บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ความรู้สึกดังกล่าวปรากฏอยู่บนใบหน้า มันเป็นความจริงประการหนึ่งที่ว่า นอกเหนือจากความรู้สึกต่อต้านด้วยคำพูดที่ไม่ต้องการแต่งงานแล้ว ลึกลงไปในใจ เธอปรารถนาที่จะได้คู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปอย่างยืดยาวและได้รับความรักจากผู้ชายคนนั้นทั้งหมด มันก็มีอยู่บ้างในบางช่วงของชีวิตที่เธอมีความรู้สึกว่า ได้พบกับเขาคนนั้นแล้วแต่ก็ได้พบว่ามันมีความแตกต่างทางด้านพื้นฐานของความคิดเห็นอยู่ ความสัมพันธ์เหล่านั้น ซึ่งก็คล้ายกับความสัมพันธ์ของผู้ชายผู้หญิงคู่อื่น ๆ ได้สิ้นสุดลงในเวลาอันรวดเร็ว เลสลี่รู้ว่าตัวเองมีความระแวดระวังในเรื่องนี้อย่างมากในบางครั้ง เธอก็บังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า เธอได้ตั้งความหวังในเรื่องนี้ไว้มากจนเกินไปหรือเปล่า แต่ขณะนี้เธอยังมิได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้สำหรับการแต่งงานเลยแม้แต่น้อย

เธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของป้าที่เดินเข้ามาในห้อง จึงลืมตาขึ้น ได้กลิ่นหอมของน้ำชาที่ชงใหม่ ๆ อวลอบอยู่ และถ้วยชาใบหนึ่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะใกล้มือ ขณะเดียวกันป้าของเธอก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเตาผิง

“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างล่ะ ระยะหลัง ๆ นี่ป้าไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรจากเขาเลยนะ” แพตซี่เอ่ยถามถึงความเป็นไปของครอบครัว

“ตอนนี้พ่อกับมิลลี่ แล้วก็ลูก ๆ ไปพักผ่อนที่คอนโดมิเนี่ยมของเขาในฮาวายค่ะ ก็สบายดีกันทุกคน” ทั้งพ่อและแม่ต่างก็แต่งงานไปใหม่แล้วทั้งคู่ ภายหลังจากที่ได้หย่าร้างกัน ตอนที่เลสลี่อายุได้ 14 ปี และต่างคนต่างก็มีลูกใหม่ไปแล้ว

นับแต่วัยเด็ก เลสลี่อยากจะมีพี่ชาย และน้องสาวมาโดยตลอด แต่ทว่าการที่จะต้องมีน้องซึ่งเกิดจากพ่อและแม่อื่น เป็นความเจ็บช้ำสำหรับเธออย่างมาก ความเจ็บช้ำนั้นพอ ๆ กับการที่ทั้งพ่อและแม่พยายามดึงทึ้งเธอ ต่างคนต่างก็มองดูเธอราววัตถุ ต้องการที่จะได้ความรักจากเธอเพียงคนเดียว และต่างก็ริษยาในความรักที่เธอมอบให้ การแต่งงานและการหย่าร้างของบุคคลทั้งสอง ดูเหมือนจะใช้เลสลี่เป็นประหนึ่งสนามรบ ดังนั้นเธอจึงเจริญวัยขึ้นมาบนความไม่น่าพอใจ แทบจะไร้ความทรงจำถึงความสุขในวัยเยาว์ด้วยซ้ำ

“ฮาวาย...” เสียงป้ากล่าวซ้ำ “รู้สึกว่ามันเป็นสถานที่เหมาะแก่การหนีหิมะกับความหนาวได้ดีไม่น้อยเลยนะ”

“พอพ่อรู้ว่าหนูขาหัก พ่อก็เตรียมซื้อตั๋วเครื่องบินจะให้หนูบินไปพักอยู่ที่นั่น” สีหน้าที่เคร่งขรึมบอกให้รู้ว่าเลสลี่มีความรู้สึกต่อการชวนนั้นอย่างไร “ป้าก็คงรู้ดีนะคะว่าช่วงคริสต์มาสน่ะมันเป็นยังไง ใคร ๆ ก็พยายามจะข่มคนอื่นด้วนกันทั้งนั้น แล้วก็ร่ำร้องว่าของขวัญที่ตัวได้รับราคามันไม่แพงเท่าที่ตัวซื้อให้ นอกจากนั้นก็มีแต่งานปาร์ตี้ไม่ได้หยุดหย่อน ไปที่ไหน ๆ ก็เห็นแต่จัดตกแต่งประดับประดากันทั้งนั้น” เธอสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วยกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น “เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องเล่าหรอกนะคะ พ่อรู้สึกผิดหวังอย่างแรงเลยพอหนูบอกว่าไม่ไป” เธอเปล่งเสียงหัวเราะขื่น ๆ ออกมา “พ่อคิดว่าหนูจะต้องไปอยู่กับแม่ตอนช่วงวันหยุดนี่ แม่ก็เหมือนกัน อุตส่าห์ขับรถจากบัลติมอร์มานิวยอร์คเพื่อที่จะมารับหนูไปอยู่ด้วย แต่แล้วก็โมโหกลับไปอีก เพราะคิดว่าหนูจะต้องไปอยู่ฮาวาย”

“ก็แล้วทำไมหนูถึงไม่บอกเขาไปตามตรงล่ะ ว่าหนูจะมาอยู่กับป้า” แพตซี่เลิกคิ้วมองหน้าหลานสาวอย่างแปลกใจแกมขบขัน

“หนูก็บอกนะคะ แต่ไม่เห็นมีใครเชื่อหนูเลยสักคน” เลสลี่ไหวไหล่ “ต่างคนต่างคิดว่าการที่หนูพูดอย่างนั้นก็เพราะไม่อยากทำให้เขาเสียใจ”

“แม่กับพ่อหนูน่ะนิสัยไม่ได้ผิดกันเลย ต่างคนต่างก็เจ้าแง่แสนงอน ใจร้อน โมโหง่าย แล้วก็หึงหวงกันมาก” น้ำเสียงของแพตซี่ บอกความเสียใจอยู่ “เพราะฉะนั้นคนที่เลือกแต่งงานกับคนที่มีนิสัยตรงข้ามน่ะมันดีกว่ามาก เพราะคนหนึ่งจะได้มีอิทธิพลเหนืออีกคนหนึ่ง”

“ป้าคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือคะ” เลสลี่ออกจะแปลกใจ

“คนเราน่ะมันจำเป็นจะต้องมีพื้นฐานของความรักและความเข้าใจในกันและกัน แต่ก็จะต้องมีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แก่กันด้วย”

“ค่ะ หนูคิดว่าที่ป้าพูดมาน่ะมีเหตุผลดีมากทีเดียวนะคะ ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งไม่พยายามจะเปลี่ยนนิสัยของอีกฝ่ายหนึ่ง แต่จะยังไงก็ตามทีเถอะ หนูก็ดีใจแล้วละค่ะ ที่ได้มาอยูที่นี่ และหนูก็ขอบคุณอย่างมากเลยค่ะ ที่ป้ายอมให้หนูมาอยู่ด้วย”

“บ้านนี้น่ะมันบ้านเก่าใหญ่โตมาก เพราะฉะนั้นมันก็ย่อมจะมีที่ว่างสำหรับหนูเสมอ หนูอยากจะมาอยู่เมื่อไหร่ก็มาเถอะ ยิ่งกว่านั้น ป้าก็ไม่ได้วางแผนอะไรไว้สำหรับวันหยุดในช่วงคริสต์มาสด้วย ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่บ้านเงียบ ๆ ถ้าหนูอยากจะมีต้นคริสต์มาสสักต้นก็ได้นะ เลสลี่”

“ไม่เอาหรอกค่ะ หนูไม่ใคร่เชื่อเรื่องเหลงไหลอย่างนั้น” เลสลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หนูคิดว่าเมื่อมาถึงเวลานี้ คริสต์มาสมันก็หมดความหมายไปแล้ว “หนูคิดว่าเมื่อมาถึงเวลานี้ คริสต์มาสมันก็หมดความหมายไปแล้ว มีแต่เรื่องของการตกแต่งประดับประดา เรื่องของของขวัญ แล้วก็งานเลี้ยง หนูว่ามันเป็นข้ออ้างที่จะจัดงานเลี้ยงรื่นเริงมากกว่าที่จะทำด้วยเหตุผลแท้จริง”

“เออ...ก็รู้สึกว่าเป็นความคิดที่น่าขัน แล้วก็ประชดประชันอยู่นะ” ป้าของเธอพูดยิ้ม ๆ

“ก็มันจริงนี่คะ” เลสลี่ยืนยัน “ปรกติน่ะสินค้าที่จำหน่ายนเทศกาลคริสต์มาส จะไม่เคยถูกนำออกมาตั้งโชว์จนกว่าจะเลยวันขอบคุณพระเจ้าไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่ทันถึงเทศกาลฮอลโลวีนเลย ก็ตั้งขายกันเกร่อไปหมดแล้ว หนูว่าเราควรจะล้มเลิกเทศกาลคริสต์มาสเสียด้วยซ้ำ”

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เศรษฐกิจก็แย่น่ะสิ” แพตซี่ อีแวนส์ พูดเสียงเบา และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย “แล้วเรื่องงานของหนูล่ะ ดูเหมือนเจ้านายเขาจะเข้าใจแล้วก็ให้หนูลาป่วยจนกว่าจะถึงปีใหม่ใช่ไหม” “ค่ะ ที่จริง มิสเตอร์แชมเบอร์เองก็มีแผนการที่จะไปร่วมประชุมนักขายตั้งเดือนอยู่แล้ว และปรกติ เขาก็มักจะหยุดช่วงก่อนหน้าคริสต์มาสสัก 2-3 วัน เพราะฉะนั้นหนูก็เลยไม่ใคร่จะมีงานทำเท่าไรนัก นอกเสียจากคอยตรวจดูจดหมายกับรับโทรศัพท์เท่านั้น เพราะมันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว” เธอรู้จักนายจ้างของตัวเองดีพอ ว่าการที่เขาให้เธอหยุดได้นั้น มันเป็นผลดีแก่ตัวเขาทั้งในด้านหนทางปฏิบัติและเศรษฐกิจ

“ถ้าเช่นนั้น ก็เท่ากับได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย หนูเองก็ไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องขับรถกลับไปกลับมาระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ในขณะที่อากาศมันไม่ดีอย่างนี้ ก็ดี จะได้มีโอกาสพักรักษาตัว” ป้าของเธอให้เหตุผล

“ค่ะ” ออกจะโชคร้ายอยู่ที่เธอเกิดมาขาหักตอนช่วงนี้ของปี แต่บางทีมันก็อาจจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดก็ได้เพราะเลสลี่ไม่สนใจกับวันหยุดตามเทศกาลนี้อยู่แล้ว ความไม่พอใจอาจจะฝังรากลึกมาแต่วัยเยาว์ก็ได้ ปรกติแล้วเธอก็จะหาทางหลีกเลี่ยงด้วยการทำงาน หรือทำธุระอย่างอื่นแทนมาเสมอ

เธอยกถ้วยชาขึ้นจิบ และพยายามจะไม่คิดถึงเทศกาลนั้น

เทศกาลคริสต์มาสดูจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะหมุนวิทยุไปสถานีไหนก็จะได้ยินแต่เสียงเพลงประจำเทศกาลทั้งสิ้น หลังจากลองหมุนคลื่นวิทยุอยู่เป็นเวลาเกือบชั่วโมง ซึ่งก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เลสลี่จึงล้มเลิกความคิด และปิดวิทยุลง นับแต่วันที่มาถึงจนบัดนี้เธออ่านหนังสือจบไป 2 เล่มแล้ว เลสลี่ชอบอ่านหนังสือก็จริง แต่มิใช่อ่านตลอดเวลา

ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เธอจึงเอื้อมไปหยิบไพ่มาสำรับหนึ่ง ยกขาข้างที่หักขึ้นมาพาดอยู่กับเก้าอี้ในครัวและลงมือถอดไพ่เพื่อเป็นการฆ่าเวลา จนกว่าป้าจะกลับมาจากการไปซื้อของ เลสลี่ไม่อยากจะอยู่บ้านตามลำพังเช่นนี้เลยถ้าทำได้

เสียงเคาะที่ดังขึ้นตรงประตูบ้านด้านข้างทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่ได้ยินเสียงรถที่ขับเข้ามา ไม่มีเสียงฝีเท้าที่ขึ้นบันไดมายังประตู และไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นตรงหน้าต่างครัวที่หันหน้าออกไปยังทางรถวิ่งเลสลี่เก็บไพ่เข้ากองเอาวางไว้ตรงปลายโต๊ะ เอื้อมไปหยิบไม้ค้ำสอดเข้าไว้ใต้ซอกแขน และก้าวยาว ๆ ไปยังประตูแผ่นกระจกที่ปิดครึ่งบนของประตูไว้มีเกล็ดหิมะจับอยู่เต็ม ทำให้เลสลี่มองไม่เห็นว่ามีใครยืนอยู่ข้างนอกประตูนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel