บทที่๓...ไม่เคยลืมอดีต (๑)
บทที่๓...ไม่เคยลืมอดีต
ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างวิมาลา ขันฤดีจะได้รับการดูแลดุจดั่งเจ้าหญิง ตื่นเช้ามาก็ไม่ต้องรีบออกไปทำงาน เข้าห้องน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งใบหน้าให้
สวยงามแล้วจัดชุดไว้ให้สามีที่ยังไม่ตื่น
เมื่อคืนเขากลับค่ำเพราะต้องประชุมกับแต่ละแผนกเพื่อโปรเจคใหญ่ที่ทำร่วมกับรัฐบาล หล่อนไม่ค่อยทราบว่าหลักการทำงานของเขาเป็นอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่คอยนวดเพื่อให้เขาคลายความเมื่อย
ตนเคยทำงานนวดแผนไทย ไปร่ำเรียนกว่าสามเดือนจนได้ใบประกาศนียบัตรเพื่ออนุญาตให้ทำงานทางด้านนี้โดยเฉพาะ ทำให้ปิญชาน์ชมว่าเธอเก่งไม่หยุด
สร้างความภูมิใจแก่หล่อนเป็นอย่างมาก ถึงเธอจะเป็นเพียงแค่ตัวแทน แต่เรื่องนี้เขาชมถึงความสามารถของเธอ นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกำลังชมผู้หญิงที่ชื่อวิมาลา ไม่ใช่อรลภัสญา…
“เช้านี้คุณพริมจะรับประทานอะไรดีคะ” หย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องอาหารซึ่งเสิร์ฟขนมไว้คอยท่า ก่อนถามคุณผู้หญิงของบ้านเพื่อจะได้บริการตามความต้องการของอีกฝ่าย
อรลภัสญามาบ้านดำรงฤทธิ์ไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่มาก็ไม่ค่อยเสวนากับบรรดาแม่บ้านเท่าไหร่ เธอมักขลุกตัวอ่านหนังสือในห้องทำงานของคู่หมั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หญิงสาวแทบไม่เคยยิ้มเลยด้วยซ้ำ ราวกับถูกบังคับให้มาที่นี่
แต่ตอนนี้เธอกลับต่างออกไป กลายเป็นคนยิ้มง่ายใจดี ชอบขลุกอยู่ในห้องครัวเพื่อเรียนรู้การทำอาหารเอาใจสามี กลายเป็นที่ประทับใจของเหล่าแม่บ้าน
นับถือหล่อนเป็นคุณผู้หญิงจากใจจริง…
“แซนวิชก็ได้ค่ะ” เธอไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ชินกับการไม่กินข้าวเช้าเพราะต้องออกไปทำงานตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสาง
ชีวิตของวิมาลาต่างจากอรลภัสญาราวฟ้ากับเหว ครั้งแรกที่เธอเห็นหญิงสาวก็ตกใจเหมือนกันที่หน้าตาของเราคล้ายกันอย่างมาก เว้นก็แต่จมูกและริมฝีปาก จนต้องผ่านการผ่าตัดตกแต่งใบหน้า
ให้เหมือนราวเป็นคนเดียวกัน จนกระทั่งปิญชาน์ยังจับไม่ได้…
“ขอนมกล้วยให้หนูพริมด้วย” เสียงทุ้มดังจากทางเข้าห้องอาหาร เธอจึงเหลียวมองสามีที่สวมชุดที่ตนเตรียมไว้ให้ ปากอวบอิ่มยกยิ้มมีความสุข
ไม่ใช่เพียงแค่เขาที่เตรียมชุดให้หล่อน แต่หญิงสาวก็เลือกเสื้อผ้าให้ปิญชาน์ได้เช่นกัน ทั้งเขายังหยิบมันมาใส่อีกด้วย หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยมีความรัก ทว่ารักนั้นกลับเป็นไปไม่ได้ จึงย้ำเตือนถึงสถานะของตัวเองเสมอว่าหล่อนเป็นแค่เด็กในสลัม อย่าอาจเอื้อมหวังสูงเอื้อมมือเด็ดดอกฟ้า
แต่คราวนี้กลับต่างออกไป
ถึงเธอจะไม่ได้อยู่ในชื่อวิมาลา แต่กลับได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่นเป็นครั้งแรก สัมผัสยามร่วมรัก เสียงแหบพร่าเอ่ยข้างหู ตราตรึงในความทรงจำจนหล่อนไม่อาจลืมได้
อยากอยู่ในสถานะนี้ไปอีกแสนนาน…
เธอยอมเป็นตัวแทนของอรลภัสญาหรือกระทั่งแฟนเก่าของเขาอย่างรมย์นลิน เพียงแค่ได้อยู่กับปิญชาน์ก็พอ
เหมือนว่าผ่านไปเพียงแค่เดือนเดียว หล่อนก็มอบหัวใจให้ชายหนุ่มไปเสียแล้ว ทั้งที่เคยอึดอัดกับการถูกบังคับ แต่รู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยความห่วงใยและใส่ใจ
“ค่ะคุณผู้ชาย” มือหนาโอบรอบลำคอระหง พลางโน้มหน้ามาจุมพิตที่แก้มนุ่มเป็นการทักทายยามเช้า
เขาวาดวงแขนหมายจะกอดหล่อน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวตามลงมาข้างล่าง หลังแต่งงานกันเธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่อ่อนโยนมากกว่าเดิม
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้อรลภัสญาไม่ใช่หญิงสาวที่จะทำตามคำสั่งเขาง่ายๆ วันจัดงานนึกว่าหล่อนจะโวยวาย แต่กลับตามน้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ราวกับคนละคน…
แต่เขากลับชอบคนนี้มากกว่า
“นมกล้วยอะไรกันคะ พริมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” เธอส่งค้อนให้เขาแต่ปากกลับแต้มยิ้มมีความสุข หลังผ่านค่ำคืนอันแสนสุขมาด้วยกันหลายคืน เหมือนว่าช่องว่างของเราร่นเข้ามาใกล้กัน
เธอชอบที่ตอนกลางคืนได้กอดร่างหนาด้วยร่างกายที่ไร้เสื้อผ้าขวางกั้น
“หนูพริมชอบ อารู้” เลือกนั่งข้างหล่อนแทนการไปนั่งหัวโต๊ะ ร่างสูงเอาแต่เหลียวมองเสี้ยวหน้าหวาน แล้วยกนิ้วขึ้นสัมผัสแก้มนุ่มด้วยความเอ็นดู
เธอเหมือนรมย์นลินเหลือเกิน ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขาและยังตราตรึงอยู่ในใจจนถึงวันนี้
อรลภัสญาก็เช่นเดียวกัน เธอคือผู้หญิงที่คล้ายกับแฟนเก่าเขาทุกอย่าง จนเหมือนว่าได้อยู่ด้วยกัน…
“กลิ่นหอมมากเลยค่ะ” รอไม่นานนมกล้วยก็วางเสิร์ฟตรงหน้า เธอรีบยกขึ้นเป่าควันร้อนแล้วดื่มเพื่อเป็นการชิมความอร่อย เพราะไม่เคยกินมาก่อน
หญิงสาวถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านมชนิดนี้จะอร่อยอย่างคาดไม่ถึง
“อื้อ! อร่อยมากเลย หอมหวาน...” เอ่ยชมรสชาติ ทำให้ร่างสูงนึกแปลกใจกับอาการเหล่านั้น
“หนูพริมดื่มบ่อยแล้วนะ ทำอย่างกับเพิ่งดื่มครั้งแรก...หรือฝีมือน้าสานจะพัฒนา” เธอจึงรีบไว้ท่าที เพิ่งนึกได้ว่าตนไม่ใช่วิมาลาแต่เป็นอรลภัสญาที่ได้ดื่มนมรสชาติอร่อยนับครั้งไม่ถ้วน
“น่าจะเพราะพริมไม่ได้ดื่มบ่อยค่ะ อาชาน์จะไปทำงานตอนไหนคะ” รีบวางแก้วนมลงบนโต๊ะ พลางยกผ้าขาวขึ้นซับปาก แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที
เธอเกือบปล่อยไก่ให้เขาจับได้แล้ว…
วิมาลาเริ่มหวงแหนชีวิตแสนเพียบพร้อมที่มีปิญชาน์เป็นสามี หล่อนไม่อยากจากเขา จึงคิดจะเล่นละครตลอดไป
เมื่ออรลภัสญามอบชีวิตนี้ให้หล่อนแล้ว ก็ต้องเล่นสมบทบาท สวมรอยไปให้ได้นานที่สุด
ถ้าเขารักเธอ ถึงรู้ความจริงก็คงให้อภัย
“วันนี้อาลางาน จะอยู่กับหนูพริม” คำตอบของชายหนุ่มทำให้หล่อนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วก้มมองชุดที่แต่งเต็มยศจนนึกฉงนมากกว่าเดิม
“อยู่กับพริมทำไมคะ” หล่อนอยู่บ้านคนเดียวมาเป็นเดือน ทั้งยังสามารถเข้ากับแม่บ้านได้อย่างดี ไม่ต้องอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาหรอก
“ใช้ช่วงเวลาข้าวใหม่ปลามันไง หนูพริมไม่อยากอยู่กับอาเหรอ” เขารีบเลื่อนเก้าอี้ของหล่อนมาใกล้ แล้วโอบเอวบางเอาไว้ พลางคลอเคลียที่แก้มนุ่ม ก่อนจุมพิตที่ปากหยักเป็นการปิดท้าย ได้กลิ่นหอมของนมกล้วยจนอยากละเลียดริมฝีปากจิ้มลิ้มชิมความหวานกลมกล่อม แต่อดใจไว้ก่อนดีกว่า
เขายังมีเวลาอยู่กับเธออีกแสนนาน…
“เปล่าค่ะ”
“งั้นก็อยู่กับอานะคะ”
“ค่ะ” เจอสายตาออดอ้อนของปิญชาน์ มีหรือที่หล่อนจะไม่ใจอ่อน กลั้นยิ้มจนปวดแก้มแล้วเลื่อนมือไปที่เนกไทสีอ่อน หากเขาอยู่บ้านก็ไม่ควรใส่ชุดนี้หรือเปล่า
“ถ้าไม่ไปทำงาน อาชาน์เปลี่ยนชุดดีไหมคะ ชุดนี้จัดเต็มไปไม่เหมาะกับการอยู่บ้าน” เอ่ยท้วงขณะที่เขาส่ายหน้าทันที พร้อมทั้งจดจ้องดวงตากลมอย่างหลงใหล
เธอเหมือนเดิมแต่ก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี
“ไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ เมียจัดให้ทั้งทีอาจะเปลี่ยนทำไม” คำพูดของเขาบ่งบอกถึงความสำคัญของหล่อน จนดวงตากลมแวววาวเป็นประกาย ความสุขเอ่อล้นหัวใจเมื่อคิดว่าชายตรงหน้าเป็นของตน
“อาชาน์…” เธอยกมือไปประคองใบหน้าคม เขาเองก็วางใบหน้าลงบนมือบางเช่นเดียวกัน สบตากันอย่างมีความหมาย
เธอรักเขาเข้าให้แล้ว…
ทั้งที่ไม่ควรรักผู้ชายตรงหน้า เพราะตนมาทำงานโดยใช้ร่างกายของตัวเองตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างอรลภัสญา
กลับตกหลุมพรางที่ขุดซะอย่างนั้น หวังเพียงแค่ต่อจากนี้ปิญชาน์จะรักตนบ้าง
“พรุ่งนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น หนูพริมไปบริษัทกับอานะ จะได้แนะนำในฐานะภรรยาให้ทุกคนรู้จัก” คำชวนที่สร้างความหวาดหวั่นให้แก่วิมาลาเป็นอย่างมาก หล่อนไม่อยากไปบริษัทของเขาเพราะเกรงว่าตนจะเผลอทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือเปิดช่องให้เขาสงสัยว่าหล่อนไม่ใช่ตัวจริง
“จะดีเหรอคะ พริมไม่ได้ทำงานบริษัทของอาชาน์”
“แต่หนูพริมคือเมียของอา” ยืดกายตรงแล้วกระตุกแขนหญิงสาว จนเธอยอมลุกจากเก้าอี้ แล้วโอบเอวคอดให้มานั่งตักหนาซึ่งหล่อนยอมทำตามโดยง่ายดาย แขนเรียวโอบรอบลำคอหนา
เดี๋ยวนี้พวกเขาใกล้ชิดกันโดยไม่เก้อเขิน เมื่อความสัมพันธ์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เธอก็ต้องเปลี่ยนแปลงตาม
จนตอนนี้เริ่มเชื่อแล้วว่าตนคือภรรยาของปิญชาน์ ดำรงฤทธิ์ เจ้าของอาณาจักรขนาดใหญ่อย่าง DX Group ซึ่งมีบริษัทในเครือทั้งอสังหาริมทรัพย์และคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ
กิจการของเขาแทบจะครองประเทศอยู่แล้ว โดยที่ชายหนุ่มไม่มีญาติหรือทายาทสืบทอดกิจการเลยสักคน คุณแม่ทั้งหลายจึงหมายปองเขาให้บรรดาลูกสาว
ทว่าคนที่ได้ครอบครองกลับเป็นอรลภัสญา ซึ่งหมั้นหมายกันมาหลายปีจนกระทั่งได้แต่งงาน…
กระนั้นก็ยังมีหลายคนเอาลูกสาวมาใส่พานถวายถึงมือเขาไม่เลิก ขอเพียงแค่ตำแหน่งบ้านน้อยก็ยังดี
“ค่ะ”
แต่สำหรับปิญชาน์ต้องเป็นอรลภัสญาเท่านั้น
เพราะใบหน้าของเธอ เหมือนรมย์นลินราวกับเป็นคนเดียวกัน เขาจึงเชื่อมาตลอดว่าคนรักเก่ากลับชาติมาเกิด…
คำว่าอยู่กับเธอทั้งวันไม่ใช่ความจริงสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มต้องประชุมอยู่ที่ห้องทำงานตลอดเวลา พบหน้าเพียงแค่เวลารับประทานอาหารเที่ยง หรือหล่อนทำของว่างมาให้เขาเท่านั้น
แต่เมื่อตกดึก ร่างแบบบางก็ถูกดึงเข้าไปกอด คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะรังแกหล่อน จึงปล่อยให้ภรรยานอนหลับสบาย แต่ก็ต้องตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงคนข้างกายละเมอ
เอ่ยชื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาไม่เคยลืมเลือนออกจากใจ
“ไม่ ไม่ ปอ ใบปอ...” มือหนาคว้าได้เพียงแค่อากาศ จนคนที่ตื่นต้องรีบจับมือเขาเอาไว้แล้วบีบแน่นเหมือนเป็นการปลุก ทว่าร่างสูงยังคงอยู่ในห้วงฝันที่ชัดเจนจนเผลอนึกว่ามันคือความจริง
เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมตามไรผมทั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็น จนหล่อนนึกกังวลว่าเขาจะไม่ตื่น จึงรีบผุดนั่งพลางเขย่าตัวให้อีกฝ่ายได้ตื่นจากความฝัน
“อาชาน์คะ อาชาน์”
“ไม่!” แผดร้องเสียงดังพร้อมลุกนั่งบนเตียงพลางหอบหายใจถี่เหมือนวิ่งมาราธอนสิบกิโลเมตร เหลียวมองคนที่นอนข้างกายกันมาตลอดแล้วโผเข้ากอดทันที
ราวกับว่าหล่อนคือคนที่เขาฝันถึง…
“อาชาน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ลูบแผนหลังหนาเป็นการปลอบปะโลม ทว่าชื่อที่ได้ยินกลับต่างออกไปจากทุกวัน
“ใบปอ”
นั่นคือชื่อของแฟนเก่าเขา ผู้หญิงที่ชายหนุ่มไม่เคยลืม จนดวงหน้าหวานซีดเผือด หัวใจอ่อนแรงคล้ายจะหยุดเต้นทุกวินาที ไม่มีแรงกระทั่งจะยกมือโอบกอดเขาตอบ
“อาชาน์...อื้อ” เธอพยายามเรียกเขาเพื่อให้ได้สติ ทว่าริมฝีปากกลับถูกปิดด้วยความอุ่นนุ่มจากปากหยัก เคล้าคลึงจนหล่อนเผลอเคลิ้มตามอารมณ์ ก่อนที่เขาจะผละออก
“หนู หนูพริม” ประคองดวงหน้าหวานแล้วเรียกชื่อเธอถูกต้องสักที
วิมาลาที่อยู่ในคราบอรลภัสญาจึงฝืนยิ้มมุมปาก ไม่ใคร่ยินดีกับคำเรียกนั้นเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าเขาเรียกเธอด้วยชื่อของแฟนเก่า
“ค่ะ พริมเอง อาชาน์ฝันร้ายแบบนี้บ่อยไหมคะ” เมื่อเห็นดวงตาคมที่กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้ล่องลอยในภวังค์เหมือนเมื่อครู่ก็พรูลมหายใจด้วยความโล่งอก
“ไม่หรอก”
“เดี๋ยวพริก...พริมจะกล่อมอาชาน์เองนะคะ ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า อาชาน์นอนลงนะคะ” เธอพาเขาเอนกายลงนอนอีกครั้ง เผลอเรียกชื่อตัวเองจนต้องรีบเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หวังว่าชายหนุ่มคงไม่ได้ยิน
ดวงตาคมจ้องกรอบหน้าหวานไม่ละหนี นอนตะแคงข้างมองหล่อนอยู่อย่างนั้นด้วยความรักใคร่ แต่เขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเห็นใครในตัวของเธอหรือเปล่า
ราวกับว่ารมย์นลินซุกซ่อนอยู่ในนั้น
ความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานาน ความรักที่เธอมอบให้เขาเพียงผู้เดียว หญิงสาวคือคนที่ตนรักใช่หรือเปล่า
มุมปากสวยยกยิ้มยามที่ปิญชาน์เอาแต่มองหล่อนเหมือนเด็ก เธอนอนตะแคงข้างหันหน้าหาเขาเช่นเดียวกัน ยอมให้ชายหนุ่มซุกกายเข้าใกล้ ใบหน้าคมอยู่ที่อกนุ่ม ก่อนเขาจะเลิกเสื้อนอนของหล่อน แล้วซบหน้าที่ดอกบัวคู่งาม