บท
ตั้งค่า

บทที่๓...ไม่เคยลืมอดีต (๒)

“จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า...ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้...อื้อ” ใช้เพลงกล่อมเด็กที่ตนคุ้นเคย ก่อนครางเสียงแผ่วเมื่อลิ้นเปียกสัมผัสที่ปทุมถันของหล่อน ก่อนดูดกลืนราวเด็กน้อยที่หิวโหยน้ำนมของมารดา

“อย่าดูดสิคะ” เสียววาบทั่วท้องน้อย พยายามดันไหล่หนาออกแต่เขากลับดูดจนทรวงอกหยุ่นเปียกชื้น ค่อยผ่อนลมหายใจร้อนออกแล้วกำมือแน่นเพื่อระงับความต้องการของตนเอง

“ร้องต่อสิ” ชายหนุ่มไม่ได้ผละออก แต่สั่งเธอให้ร้องเพลงกล่อมต่อไป ซึ่งหญิงสาวไม่อาจเปล่งเสียงร้องเพลงได้ ตอนนี้มีเพียงเสียงครางแหบพร่ายามที่เขาครอบครองทรวงอกของตน

“อ่า อา อาชาน์” เรียกชื่อปิญชาน์พลางกดศีรษะหนาให้แนบชิดมากกว่าเดิม ตัวอ่อนระทวยยินยอมทอดกายให้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี

แต่เหมือนเขาใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราจนไม่สนใจเธอ…

“อากำลังจะหลับแล้ว” พูดเสียงแผ่วโดยที่ปากก็ยังดูดยอดอกสีเข้มไม่ยอมห่าง กระทั่งการเคลื่อนไหวถูกหยุด หล่อนจึงก้มมองเปลือกตาสีนวลที่ปิดสนิท

ทั้งที่เธอต้องการแต่เขากลับไม่ยอมทำ โหดร้ายเกินไปแล้วอาชาน์

“อาชาน์...หลับแล้วปากยังคาบไว้อีก เฮ้อ” ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วค่อยหลับตาลงแล้วนับเลขเพื่อสั่งให้ตัวเองหลับ ทั้งที่มีความต้องการทางร่างกายล้นเปี่ยม

สามีตื่นแต่เช้าแล้วลงมารอข้างล่าง คุยโทรศัพท์เพื่อฟังเลขานุการรายงานเกี่ยวกับวาระการประชุม พร้อมจิบกาแฟยามเช้า ไม่ลืมให้แม่บ้านเตรียมของโปรดอรลภัสญาเอาไว้ หล่อนลงมาจะได้รีบกินแล้วออกจากบ้านสักที

เมื่อวานเขานั่งทำงานที่ห้องทั้งวัน แทบไม่มีเวลาอยูกับภรรยา สงสัยเสร็จจากโปรเจคใหญ่คราวนี้คงต้องหาโอกาสไปฮันนีมูนกับหล่อนเสียแล้ว

มือหนาเลื่อหน้าจอสี่เหลี่ยมเพื่อดูหุ้น คิ้วขมวดเป็นปมยามเจอตัวเลขสี่แดงเถือก พรูลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ลงด้วยความหงุดหงิด พอดีกับที่ร่างแบบบางเดินเข้าห้องอาหารพอดี เขาจึงเงยหน้ามองหล่อน แต่ก็ทำหน้านิ่งเมื่อพบชุดที่หญิงสาวสวม

“หนูพริม” เอ่ยเสียงนิ่งขณะที่หล่อนเดินมานั่งเก้าอี้ตัวประจำเยื้องกับเขา วันนี้ท่านประธานเลือกนั่งหัวโต๊ะแล้วหยิบครัวซองก์มาตัดกิน แล้วจดจ้องเรือนร่างงดงามที่อยู่ในชุดทะมัดทะแมงสีดำเข้ม ดูเป็นสาวคล่องแคล่วต่างจากทุกวัน

“คะ” หญิงสาวหยิบนมกล้วยขึ้นมาดื่มแล้วยิ้มกว้างมีความสุขกับรสชาติแสนอร่อย จากนั้นจึงได้สบดวงตาคม พอจะเตรียมใจไว้บ้างว่าคงโดนดุ

แต่หล่อนเชื่อว่าหากอ้อนสักหน่อย เขาต้องยอมตามใจอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงคิดอยากทำตามใจตัวเองบ้าง

“ทำไมไม่ใส่ชุดที่อาเตรียมไว้” ถามเสียงเข้ม แต่เธอก็เตรียมคำตอบเอาไว้เรียบร้อย ดัดเสียงให้เล็กแล้วทำแววตาหวานใส่เขา มีหรือที่ชายหนุ่มจะไม่ยอม

“พริมไม่อยากใส่ชุดสีขาว กลัวว่ามันจะเปื้อนค่ะ ชอบสีดำแบบกางเกงมากกว่า ยังไงก็เป็นทางการเหมือนกัน” อธิบายถึงเหตุผลแต่แววตาเรียวยาวกลับมองอย่างไม่ใคร่ชอบใจ

เขาไม่ชอบให้หล่อนใส่สีดำ…

อรลภัสญาคือคุณหนูจากตระกูลผู้ดี เธอเหมาะกับสีขาวบริสุทธิ์มากกว่า แขนหนายกขึ้นกอดอก มองภรรยาตาไม่กระพริบ พลางเอ่ยอย่างหัวเสียเหมือนอารมณ์ค้างจากหุ้นที่ดิ่งลงเหว

“แต่อาเลือกไว้ให้แล้ว หนูพริมจะขัดใจอาเหรอคะ” เธอหน้าถอดสีไม่คิดว่าเขาจะค้านเสียงแข็งเช่นนี้ เพียงแค่หล่อนอยากเลือกเสื้อผ้าใส่เองก็ผิดหรือ

“เปล่าค่ะอาชาน์”

“งั้นไปใส่ชุดที่อาเลือกไว้ให้ได้ไหม อาชอบหนูพริมใส่ชุดสีขาวมากกว่า” บอกความต้องการของตัวเอง วิมาลาเห็นอย่างนั้นก็จำต้องลุกยืนแล้วตามใจเจ้าของบ้าน

เธอหลงคิดว่าตัวเองเป็นพริกแกง…ทั้งที่ความจริงกำลังสวมบทบาทเป็นใครอีกคน

ระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคงทำให้หล่อนหลงระเริงจนลืมความจริง ตนเป็นแค่ตัวแทนที่ไม่มีชีวิตจิตใจ เขาต้องการอะไรก็ต้องทำตามนั้น

“ได้ค่ะ” ร่างบางเดินผ่านปิญชาน์ ทว่าชายหนุ่มกลับคว้ามือนุ่มเอาไว้ พลางยกขึ้นจุมพิตที่หลงมือ เหมือนเป็นการง้อยามเห็นใบหน้าหวานงอง้ำ จนหัวใจของเธออ่อนยวบ

“ไม่ต้องรีบนะคะ อารอได้”

“ค่ะ”

แล้วอย่างนี้หล่อนจะไปไหนรอด เขาขุดหลุมลึกฝังวิมาลากลบดินเรียบร้อยแล้ว

เธอตกหลุมรักผู้ชายที่ไม่ควรรัก…

ห้องประชุมขนาดใหญ่มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านเดินเข้ามานั่งประจำตำแหน่ง โต๊ะยาวจัดเป็นรูปตัวยู โดยมีประธานกรรมการบริหารอย่างปิญชาน์ยืนอยู่หัวโต๊ะ พร้อมกับภรรยาสาวสวยที่ยืนข้างกัน

เธอพยายามแย้มยิ้มให้เป็นธรรมชาติ ทั้งที่ใจสั่นไหวด้วยความกลัว ไม่เคยอยู่ท่ามกลางคนใหญ่คนโตของบ้านเมือง มือชื้นเหงื่อจนต้องแอบเช็ดกระโปรง ขยับเข้าใกล้สามีมากกว่าเดิม ไม่กล้ากวาดตามองทั่วห้องด้วยซ้ำ

อยากขอเขากลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้…

แต่ชายหนุ่มคงไม่ให้ตนกลับ เพราะเขาวาดมือโอบเอวภรรยา พร้อมแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ทั้งที่ทราบเป็นอย่างดีจากการไปร่วมยินดีกับงานมงคลสมรสของทั้งสอง

หญิงสาวคือคู่หมั้นของปิญชาน์ที่อยู่ในตำแหน่งนานหลายปี จนในที่สุดก็ได้แต่งงาน

หลายคนไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรักมั่นคงขนาดนี้ เพราะเขาสามารถคว้าใครมานอนข้างกายก็ได้ แต่กลับซื่อสัตย์เพียงหญิงผู้เดียวมาโดยตลอด

“ผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ คนที่อยู่ข้างผมคืออรลภัสญาเป็นภรรยาของผม และจะเข้ามาช่วยดูแลบริษัทในตำแหน่งเลขาส่วนตัว...ของผม” ตำแหน่งที่หญิงสาวไม่ทราบมาก่อน จนเหลือบมองเขาด้วยความตระหนก

หากเขาให้เธอมาทำงานด้วยทุกวันต้องแย่แน่ หญิงสาวพยายามยิ้มแย้มไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นถึงความกังวลของตัวเอง

“ตัวติดไม่ห่างเลยนะครับ” รองกรรมการบริหารเอ่ยแซวพลางยิ้มกริ่ม เพิ่งเคยเห็นอีกฝ่ายแสดงความรักกับภรรยาต่อหน้าธารกำนัล

“ใช้เวลาในที่ทำงานเป็นเหมือนการฮันนีมูนครับ ช่วงนี้ยุ่งไม่มีเวลาไปเที่ยวกันสองคน ทุกคนคงจะไม่ว่าอะไรนะครับ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง ก่อนจะนั่งข้างกันพร้อมพูดอย่างผ่อนคลายเมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มประชุม ไม่อยากให้เครียดจนเกินไป

“พวกเราจะกล้าว่าอะไรคะ ได้เห็นท่านประธานกับภรรยาในบริษัทก็เหมือนดูละครในชีวิตจริง” ใบหน้าอันงดงามของสามีภรรยาทำให้คนมองคิดว่ากำลังดูละครหนึ่งเรื่อง ช่างเหมาะสมกันเสียเหลือเกิน

ไม่ว่าจะหน้าตาหรือชาติตระกูล ไม่มีใครเหมาะกับปิญชาน์ไปมากกว่าอรลภัสญาแล้ว

ซึ่งเขาก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน คนที่เสพติดความสมบูรณ์แบบ พึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้ภรรยาซึ่งเข้ามาส่งเสริมกันและกัน

เขาหันมายิ้มหวานให้หล่อน แล้วค่อยผินหนากลับ ไม่ทันเห็นแววตาหวาดหวั่น นึกกลัวว่าหากความจริงเปิดเผย ความรักของเธอที่มีต่อเขาจะช่วยได้หรือเปล่า

หากปิญชาน์รักหล่อนก็คงจะดี…

“งั้นเริ่มประชุมเลยครับ”

เพียงแค่คำเดียว ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะเริ่มการประชุมทันที โดยมีสายตาของท่านประธานมองไม่คลาดสายตา ส่วนวิมาลาที่เพิ่งได้เข้าประชุมอย่างเคร่งเครียดครั้งแรกก็ถึงกับยกมือกุมขมับ

ทุกเรื่องที่ฟังเข้าหูยากเกินไป แต่เธอก็พยายามทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยในฐานะของอรลภัสญาก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่าง

“เหนื่อยไหมคะ” เดินเข้าห้องทำงานของเขาก็เอ่ยถามสามีที่นั่งอยู่ในห้องประชุมสามชั่วโมงเต็ม เขาไม่ได้ลุกไปไหนมีเพียงหล่อนที่ออกมาเดินเล่นบ้างเพราะเมื่อย ซึ่งเขาอนุญาตโดยไม่ติดใจอะไร

ตอนแรกกลัวหญิงสาวจะไม่มาด้วยซ้ำ ยังดีที่คราวนี้หล่อนยอมตามใจเขามาประชุมด้วย หลายครั้งที่ชวนตอนอรลภัสญาเรียนปริญญาตรี เพราะอยากแนะนำเธอกับคนในบริษัท แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“ไม่ค่ะ” เมื่อประตูห้องปิดลง เอวคอดก็ถูกคว้าเข้าไปใกล้ร่างหนา พร้อมโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตที่แก้มนุ่มจนเธอไม่ทันตั้งตัว

“อ่ะ อาชาน์ปล่อยพริมนะคะ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น” เธอขืนตัวออก แต่เขาก็ยังกอดเอวบางแน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“เข้ามาเห็นก็ช่างประไร เราเป็นสามีภรรยามีอะไรที่ต้องกลัว อาอยากกอดหนูพริมแบบนี้มานานแล้ว อยากจูบ อยากดมกลิ่น หนูพริมของอา” เมื่อได้อยู่ใกล้กันก็ยิ่งต้องการ อยากครอบครองหญิงสาว ต้องการเห็นเธออยู่ในสายตาตลอดเวลา

“ไว้ทำที่บ้านนะคะ”

“หึหึ ถึงบ้านต้องทำตามที่พูดนะ” เธอพยักหน้าตกลง จากนั้นจึงรีบผละห่างเมื่อเลขาของเขาเคาะประตูแล้วนำอาหารเที่ยงมาให้ทั้งสองคน

เหมือนว่าตอนนี้วิมาลาชินกับการใช้ชีวิตเป็นอรลภัสญาเสียแล้ว

เพียงแค่เข้ามาในห้องนอน เรือนร่างงดงามก็ถูกเขาอุ้มมาวางบนเตียงทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะขึ้นคร่อมทาบทับ พร้อมซุกหน้าลงที่ซอกคอขาวแล้วสูดดมกลิ่นหอมที่หวานละมุน

“อ่า อาชาน์ อาบน้ำก่อนสิคะ” ครางเสียงแผ่วแล้วพยายามผลักใบหน้าคมออกห่าง พร้อมบอกเสียงสั่นยามที่มือของเขาสอดเข้ามาในเสื้อของตน แล้วบีบเคล้นทรวงอกนุ่มซึ่งอยู่ใต้เสื้อชั้นในตัวโปรด

“เข้าไปทำในห้องน้ำก็ได้ อาไม่อยากเสียเวลา” หมายจะอุ้มหล่อนจากเตียง ทว่าหญิงสาวก็ผละออกห่างเขา พลางโทษสามีที่แววตาเต็มไปด้วยความต้องการ

เหมือนเสือที่จำศีลมาตลอด พอเจอเนื้อชิ้นงามกินเท่าไหร่ก็เหมือนไม่พอสักที

“ทำไมอาชาน์หื่นแบบนี้ล่ะ”

“เพราะอารอหนูพริมมาตลอด รอมาหลายปี...วันนี้หนูพริมเป็นของอาแล้ว เป็นของอาแค่คนเดียว” คว้าร่างแบบบางมากอดเอาไว้แน่น กลับตาลงพร้อมปรากฏใบหน้าของใครบางคนที่เขาไม่เคยลืมเธอได้เลย

ผู้หญิงที่เป็นดั่งดวงใจ แม้หล่อนจะจากไปหลายปีก็ตาม

“ใบปอ...ปอ” ดวงหน้าหวานที่เผลอไผลไปกับสัมผัสวาบหวามถึงกับชะงักยามได้ยินชื่อหญิงอื่นจากปากเขา

คนที่ปิญชาน์รักก็ยังเป็นแฟนเก่าที่จากไปนาน ทว่าไม่อาจทำให้ความรักที่เขามอบให้หล่อนหายไปสักที…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel