ลอเรนท์ตาลีตาเหลือก เธอต้องอ่านไอ้หนังสือเล่มหนาๆนั่นจริงเหรอ ทั้งนี้ที่เธออ่านภาษามนุษย์ได้ ทุกอย่างต้องยกความดีให้เจ้าระบบที่มายืนส่องแสงประหลาดๆใส่หน้าหนังสือจนมันกลายเป็นตัวหนังสือที่เธอคุ้นเคยมาทั้งชีวิตแทน

"...ค่ะ" รับคำเสียงหงอย ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้กลางสวน เอเดนบอกเธอว่าองค์หญิงขอแยกตัวไปพำนักอยู่ที่คฤหาสน์แทนที่จะเป็นพระราชวังแบบองค์หญิงคนอื่น มิน่าล่ะเอเดนถึงไม่ตกใจหรือตื่นตระหนกในตอนที่รู้ว่าเธอความจำเสื่อม เพราะยังไงไลฟ์สไตล์ของเธอตอนนี้มันก็ไม่ได้พบปะกับใครอยู่แล้ว

"ผมยังมีธุระต้องเข้าพระราชวัง องค์หญิงก็อยู่ที่นี่ไปก่อน" เอเดนลุกขึ้นยืน "ถึงที่นี่จะมีนางข้าหลวงไม่เยอะ แต่องค์หญิงจะได้รับความสะดวกสบายแน่นอน" เอเดนไม่ได้บอกว่าที่มันน้อยลงเพราะเข้าไล่ออกไปแล้วบางส่วน

"ค่ะ" พอเห็นเธอพยักหน้ารับ เขาก็หันกายเดินจากไปทันที เอาเถอะ ยังไงซะเธอก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่ทำอะไรไมเป็นขนาดนั้น ไม่มีใครเลยก็ดี เธอกลัวโป๊ะแตก

[โฮสต์]

"หืม" ลอเรนท์ครางรับ ขณะที่เปิดหนังสือหนาออกช้า ๆ แค่เห็นชื่อราชวงศ์ที่ยาวเหยียดกว่าสามบรรทัด เธอก็ปิดลงแล้วหยิบขนมมากินแทนแล้ว ไม่มีสิทธิของคนป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมกว่านี้หรือไงกัน

[ถ้าโฮสต์สามารถหาวิธี 'ตอบแทน' ผู้ให้ความช่วยเหลือได้ ระบบจะทำเป็นหลับหูหลับตาให้แต้มความดีกับโฮสต์ก็ได้นะ อ้อ แล้วถ้าความดีนั้นโฮสต์ไม่เคยทำมาก่อน ระบบจะสุ่มสกิลให้]

"แบบนั้นมันโกงไม่ใช่เหรอ!"อะไรคือหลับหูหลับตาให้แต้ม แถมยังมีหน้ามาใบ้เธออีก!

[หากรอให้โฮสต์คิดทำอะไรสักอย่าง ต่อให้โลกจะแตกร้อยปีข้างหน้า โฮสต์กับระบบก็น่าจะตายอยู่ที่นี่นั่นแหละ!]

"ง่ะ" ลอเรนท์มู่ปาก ก็จริงของเจ้าระบบ เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถขี้เกียจได้แม้แต่วินาทีเดียว เธอจะไม่ลังเลเลยล่ะนะ แต่ใหเทำความดีกับให้ความช่วยเหลือเหรอ ในหัวตอนนี้ก็มีแค่เอเดนแหละนะ จริง ๆอีกฝ่ายก็ใจดีเหมือนกันนะ รสหวานๆของขนมนั่นยังติดที่ปากเธออยู่เลย แต่เธอจะทำอะไรล่ะ

[สิ่งที่โฮสต์ทำ ระบบจะคิดตามความยิ่งใหญ่ของการตอบแทนนะ]

"เอ่อ งั้นยกคฤหาสน์นี้ให้เลยเป็นไง"

[ยกให้เขาก็ไม่รับ แถมยังสร้างความลำบากใจให้อีก ตอนนั้นระบบคงได้แต่หักลมแต้มมากกว่า...]

"แหะๆ" ลอเรนท์หัวเราะแห้งๆ จริง ๆเธอก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรขนาดนั้น พิเศษกว่าชาวบ้านก็แค่สกิลกิ๊กก๊อกของเจ้าระบบเท่านั้น เดี๋ยวนะ...สกิลของเจ้าระบบมัน

'...ทำอาหาร'

'...ชงชา'

'...อบขนม'

สกิลสาวใช้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า!

"ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ" ลอเรนท์โน้มตัวลงนอนกับโต๊ะหินอ่อนที่ให้ความรู้สึกเย็นๆ มือก็หยิบขนมเข้าปากด้วยท่าทางเกียจคร้าน "อ๊ะ!"

จริงสิ!

"พลาด?"

"...ครับ"

"ช่างเถอะ" ชายหนุ่มในเงามืดพูดเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ แต่บรรยากาศที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายนี้กลับทำให้ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังคุกเข่าอยู่มีสีหน้าที่ซีดเผือก แม้ริมฝีปากจะขบเม้มเเน่นก็ตาม

"ขออภัยด้วยครับ"

"ผู้หญิง...เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายยากเสียจริง" แม้ปากจะบอกไม่ใส่ใจ แต่แก้วไวน์ทรงสวยก็แตกเพล้งลงคามือ เลือดสีแดงไหลย้อมออกมาตามซอกนิ้ว แต่ผู้เป็นเจ้าของมือกลับยกขึ้นมาลิ้มรสอย่างไม่ใส่ใจความเจ็บปวด "จับตาดูเอาไว้"

"ครับ"

"และหาทางฆ่า...เมื่อมีโอกาส"

"...ครับ"

เอเดนเดินเข้ามายังคฤหาสน์ส่วนตัวขององค์หญิงด้วยสีหน้านิ่งสนิทเช่นทุกวัน เขาอยู่กับองค์หญิงมาหลายปีแต่กลับไม่เคยล่วงรู้ถึงความคิดของผู้หญิงคนนี้แม้แต่น้อย อาจจะเพราะความเคียดแค้นชิงชังอีกฝ่ายที่เก็บซ่อนเอาไว้ลึกๆ ทำให้เขาไม่คิดสนใจองค์หญิงที่ดีแต่วางอำนาจแบบนี้

คฤหาสน์หลังนี้แทบจะตั้งอยู่ชานเมืองห่างไกลจากชานเมือง หากจะเข้าพระราชวังต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการเดินทาง โชคดีที่ตรงชานเมืองมีตลาดสินค้าที่คึกคักอยู่ (ตรงแถวประตูเมืองที่ผ่านมา) ทำให้การกินอยู่ไม่ลำบากเท่าไหร่ การตัดสินใจมาอาศัยคนเดียวขององค์หญิง เป็นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงที่สุด นั่นเป็นครั้งแรกของเขาล่ะมั้งที่สบกับดวงตาสีเทาหม่นที่เขาไม่เคยมอง และเขาเพิ่งรู้เช่นกัน ว่าองค์หญิงที่หยิ่งยโส เก่งแต่เรื่องวางอำนาจ มีดวงตาที่งดงามและแฝงความเศร้าสร้อยชนิดที่ไม่สามารถหลบซ่อนได้

ผู้หญิงคนนี้เก็บซ่อนอะไรเอาไว้กันแน่...

"ตาเถร!" ขณะกำลังเดินตัดผ่านสวนเพื่อไปหา 'องค์หญิง' เขาก็ต้องชะงักกึกเมื่อพบกับคนที่กำลังจะไปหา แม้สภาพท่าทางจะดูไม่ได้แม้แต่น้อย

เรือนร่างอวบอิ่มที่มักจะใส่แต่อาภรณ์เลิศหรู ตอนนี้อยู่ในชุดกระโปรงบานๆที่น่าจะหยิบยืมมาจากพวกสาวรับใช้ ทั้งผมยังถูกมัดด้วยเชือกแบบง่ายๆ ดวงหน้าไร้สีสันจากการแต่งเติม ทั้งยังดูเละเทะแบบแปลกๆ อาจจะเพราะสีอะไรไม่รู้ที่ป้ายหน้านั่นไปทั่วก็ได้

"องค์หญิง?" เขาเลิกคิ้วมองอย่างงุนงง คนเป็นองค์หญิงที่กำลังถือผ้าเตรียมปูโต๊ะตาเบิกค้างก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาดังลั่น

"เมด A! เมด B! จับเจ้านี่ไปขังไว้ในห้องซ้าาา!!!!!"

"รับทราบ!!!"

ยังไม่ทันรู้ตัวสองแขนก็ถูกหิ้วโดยสาวใช้ตัวเล็กที่พลังเหลือล้นอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่รู้เพราะอารามตกใจหรือเพราะอะไรเขาจึงไม่ขัดขืนอะไร รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในห้องนอนของตัวเองโดยมีคุณเมดสองคนที่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับแกะยืนจังก้าหน้าประตู

"ท่านเอเดนจะออกจากห้องไม่ได้!"

"จนกว่าจะมีรับสั่งขององค์หญิง!"

พอพูดจบก็ปิดประตูสะบัดบ๊อบจากไปในทันที ส่วนชายหนุ่มที่ถูกขังไว้ในห้องยังคงยืนนิ่งค้างเกือบสิบนาที

อะไรวะ?

[โฮสต์...]

"ฉันรู้ ฉันรู้!" ลอเรนท์เบะปากอย่างหงุดหงิด เมื่อแผนที่คิดไว้ล้มไม่เป็นท่า กะจะปูพรมแดงโรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นการนำทางมาทางสวนที่เธอจะจัดงานเลี้ยงสักหน่อย อุตส่าห์คิดธีมเป็น 'The Best Flower' อะไรแบบนั้น แม้จะโดนเจ้าระบบมองอย่างดูถูก แต่ยังไงเธอก็คิดว่าเซ้นส์ของเธอดีกว่าคนคิดชื่อเกมเฮงซวยนี่แน่นอน

อุตส่าห์ขู่บังคับเมด A เมด B ให้ยืมชุดมาใส่กันเปื้อนสักหน่อย แถมยังต้องตบตีกับบรรดาแม่ครัวที่เอาแต่ห้ามนู่นห้ามนี่อีก กว่าจะทำอาหารเสร็จแต่ละอย่างมันไม่ง่ายนะยะ และเพราะไม่เคยทำครัวจริงจัง พอมาทำ (โดยมีสกิลช่วย) เธอเลยคิดว่ามันสนุกดี ไอ้แป้งยุ่ยๆที่พอเข้าเตาอบแล้วออกมาเป็นก้อนเนี่ย พอเห็นแล้วรู้สึกมีความสุขมาก รู้ตัวอีกทีก็เผลอทำเค้กมาสิบชั้น กว่าจะตกแต่งหน้าเค้ก กว่าจะทำอะไร เธอก็ดันลืมออกคำสั่งให้คนจัดสถานที่

ผลคือต้องมานั่งปูโต๊ะเอง วางข้าวของเอง! ดีที่บรรดาคุณเมดที่เหลือไม่กี่สิบชีวิตอาสามากวาดใบไม้ ยกโต๊ะ ยกเก้าอี้มาให้

แล้วทำไมไอ้บ้านั่นถึงมาก่อนเล่า!

พัง! พังจ้า!

[ถึงโฮสต์จะทำภารกิจสำเร็จ แต่ค่าความประทับใจคงไม่มีแล้วมั้ง...]

"ระบบขี้งกแต้มอย่างนายถึงจะได้เลิศเรอจริง ๆ ก็คงให้แต้มแค่ 1 นั่นแหละ"

[ก็จริง]

"เฮ้อ พอมาทำแบบนายบอกทุกครั้งที่ทำความดีเนี่ยก็รู้สึกแปลกๆนะ ฉันรู้สึกว่ามันได้น้อยและทำยากมาก ทำไมโลกก่อนฉันถึงทำได้ตั้งเก้าพันกว่าล่ะ" ลอเรนท์บ่นออกมา เมื่อสวนไร้คนเพราะเธอไล่ออกไปหมด การจัดงานเลี้ยงหากทำด้วยตัวเองเธอรู้สึกสนุกกว่าล่ะนะ (แน่นอนว่าไม่มีพรมแดงโรยกลีบกุหลาบแล้ว!)

[อยู่ที่ผลลัพธ์]

"ผลลัพธ์?"

[ที่โฮสต์ได้ความดีทุกวันนี้ส่วนหนึ่งมาจาก 'ความรับผิดชอบต่อหน้าที่' ของโฮสต์ ทั้งการทำความสะอาด ทำอาหาร การดูแลพวกนายท่าน มาจากการที่โฮสต์เป็นสาวใช้ เมื่อโฮสต์ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่จนประสบความสำเร็จ แต้มที่ระบบให้จึงเป็นผลพลอยได้เท่านั้น]

"อ้อ"

[ในทางกลับกัน โลกก่อนโฮสต์ไม่มีหน้าที่เหล่านี้ แต่ก็เลือกที่จะทำมันทั้งกวาดหิมะบนถนนสาธารณะ เก็บขยะหรือแม้แต่ปีนต้นไม้ไปช่วยแมว สิ่งเหล่านี้มาจาก 'จิตสำนึก' แต้มความดีจึงสูงมาก]

ลอเรนท์ฟังไปขณะวางอาหารบนโต๊ะไป จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่นี่ชีวิตเธอก็ถูกตีกรอบมาก อาศัยอยู่แค่ในคฤหาสน์กับวังวนอยู่แต่กับพวกนายท่าน อย่างที่ระบบบอกว่าทุกอย่างที่เธอทำไปมาจาก 'หน้าที่' ของเธอเท่านั้น ส่วนตัวเธอเป็นคนมีความรับผิดชอบด้วย ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกว่าเธอทำเต็มที่แล้ว แต่เเต้มความดีที่ได้รับยังน้อยเกินไปกับการทุ่มเทของเธอ

[อีกอย่างความดีบางครั้งก็แสดงผลในรูปแบบของลูกโซ่]

"ลูกโซ่เหรอ?"

[จะยกตัวอย่างความดีที่โฮสต์เคยทำในโลกเก่าให้ฟัง คนโง่ๆแบบโฮสต์จะได้เข้าใจ]

"เดี๋ยวๆ" ทำไมต้องแซะเล่า!

[ครั้งหนึ่งที่โฮสต์ตกงานและอยากประชดชีวิต กระเป๋าเงินทั้งใบของโฮสต์ที่มีเงินก้อนสุดท้าย โฮสต์เลือกที่จะให้ขอทานคนหนึ่ง...]

"อ้อ" ตอนนั้นเธอหงุดหงิดจริง อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาวุ่นกับเอกสารทั้งวันทั้งคืนเพื่อหาเงินค่าเทอม ตอนนั้นเธอทำงานแปลกับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่เพราะทำหลายงานเกินไปทำให้นาน ๆทีจะแปลหนังสือสักเรื่อง แล้วพอทำเสร็จกลับพบว่างานของเธอถูกเพื่อนเอาไปใช้ เธอที่ไม่มีผลงานมานานจึงถูกไล่ออก ด้วยความโกรธแค้นที่หาที่ลงไม่ได้ จึงเอาเงินชดเชยที่บริษัทบ้านั่นให้มาให้ขอทานไปซะเลย เธอจะเริ่มต้นใหม่ ไม่ง้อไอ้บริษัทบ้าบอนี่แล้ว!

สรุปคือเธอต้องไปรับจ้างขนปูนวันต่อวัน และกับอาหารหนึ่งมื้อ

หลังจากนั้นเธอจึงไม่คิดทำอะไรโดยใช้อารมณ์อีกเลย...

[ขอทานคนนั้นนำเงินของโฮสต์ไปรักษาแม่ที่ป่วยอยู่ นั่นจึงเป็นลูกโซ่ความดีของโฮสต์ครั้งแรก แล้วเมื่อแม่หายป่วย แม่ก็กลับมารับจ้างทำอาหารต่อ และเพราะเป็นคนมีเมตตาจึงชอบทำอาหารเลี้ยงคนจรจัดบ่อย ๆ โฮสต์ที่มีความดีช่วยให้ผู้หญิงคนนี้หายป่วย โฮสต์จึงได้รับอานิสงค์ความดีนี้ไปด้วย แม้จะไม่มาก แต่เมื่อมันสะสมเรื่อย ๆก็ถือว่ามากพอดู]

จะบอกว่าความดีของเธอมาจากการที่คนที่เธอช่วยไปทำดีเพิ่มสินะ

"ฉัน...พอเข้าใจแล้ว" อยากจะตบหัวตัวเองที่คิดจะทำความสะอาดไปจนตายจริง ๆ "เปิดโรงทานดีไหม"

[ก็ดีนะ แต่โฮสต์ควรมีความรู้และศึกษาทุกอย่างมากกว่านี้"

รู้แล้วว่าแอบด่าว่าโง่น่ะ... ลอเรนท์เบะปาก พอจัดอาหารเรียบร้อย ก็คิดจะไปเรียกคนที่ตั้งใจ 'ขอบคุณ' มา ถึงแม้จะแป้กไปแล้วก็เถอะ แต่อาหารของเธอก็ต้องมีคนรับผิดชอบสิ

"แว้ก!" พอหันไปกลับพบกับแผ่นอกที่วับ ๆแวม ๆจากการที่กิโมโนเลื่อนเปิดออก ลอเรนท์สะดุ้งเกือบหงายหลังใส่อาหารด้านหลัง ดีที่มือหนาของอีกฝ่ายโอบเอวเธอเอาไว้อย่างมั่นคง "อ่ะ...เอเดน"

"..." ดวงตาสีอำพันที่ทอดมองมานั้นชวนให้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ หมอนี่แค่สายตาก็ฆ่าคนได้เลยสินะ!

"กำลังจะไปตามเลย" ลอเรนท์พยุงตัวให้ยืนอย่างมั่นคงตามเดิม นอกจากสายตาฆ่าคนยังชอบผลุบๆโผล่ๆเหมือนผีอีก!

"ตาม?"

"เอ่อ ฉัน...ฉันกะจะเลี้ยงขอบคุณนายน่ะ"

"ขอบคุณ?"

"ใช่ๆ นายอุตส่าห์ช่วยฉันตั้งหลายครั้งนี่" ลอเรนท์ยิ้มแห้ง แม้ในหัวจะบอกว่านี่คือการหวังผลต่างหากก็ตาม "แต่นายดันกลับมาก่อน มันแป้กรู้ไหม!"

ประโยคท้ายแอบจิกกัดนิดหน่อยอย่างหงุดหงิด

"ครับ" เหมือนอีกฝ่ายไม่รู้จะตอบอะไรจึงตอบรับมาสั้นๆ

"มาๆ นั่งๆ" ลอเรนท์เปลี่ยนอารมณ์ก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายให้นั่งลงตรงเก้าอี้ที่เธอจัดไว้ "เดี๋ยวไปตามคุณเมดแปบ"

เอเดนที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ได้แต่มองไล่หลังเล็ก ๆที่วิ่งไปตะโกนโหวกเหวกข้างในคฤหาสน์ ก่อนจะเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มแป้นพร้อมบรรดาเหล่าข้ารับใช้ที่เดินตามหลังมา บ้างก็ยิ้มแย้ม บ้างก็ระแวดระวังกับท่าทีขององค์หญิง

แต่ถึงอย่างนั้นพอองค์หญิงบอกให้ทุกคนเริ่มกินได้ สีหน้าของพวกเขาก็ดูดีขึ้น ทั้งยังเผลอคุยหยอกล้อกับองค์หญิงอย่างเป็นกันเองอีกต่างหาก เอเดนมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าไปไม่เป็นอย่างที่เข้าไม่เคยทำ

เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ 'องค์หญิง'

แต่ร่างกายนั่นก็ยังคงเป็น 'องค์หญิง'

'องค์หญิง' คนนี้...

"เอเดน อันนี้ฉันทำมาเพื่อนายโดยเฉพาะ ลองกินสิ หน้านายดูไม่ชอบของหวาน นี่เลยเป็นของหวานแบบลดน้ำตาล แต่อร่อยมากฉันรับประกัน!"

เขาจะฆ่าได้ยังไง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel