เริ่มเกิดใหม่ครั้งที่ 5 แต้มแลกสกิล
เริ่มเกิดใหม่ครั้งที่ 5
แต้มแลกสกิล
ลอเรนท์เลิกสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง คิดไปก็ปวดหัว เป็นคนโง่เหมือนเดิมดีกว่า
จะหาว่าเธอหลับหูหลับตาก็ได้นะ แต่คิดแล้วมันปวดหัวจริง ๆนี่...คนโง่แบบเธอไม่ถูกใจเรื่องพวกนี้
บัยส์
"เเล้วฉันต้องทำตัวยังไง" ลอเรนท์ถามขึ้นเมื่อตอนนี้เข้าประตูเมืองมาได้อย่างง่ายดาย พาสปอร์ตก็หน้าตาของเธอกับคุณองครักษ์นี่แหละ ลอเรนท์พยายามเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้ เพราะไม่ว่ายังไงทุกอย่างก็คือสิ่งแปลกตาสำหรับเธอหมด ถามว่าเธอกลัวไหม ก็กลัวแหละ เหมือนเข้ามาในที่ ๆเธอไม่รู้ใครเป็นมิตร เป็นศัตรู ขนาดองครักษ์ที่ควรจะเป็นมิตร บางครั้งเธอยังรู้สึกระแวงเลย เพราะเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจยังไงก็ไม่รู้
ลอเรนท์คนเก่าไม่อึดอัดบ้างเหรอ...
ไหนจะคู่หมั้นของตัวเองที่ไปแย่งมาจากคุณนางเอกอีก
แต่คนแบบเธอจะหนีไปไหนรอดล่ะ นอกจากกลับมาตายรังโดยเอาตำแหน่งองค์หญิงอะไรนี่เป็นสิ่งค้ำคอ แน่นอนว่าระบบก็เห็นไม่ต่างจากเธอหรอก ไม่อย่างนั้นมันคงส่งเสริมให้เธอหนีไปตั้งตัวเองไปแล้ว เพราะระบบอย่างมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยายเรื่องนี้โดยตรง มันคงเห็นว่าการที่เธอมายุ่งกับพวกตัวเอกแม้ว่าจะเป็นทางอ้อมแค่เป็นญาติกับคุณนางเอกไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ คนอย่างเธอน่ะเหรอจะหนีรอดในสังคมปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ได้...
"องค์หญิงไม่ต้องพูดกับใครก็พอ"
"เอ่อ มันจะดีเหรอ"
"ปกติองค์หญิงก็ไม่เสวนากับใครเป็นพิเศษอยู่แล้ว มีเพียงท่านโนอาร์ที่ท่านจะสนิทสนมด้วย"
โนอาร์ที่ว่าคงเป็นคู่หมั้นสินะ
"งั้น งั้นนายก็ไม่ต้องให้โนอาร์มาพบฉันหรอก" ลอเรนท์บอก เธอแค่จะเอาตำแหน่งองค์หญิงมาเป็นตัวประกันว่าชีวิตเธอจะสะดวกสบายเฉยๆ เธอไม่กลัวลำบากนะ แต่นั่นต้องหมายถึงบ้านเมืองที่มีกฎหมายเข้มข้นสิ แดนปีศาจยังใช้ความแข็งแกร่งกับอำนาจเป็นตัวตัดสินเลย แดนมนุษย์คงไม่ต่างกันหรอก ตอนนี้เธอคิดถึงกฎบ้านกฎเมืองเหลือเกิน...
นั่นแหละ ไหน ๆเธอก็ต้องการแค่นั้น เรื่องอื่นเธอไม่ต้องสนใจก็ได้มั้ง
"จะดีเหรอ?"
"ดีสิ ไหน ๆนายก็ไม่อยากให้ฉันยุ่งกับเขาอยู่แล้วนี่" อีกอย่างถ้าเจอกันจริง แล้วอีกฝ่ายจับได้ว่าเธอไม่ใช่ลอเรนท์จริง ๆล่ะ ในหัวนึกภาพการเผาแม่มดจากโลกเก่าในทันที ต่ะ...แต่โลกนี้มีเวทมนตร์ด้วยนี่ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง
"ครับ" เอเดนรับคำอย่างเฉยชาจนลอเรนท์เดาไม่ถูกว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่ช่างเถอะ เธอไม่คิดจะยุ่งกับเขาอยู่แล้ว
[ยินดีกับการทำความดีเป็นครั้งที่ 83/99,999 ด้วยนะโฮสต์! ระบบได้จัดการสุ่มสกิล โฮสต์ได้รับสกิล 'ฮี๊กับๆ ฮี๊กับๆ! ไปข้างหน้าให้ร้องย่ะๆ ถ้าหยุดให้ร้องหยู้ดดดดด' ยินดีด้วย! ยินดีด้วย!]
สกิลบ้าอะไรโว้ยยย //ล้มโต๊ะ
พอได้ยินเสียงระบบบวกกับความหงุดหงิด ในมือก็โยนบังเหียนคุมม้าให้คุณองค์รัก์ที่นั่งกอดอกอยู่ข้างๆอย่างสบายทันที
"ฉันขี้เกียจแล้วค่ะ" บอกหน้ามุ่ย แล้วหันไปตบตีกับระบบต่อในความคิด แน่นอนว่านี่เป็นออฟชั่นที่ระบบมีตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เธอเลยกลายเป็นคนบ้าที่คุยคนเดียวไปแล้วในแดนปีศาจ นังระบบบ้า!
'นี่! ไหนล่ะสกิลต่อสู้ของฉัน!'
[โฮสต์ทำภารกิจล่าสุดไม่สำเร็จ แค่ระบบไม่ลงโทษโฮสต์ โฮสต์ก็ควรจะดีใจแล้ว]
'แต่อย่างน้อยฉันก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้ท่านเอนาซิสดีมากเลยนะ!' ลอเรนท์แย้งเสียงขุ่น แถมยังต้องไปช่วยคนตกน้ำด้วย!
[ภารกิจคือทำสำเร็จทั้งสี่คน ทำสำเร็จเพียงคนเดียวไม่นับว่าภารกิจสำเร็จ]
'แต่ความดีฉันก็ควรเพิ่ม! อย่างน้อยฉันก็ไปช่วยเจ้าปากหมานั่นไม่ให้จมน้ำนะยะ!'
[โฮสต์คงลืมว่าเขาตกน้ำเพราะโฮสต์ไปต่อยเขา ระบบหักล้างกับที่โฮศต์ลงไปช่วยแล้วเรียบร้อย ทำดีมากระบบ ทำดีมากระบบ!]
'หยุดอวยตัวเอง!'
เอเดนรับบังเหียนมาคุมต่อ แต่หางตาก็เหลือบมององค์หญิงที่เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก องค์หญิงที่แม้จะไม่มีใครรักหรือสนใจ แต่ก็ปฏิบัติตัวเป็นองค์หญิงที่ดี (ในด้านมารยาทหรือการวางตัว) มาตลอด ตอนนี้กลับทำหน้าเบะไปเบะมาชวนให้คนมองรู้สึกหมั่นไส้อยากจะบิดปากนั้นแรงๆ ทั้งยังทำเหมือนตบตีกับอะไรอยู่ในอากาศอีกต่างหาก
"องค์หญิงตีแมลงเหรอ?" เอเดนถาม เขาเข้าวังมาไม่กี่ปีก็ถูกดึงไปเป็นองครักษ์ส่วนตัวให้องค์หญิงคนนี้แล้ว แถมอีกฝ่ายยังทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน แค่เอามาอยู่ข้างกายคอยไปเดินเฉียดใกล้ลักซ์อย่างเยาะเย้ยเท่านั้น ดังนั้นจะบอกว่าเขาไม่ได้ถูกอบรมก็ไม่ผิดนัก คำพูดของเขาจึงห้วนสั้น ไร้ซึ่งความเคารพใด ๆ แล้วยิ่งเป็น 'องค์หญิง' คนนี้ด้วยแล้ว น้ำเสียงจึงแฝงความเฉื่อยชาเพิ่มมาอีก
"บ่ะ บ้าเหรอ! ฉันออกกำลังกายต่างหาก" หันมาทำหน้าตาประหลาดใส่ ก่อนจะยกแขนขึ้นลงต่ออย่างเลิ่กลั่ก
"อืม"
"นาย นายพูดไม่ค่อยสุภาพเลยนะคะ" ลอเรนท์ชวนคุย เธอคิดว่าพวกองครักษ์จะต้องนอบน้อมมากเสียอีก
"องค์หญิงไม่เคยว่าอะไร"
"คง คงใจดีมั้งคะ" ลอเรนท์นึกว่าองค์หญิงที่ดูหยิ่งๆแบบนี้จะเคร่งครัดกฎระเบียบซะอีก
"ละเลยมากกว่าครับ"
"..." ไม่คุยแล้วจ้า
ลอเรนท์หันไปสนใจบ้านเมืองที่ตัวเองเป็นถึงองค์หญิงดีกว่า เมืองของเธอเป็นเมืองสีขาว หมายถึงขาวจริง ๆ ทั้งแผ่นหินที่เป็นทางเดิน สิ่งก่อสร้างทั้งหลาย ทุกอย่างถูกสร้างมาจากหินอ่อนที่มีสีขาว ไม่ก็สีเงินซีดๆ ดูงดงามแปลกตาและชวนขนลุกแปลกๆ บ้านเมืองจัดสรรเป็นระเบียบเรียบร้อย และชาวเมืองมีมารยาทมาก ทุกคนจะหันมาทางเธอแล้วโค้งหัวให้จนกระทั่งรถม้าผ่านไปถึงได้ทำกิจกรรมของตัวเองต่อ ไม่มีเสียงโห่หรือการมุงกันอะไรทั้งนั้น
"ทุกคนชอบสีขาวเหรอ?"
"ปฐมกษัตริย์ชอบสีขาว"
ทุกอย่างเลยเป็นสีขาวสินะ
"แล้วเมืองนี้ชื่อว่าอะไรเหรอ"
"ไวท์โรส"
"แสดงว่ามีกุหลาบด้วย?" ลอเรนท์ตื่นเต้น อยู่แดนปีศาจจะหาดอกไม้สักต้นนั้นยากมาก เพราะอากาศไม่เหมาะกับการเพาะปลูกสิ่งสวยงามพวกนี้
"ครับ"
"ดูโรเเมนติกเนอะ" ลอเรนท์อมยิ้มแล้วก็มองเมืองของตัวเองต่ออย่างมีความสุข ทั้ง ๆที่ไม่รู้เลยว่าการที่ชาวเมืองมีมารยาทกับเธอแบบนี้ส่วนหนึ่งมาจากความกลัว
เคยมีคนล้มตัดหน้ารถม้าของเธอ แล้วเธอลากไปตีจนพิการ
ทุกคนจึงโค้งหัวให้เธอพอเป็นพิธีแล้วรีบหนีเท่านั้น ลอเรนท์เป็นองค์หญิงที่ทุกคนต้องให้เกียรติ แต่ไม่ต้องประจบสอพลอ หากไม่ล้ำเส้นกันเธอก็จะไม่ยุ่งกับใคร ทุกคนต่างรู้ดี
"อันนั้นน่ากินจังค่ะ!" ลอเรนท์ชี้ไปยังแผงที่ขายของเหมือนซาลาเปาในโลกเก่าของเธอ แต่อันนี้มันมีอะไรไม่รู้ฟุ้งๆล้อมรอบแป้งเหมือนสายไหม ทั้งยังสีสันสวยงามจนมองแล้วไม่กล้ากิน แต่โดยรวมแล้วมันก็น่ากินนั่นแหละ
"องค์หญิงไม่ชื่นชอบของหวาน"
"ร่ะ เหรอ" แง่งงง ลอเรนท์กัดผ้าเช็ดหน้าในใจ หันหน้าหนีอย่างไม่อยากมองให้เกิดความยากอีก เป็นผู้หญิงต้องกินของหวานสิยะ! ผู้หญิงไม่กินของหวานคือผู้หญิงไม่มีสีสันนะ ฮือออ
"ฝาก"
"อ๊ะ!" ลอเรนท์ที่กำลังนั่งท้อกับชะตาตัวเองว่าเข้าร่างใครไม่เข้า ดันเข้าร่างคนมีเงินแต่ไม่กินของหวาน เธอจะรวยไปทำไม ถ้าเอาไปซื้อขนมไม่ได้ แน่นอนว่าถ้าหากสอบ GAT เชื่อมโยงเธอคงได้เต็มไปแล้ว คนหงุดหงิดทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถมาเชื่อมกันได้นั่นแหละ
เอเดนที่โยนบังเหียนให้เธอก่อนจะกระโดดลงจากรถม้าที่กำลังเดินอยู่แล้วหายไปกับฝูงชนเรียกคนหงุดหงิดให้หันมองตามอย่างเลิ่กลั่ก อะ อะไรเนี่ย! ไหนบอกจะไม่ทิ้งกันไง!
[โฮสต์ เลิกงอแงแล้วขับรถม้าเถอะ จะชนคนแล้วนะ]
"ว้าย!" ลอเรนท์เพิ่งได้สติว่าตัวเองบังคับให้รถม้าเบี้ยวจะชนแผงขายของข้างทางจนพ่อค้าแม่ค้าเก็บข้าวของหนีกันจ้าละหวั่นสะดุ้งโหยง รีบบังคับม้าให้กลับทางเดิมก่อนจะก้มหัวปะหลกๆให้ชาวเมืองทั้งหลายที่มองอย่างไม่พอใจแต่ไม่กล้าทำอะไร
"ขอโทษจ้าา" ได้แต่ร้องขอโทษไปอย่างนั้น และเพราะมัวแต่ก้มขอโทษไปตามทางจึงไม่เห็นความตกใจของชาวเมืองทั้งหลายที่มองตาค้าง บ้างก็อ้าปากค้าง บ้างก็ยืนเหม่อจนของที่ถือไว้ตกลงพื้น
"บังคับรถม้ายากจัง เหม่อแปปเดียวเอง"
[ม้าพวกนี้ไม่ได้รับการอบรมที่มากพอ]
"หา แต่เป็นม้าขององค์หญิงเลยนะ" ลอเรนท์อ้าปากเหวอ อะไรคือการเอาม้าที่สอนไม่ดีมาบังคับรถขององค์หญิงอะ งงมาก!
[บางที...โฮสต์หนีไปตั้งตัวใหม่อาจจะดีกว่ากลับมาที่พระราชวังนี้]
"แต่นั่น...ก็ไม่แน่ว่าฉันจะรอดนี่" ในป่าแบบนั้นหากไม่ได้เอเดนมาตามเธอก็คงออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน แค่ถูกอุ้มแล้วมองทางเฉยๆ เธอยังตาลายเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่าอยู่เลย
[อยู่ในพระราชวังที่มีแต่มนุษย์กินคนโฮสต์ก็ใช่ว่าจะรอด] เผลอๆอาจจะตายอนาถกว่าด้วย แน่นอนว่าระบบไม่ได้พูดสิ่งที่คิดเพิ่ม
"..." ลอเรนท์เงียบ พระราชวังที่เธออยู่คงไม่ใช่ปราสาทสีขาวแล้วก็มีทุ่งดอกไม้แน่ ๆ ระบบพูดแบบนี้แล้วนึกถึงพวกนิยายจีนที่เธอเคยอ่านบ่อย ๆเลย พวกพูดจาดีแต่แฝงแววจิกกัดแล้วก็ขัดขากันเอง ฆ่ากันเอง ตอนอ่านก็สนุกดีอยู่หรอก เธอยังเผลอชมพวกตัวร้ายว่าฉลาดไปหลายยกเหมือนกัน ไม่คิดว่าตัวเองจะมาเจออะไรแบบนี้จริง ๆ
[ความจริงแต้มความดีอีกสองแต้ม โฮสต์จะสามารถแลกสกิล 'เทเลพอร์ต' ได้]
"หา มันมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?"
[แน่นอนว่ามี แต่ระบบบอกไปโฮสต์น่าจะเอามาแลกนู่นนี่มั่วซั่ว จนเก็บแต้มไม่ทันโลกแตก]
อยากจะด่านะ แต่มันเหมือนแทงใจเธออ่ะ!
[แต่ครั้งนี้ไม่แลกคงไม่ได้ 85 แต้มความดี โฮสต์จะสามารถใช้แต้มแลกสกิลนี้ได้]
"สายหนีเลยนะนั่น" ลอเรนท์ว่าขำๆ แม้จะอยากได้พวกสกิลต่อสู้มากกว่า แต่เธอก็แค่ชอบฉากต่อสู้ในอนิเมะที่เคยดูแค่นั้นเอง เธอคิดว่าปล่อยพลังหลากสีพร้อมทำท่าสวยๆมันเท่ห์ดี แต่ในความเป็นจริงสกิลหนีเอาตัวรอดแบบนี้เหมาะกับเธอมากกว่า แม้จะเสียดายแต้มที่อุตส่าห์ทำมาก็ตาม อยู่มาตั้งหลายเดือนได้แค่ 85 แต้มอ่ะค่ะท่านผู้ชม ตบนังลิลิธคนเก่าที!
"อ่ะ"
"ว้าย!" ตกใจจนรถม้าเบี้ยวอีกครั้ง ดีที่มือหนาแย่งบังเหียนไปบังคับให้ก่อน โดยมืออีกข้างถือขนมหน้าตาสวยงามที่เป็นเป้าหมายของเธอเมื่อกี้ "อะ...อะไรคะ"
ลอเรนท์มองเอเดนที่กระโดดขึ้นมาบังคับรถม้าด้วยความสับสน ไม่ใช่ว่าหนีเธอไปแล้วเหรอ?
"กินสิ"
"เอ่อ ขอบคุณค่ะ" ลอเรนท์รับขนมในมืออีกฝ่ายมาถือเอาไว้อย่างงุนงง มองคนให้สลับกับขนมไปมา พออีกฝ่ายไม่พูดอะไรเอาแต่มองทาง เธอก็เลยยกขึ้นมากินเบาๆตรงที่เป็นขนปุกปุยฟุ้งๆสีพาสเทล พอมันเข้าปาก
ความหอมหวานที่ล้ำลึกชนิดคนกินของหวานมาหลายปีอย่างเธอไม่เคยสัมผัสก็ละลายในปากของเธอ ตาของเธอเบิกโตทั้งยังเป็นประกายยิ่งกว่าปกติ หลังจากนั้นก็มีเพียงเสียงอืออ้าแสดงความฟินของเธอไป โดยลืมเรื่องร้ายๆที่กำลังคิดมากับเจ้าระบบเสียสนิท
หึ
เอเดนแอบยกยิ้มขำขณะมองคนเอามือตีหน้าขาตัวเองรัวๆอย่างกับถูกใจอะไรสักอย่าง ดวงตากลมโตนั้นหลับตาพริ้ม มุมปากยกสูง ใบหน้าแดงก่ำ แค่นี้เขาก็พอรู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายชอบแค่ไหน
เขาเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนหมาหงอยก็เลยตัดสินใจไปซื้อให้ แม้จะไม่ใช่นิสัยของเขาก็ตาม และแน่นอนว่าองค์หญิงไม่ชอบของหวาน
แต่ยังไงซะ เธอก็ไม่ใช่ 'องค์หญิง' นี่
เขาใจดีด้วยนิดๆหน่อย คงไม่เป็นอะไรหรอก
มั้ง