บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 กุนซือยอดรัก

บทที่ 2 กุนซือยอดรัก

แนะนำตัวละคร

ฉู่อ๋อง พระเอก ภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท หน้าตาคมสันรูปร่างสูงโปร่งไหล่กว้าง

นิสัย เย่อหยิ่งและมีความทะเยอทะยานสูง

คติ ของที่เป็นของตนนั้นต้องดีที่สุด ไม่ชอบการโกหกและถูกหักหลัง

เย่อิงหลัน นางเอก รูปร่างเล็กบอบบาง ดวงตาสดใส

นิสัย ใสซื่อและบริสุทธิ์มีกิริยาชวนให้คนอยากดูแล นางมักสวมใส่ชุดสีขาว เพื่อขับเน้นรูปลักษณ์ที่ผุดผ่องดั่งดอกบัวขาวแรกแย้ม

ฮ่องเต้ฉางโจว จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน แห่งราชวงศ์โจพระบิดาของฉู่อ๋อง

เย่จื่ออิง ตัวประกอบของเรื่อง ตัวละครที่วิญญาณหมื่นปีเข้ามาอยู่ในร่างพร้อมระบบช่วยเหลือ

ฉลาดปราดเปรื่อง รูปงามโดดเด่น

นิสัยเย่อหยิ่ง แอบหลงรักฉู่อ๋องตั้งแต่แรกพบ ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก

เย่ไห่ซิง เสนาบดีฝ่ายซ้าย บิดาของเย่อิงหลันและเย่จื่ออิงดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย

นิสัยชื่อเสียงของตระกูลต้องมาเป็นอันดับแรก รักบุตรสาวดั่งแก้วตาดวงใจ ไม่ไยดีบุตรชาย

เย่หวั่นหลง ฮูหยินของเสนาบดีฝ่ายซ้าย

มารดาของเย่อิงหลันนางเอกของเรื่อง เป็นมารดาเลี้ยงของเย่จื่ออิงมีศักดิ์เป็นน้องสาวของหวนกุ้ยเฟย

แม่นมเจียง บ่าวรับใช้คนสนิทของฮูหยินใหญ่

หวนฉินช่วง บุตรสาวของหวนมู่จง เป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่อิงหลัน

หวนมู่จง เสนาบดีผู้ตรวจการ เป็นผู้นำตระกูลหวนดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายตรวจการ พี่ชายของหวนกุ้ยเฟยและฮูหยินเย่หวั่นหลง บิดาของหวนฉินช่วง

หวนกุ้ยเฟย พี่สาวของฮูหยินเย่หวั่นหลง น้าของหวนฉินช่วงและเย่อิงหลัน พระสนมผู้เป็นที่โปรดปรานของโจวฉางฮ่องเต้

ตามเนื้อเรื่องเดิมเจ้าของร่างมีนามว่าเย่จื่ออิงเหมือนกับเขา เป็นบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินใหญ่ผู้มีร่างกายอ่อนแอ ภายหลังนางคลอดเย่จื่ออิงร่างกายจึ่งค่อยๆอ่อนแอลงจนเสียชีวิตจากไป ในขณะที่เย่จื่ออิงอายุได้ห้าขวบเท่านั้น

หลังจากที่ฮูหยินใหญ่จากไป เสนาบดีเย่เศร้าโศกเสียใจมาก เพราะบุตรชายคนโตมีหน้าตาเหมือนฮูหยินที่จากไปราวกับพิมพ์เดียวกัน ทำให้เขาเอาแต่คอยหลบหน้าไม่อยากเห็นหน้าบุตรชาย

สุดท้ายผู้เป็นบิดาสั่งย้ายเรือนให้เย่จื่ออิงไปอยู่ท้ายจวนห่างไกลและโดดเดี่ยว แม้ไม่พบหน้าแต่ยังคงเลี้ยงดูยุตรชายเป็นอย่างดี

ต่อมาเย่ไห่ซิงผู้เป็นบิดาแต่งหวนหวั่นหลงบุตรสาวคนเล็กของตระกูลหวนเข้ามาฮูหยินคนใหม่

สตรีจากตระกูลหวนสมเป็นบุตรสาวของอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาหลวง กิจการงานภายในจวนนางล้วนจัดการได้อย่างดีเยี่ยมไม่เคยเกิดปัญหาจนเสนาบดีเย่วางใจ

แม้ตระกูลหวนเป็นเพียงตระกูลบัณฑิตแต่ก็เป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหลวง บัณฑิตและขุนนางน้อยใหญ่ล้วนความเคารพนับถือ ซ้ำยังมีบุตรสาวคนโตเป็นถึงหวนกุ้ยเฟย นางเป็นถึงพระสนมคนโปรดของโจวฉางฮ่องเต้นับว่ามีหน้ามีตาอยู่ไม่น้อย

ภายในระยะเวลาสองปีเรื่องราวภายในจวนตระกูลเย่ล้วนต้องฟังคำสั่งนางทั้งสิ้น

กระทั่งนางให้กำเนิดบุตรีเย่อิงหลันแม้ไม่งามเป็นเอกแต่หน้าตาหมดจด กิริยาออดอ้อนอ่อนหวานช่างประจบเอาใจ

ทั้งสองสามีภรรยารักใคร่ปรองดองภาพครอบครัวแสนอบอุ่นจนผู้คนกล่าวขาน คนทั้งคู่เลี้ยงดูเย่อิงหลันบุตรีด้วยความเอาใจใส่ ให้ความรักทะนุถนอมเย่อิงหลันนางเอกราวกับไข่ในหิน

ในเรือนที่ห่างไกลและเงียบเหงา เย่จื่อจื่ออิงมองดูภาพเหล่านี้ด้วยความไม่เข้าใจ เขาเป็นเพียงเด็กที่โหยหาความอบอุ่นจากครอบครัว เมื่อมีแม่เลี้ยงย่อมเกิดพ่อเลี้ยงตามมา จากนั้นมาฐานะบุตรชายคนโตของเขา เริ่มถูกลดทอนความสำคัญลงเรื่อยๆ บิดาเริ่มห่างเหินจากบุตรชาย

ความเป็นอยู่แม้ไม่ลำบากแต่กลับไม่สุขสบายนัก ข้างกายเขาไม่มีทั้งบ่าวรับใช้คนสนิท อาหารการกินยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงไม่ต่างกับบ่าวรับใช้ผู้หนึ่ง

ด้วยฐานะบุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้าย เย่จื่ออิงเป็นถึงคุณชายใหญ่ตระกูลเย่ ทั้งรูปโฉมแลความสามารถล้วนเป็นเอก แต่เขากลับต้องการเป็นเพียงกุนซือต่ำต้อย คอยรับใช้ข้างกายฉู่อ๋องเพราะความรัก

ยิ่งเมื่อเขาปฏิเสธบิดาไม่ยอมสอบรับราชการ และบอกถึงเหตุผลออกไป

บิดาทราบความจริงว่าบุตรชายของตนเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อเขารู้สึกล้มเหลว เสนาบดีเย่ไม่อาจทำใจยอมรับได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกจากที่ห่างเหินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับยิ่งยากจะสานต่อ

จากนั้นมาไม่ว่าเย่จืออิงจะทำสิ่งใดล้วนขัดตาไปหมดครั้นจะขับออกจากจวนก็เกรงคำครหา อีกทั้งทุกครั้งที่บิดาด่าทอหรือทำโทษล้วนมีมารดาเลี้ยงคอยให้ท้าย และนางเอกเย่อิงหลันผู้เป็นน้องสาวผู้แสนดีเข้ามาปลอบประโลม เจ้าของร่างเดิมพยายามทำทุกอย่างให้บิดายอมรับและเข้าใจตน แต่ไม่ว่าจะเพียรพยายามมากแค่ไหนสถานะในครอบครัวเขากลับยิ่งแย่ลง

เมื่อบิดาไม่ไยดีความรักที่มีจึงทุ่มเทไปให้ฉู่อ๋องผู้ที่ก้าวเข้ามาให้ความสำคัญเป็นดังแสงสว่างของเขา

ด้วยใบหน้าราวหยกสลักและสติปัญญาล้ำเลิศ ทำให้ฮ่องเต้โปรดปรานเขา เพียงเย่จื่ออิงเอ่ยปากทูลขอทรงมอบตำแหน่งกุนซือข้างกายฉู่อ๋องให้เขาอย่างง่ายดาย

แม้บิดาจะทัดทานหรือถูกครหาของคนทั้งเมืองหลวงว่าใช้ร่างกายเข้าแลกตำแหน่ง แม้ถูกคนเย้ยหยัน เย่จื่ออิงยังคอยช่วยเหลือฉู่อ๋องให้ทำการใหญ่จนสำเร็จ

จุดหักเหของเจ้าของร่างเดิมเกิดขึ้น เมื่อนางเอกที่นัดหมายกับฉู่อ๋อง ที่กลับจากจบการทำศึกมาบังเอิญพบกับเย่จื่ออิงเริงรักกับบุรุษผู้หนึ่งภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

โดยที่พระเอกและนางเอกทั้งสองคนไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่กับเย่จื่ออิงอยู่นั้นคือเสด็จพ่อของตนเอง และเงื่อนไขนั้นคือตำแหน่งรัชทายาท

ทุกอย่างล้วนทำเพื่อผู้อื่นเจ้าของร่างเดิมยอมแม้กระทั่งพลีกายให้ฮ่องเต้ เพื่อแลกกับตำแหน่งรัชทายาทของฉู่อ๋อง

ไม่คาดคิดว่าขณะที่ตนกำลังทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์โดยไม่มีผู้ใดรับรู้นั้น กลับถูกพบโดยน้องสาวที่เขาไว้ใจและฉู่อ๋องผู้ที่เขาไม่ต้องการให้รับรู้ที่สุด

แต่นั้นมาจากที่ฉู่อ๋องเคยเริ่มมีใจเอนเอียงให้เย่จื่ออิงบ้างแล้ว กลับกลายเป็นรังเกียจและโกรธแค้นแทน 

ฉู่อ๋องมองเย่จื่ออิงด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน ในใจคิดว่าตนกรำศึกออกรบอย่างเหนื่อยยาก แต่กุนซือคนสนิทกลับมานอนทอดร่างเสพสมอย่างไม่อายฟ้าดิน

เพราะรู้สึกเสียหน้าหรือเพราะความรักที่มีให้นางเอก ตามเนื้อเรื่องไม่ได้บรรยายไว้ละเอียดนักทันทีที่ได้แต่งตั้งเป็นรัชทายาทจึงทูลขอสมรสพระราชทาน แต่งตั้งเย่อิงหลันนางเอกขึ้นเป็นฟูเหรินพระชายาเอก

เมื่อทราบข่าวสมรสพระราชทานขององค์รัชทายาทแม้เจ้าของร่างเดิมจะเจ็บปวดเศร้าโศกเสียใจเพียงใด แต่ผู้ที่มีความรักลึกซึ้งมักมีดวงตามืดบอดและเพราะความรักจึงทำให้เจ้าของร่างเดิมยังคงตามติดรับใช้รัชทายาทไม่เคยห่างกาย ขอเพียงได้เห็นคนที่รักมีความสุข ไม่ว่าจะถูกกระทำเพียงใดเขาล้วนไม่ปริปาก

หลังจากวันนั้นมาแม้องค์รัชทายาทจะรังเกียจเย่จื่ออิงเพียงใด ใช้เจ้าของร่างเป็นหมากตัวหนึ่ง เย่จื่ออิงทำงานเป็นกุนซือข้างกายองค์รัชทายาทตั้งแต่สมัยเป็นองค์ชายไร้อำนาจจนขึ้นเป็นฉู่อ๋อง และถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทในปัจจุบัน

นับว่าเป็นคนสนิทแต่ลาภยศสรรเสริญใดล้วนไม่นำพา สิ่งที่เจ้าของร่างรู้สึกประทับใจที่สุดคือกำไลหยกสีแดงเลือดนกเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่องค์รัชทายาทประทานให้เขา หลังจากสร้างผลงานชิ้นใหญ่ เขาเก็บถนอมรักษาไว้อย่างดีพกติดตัวไม่เคยให้ห่างกาย 

“เหตุใดพระชายาจึงเป็นเช่นนี้ เกิดสิ่งใดขึ้น!”

“เอ่อ..เป็น..เป็นเขา เพคะองค์รัชทายาท กุนซือเย่จื่ออิงเป็นผู้นำดอกไม้มาให้พระชายาเพคะ ไม่...ไม่คิดว่าเพียงสูดดมกลิ่นดอกเหมยพระชายาก็เป็นเช่นนี้แล้ว” ชายารองหวนฉินช่วงชี้นิ้วจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่ตอนนี้ถูกจับกดหัวไหล่ไว้อย่างแน่นหนาเข่ากระแทกพื้นเสียงดัง

“นั่นไม่เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย!”

สายตาคมจับจ้องไปยังนักโทษ มองไม่ออกว่าครั้งหนึ่งเคยขึ้นชื่อความสามารถแลความงามโดดเด่นยากจะหาผู้ใดเปรียบ เวลานี้แค่พยายามกล่าวแก้ต่างให้ตนเองสุดเสียงยังเป็นเรื่องยาก

เจ้า! เย่จื่ออิงบังอาจเหิมเกริมยิ่งนัก! เสียแรง เสียแรงที่เปิ่นหวางไว้ใจเจ้า!

“องค์รัชทายาท! หม่อมฉันไม่ได้..”

“หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้มาที่ตัวเจ้า ยังจะคิดแก้ตัวอีกรึ!”

“ฮั่วจง ลงโทษโบยคนผู้นี้จนกว่าจะยอมรับสารภาพ” องค์รัชทายาทออกคำสั่งเสียงแข็ง สายตาของเขาเหลือบมองใบหน้าผู้กระทำผิดอีกครั้ง (ยิ่งมอง ยิ่งทำให้เสียสายตานักเสียแรงที่ตนไว้ใจคนผู้นี้กลับไม่สำนึกทรยศเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า) องค์รัชทายาทคิด พลางส่ายหน้าเอือมระอา

ฉู่อ๋องสั่งลงโทษโบยโดยไม่คิดฟังคำแก้ต่างของเย่จื่ออิงแม้แต่น้อย แค้นที่ถูกคนหักหลังและความโกรธที่คนผู้นี้บังอาจทำร้ายบุตรคนแรกของพระองค์ระเบิดในคราเดียว เย่จื่ออิงถูกโบยจนเนื้อปริแตกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับไม่ยอมปริปากสารภาพความจริงออกมาแม้เพียงครึ่งคำ

“คนผู้นี้ ชั่งปากแข็งยิ่งนัก!”

กระทั่งเนื้อส่วนแผ่นหลังถูกทุบตีจนปริแตก เลือดไหลทั่วแผ่นหลังจนคนโบยยังรู้สึกไม่กล้าลงมือแล้ว เสียงพึมพำเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กที่กำลังกระอักเลือดออกมา

“อัก. อึก....แค่กก...ทั้งแผ่นดินอาจดูแคลนข้าคนพวกนั้นรังเกียจข้า.....มีเพียงแต่ท่าน...ท่านไม่มีสิทธิ์นั้น...” ริมฝีปากบางที่แตกระแหงพยายามกล่าวถ้อยคำอย่างยากลำบากเย่จื่ออิงเค้นพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อกล่าวประโยคนี้ออกมา

“…..”

แม้น้ำเสียงเอื้อนเอ่ยแหบแห้งแผ่วเบาแต่กลับดังก้องกังวานราวกับคนผู้นั้นพูดอยู่ในหัวของตน เห็นแววตาเรียวยาวทั้งดูเหนื่อยล้าในดวงตาคลอหน่วงด้วยน้ำตาค่อยๆปิดลง

(คนผู้นี้คงถูกทำร้ายจนเลอะเลือนกล้ากล่าวคำพูดเหล่านี้กลับเขา)

“เจ้าช่างบังอาจกล่าววาจาลบหลู่องค์รัชทายาท มีโทษสมควรตาย!” เห็นผู้เป็นนายยืนนิ่งฮั่วจงบ่าวรับใช้ข้างกาย ตวาดเย่จื่ออิงที่ตอนนี้ดูราวซากศพด้วยน้ำเสียงอันดัง เขาเตรียมเข้าไปจับกระชากร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นขึ้นมาอีกครั้ง

หากแต่ผู้เป็นนายของตนยกมือห้ามไว้ "ไป! เจ้ารีบไปตามหมอหลวงมาดูอาการเขา”

ร่างกายที่บอบบางราวสตรีทำให้เย่จื่ออิงไม่อาจทนพิษบาดแผลได้อีกต่อไปและขาดใจตายในที่สุด “เอ่อเขา เขาสิ้นใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ชั่วขณะหนึ่งองค์รัชทายาทถึงกับเสียอาการ เมื่อมีคนผู้นี้อยู่เขานึกรำคาญใจ แต่เมื่อคนผู้นี้จะจากไปภายในทรวงอกกลับรู้สึกเจ็บปวด ร่างบางนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่ไหวติง สายตาองค์รัชทายาทพลันหยุดนิ่งเมื่อมองเห็นกำไลหยกสีแดงเลือดนกที่ข้อมือขาว

พลันระลึกถึงความทรงจำที่เกือบจะลืมเลือนไปแล้ว ครั้งหนึ่งคนผู้นี้เคยกล่าวกับพระองค์........เมื่อนานมาแล้วที่พระองค์ยังเป็นเพียงองค์ชายไร้ซึ่งอำนาจ จนกระทั่งกลายมาเป็นองค์รัชทายาทในปัจจุบัน

(แม้ดอกไม่จะร่วงโรยแต่กลิ่นหอมของมันยังคงอยู่ เหมือนความรักของจื่ออิงที่จะคงอยู่ในความทรงจำขององค์ชายเสมอ ไม่ว่าสิ่งใดที่พระองค์ต้องการเย่จื่ออิงล้วนยินดีสละเพื่อพระองค์ กระหม่อมไม่ต้องการสิ่งใด กำไลหยกนี้จื่ออิงจะเป็นไว้อย่างดี....)

แม้ว่าเย่จื่ออิงจะไม่เคยได้รับชื่อเสียง หรือเงินทองใด ๆ จากการทำงานเป็นกุนซือให้กับองค์รัชทายาท แต่เมื่อองค์รัชทายาทมอบกำไลหยกราคาถูกวงนี้ให้เย่จื่ออิง เขาไม่มีท่าทีไม่พอใจ เย่จื่ออิงมักจะสวมใส่กำไลหยกติดตัวด้วยความภาคภูมิใจ

แผนการใส่ร้ายง่ายดายราวกับจับวาง เริ่มจากทำให้เย่จื่ออิงผิดใจกับองค์รัชทายาท เมื่อความเชื่อมั่นสั่นคลอนสุดท้ายใช้นกต่ออย่างหวนฉินช่วงออกหน้าวางแผนใส่ร้ายเรื่องวางยาพิษ แผนการร้ายสำเร็จโยนความผิดให้เย่จื่ออิงตัวประกอบผู้โชคร้าย จนเจ้าของร่างเดิมต้องตายตกไปอย่างเอน็จอนาถ เขาถูกใส่ร้ายว่าทำให้เย่อิงหลันฟูเหรินนางเอกแท้งบุตรเพราะใจคิดคดริษยา

ครั้นความจริงเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างเป็นเพียงการจัดฉาก ความผิดทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่ชายารองหวนฉินช่วงเพียงผู้เดียว ทุกอย่างล้วนปูทางให้นางเอกเย่อิงหลันได้สมหวังในความรัก

เมื่อไม่มีเย่จื่ออิงอยู่เป็นเสี้ยนหนาม ทั้งองค์รัชทายาทยังสงสารที่นางต้องแท้งบุตร ไม่สนใจอนุภรรยาอื่นครองรักเคียงคู่อยู่กับนางเอกอย่างหวานชื่นองค์รัชทายาทขึ้นเป็นฮ่องเต้เย่อิงหลันขึ้นเป็นฮองเฮา

เห็นได้ชัดว่าตัวละครเย่จื่ออิงเป็นจุดเชื่อมโยงให้พระนางได้พบรักกัน และยังเป็นผู้พผลักดันให้พระเอกขึ้นเป็นฮ่องเต้ เป็นตัวประกอบที่มีบทในเรื่องตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงเกือบท้ายของเนื้อเรื่อง 

แม้องค์รัชทายาทจะรู้สึกผิดต่อกุนซือคู่บัลลังก์แต่อย่างไรคนก็ได้จากไปแล้ว นานวันก็ถูกลืมเลือน ......เนื้อเรื่องของโลกนี้จบเพียงเท่านี้ 

.

.

ดวงวิญญาณหมื่นปีถูกส่งเข้าครอบครองร่างทันทีที่เขาตอบตกลง

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel