ระฆังดวงดาว

70.0K · ยังไม่จบ
Readed
30
บท
394
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เลสลี่ หญิงสาวที่พ่อกับแม่ของเธอหย่าร้างกันตั้งแต่เธออายุ 14 ปี เธอจึงตั้งใจว่าจะยังไม่มีความรักและการแต่งงาน เพราะประสบอุบัติเหตุหกล้มขาหัก เธอจึงเดินทางจากแมตฮัตตันไปยังบ้านของ แพตซี่ อีแวนส์ป้าของเธอในชนบทแห่งเวอร์มอนท์เพื่อพักฟื้น ที่นั่นเธอพบกับทักก์ วิลเลี่ยมส์ พ่อหม้ายรูปหล่อและฮอลลี่ ลูกสาววัย 6 ขวบเพื่อนบ้านของป้า ความมีเสน่ห์ของเขาทำให้หัวใจของหล่อนหวั่นไหว

นิยายรักนิยายรักโรแมนติกรักหวานๆดราม่าโรแมนติก

บทที่ 1

แสงอาทิตย์ที่ส่องสะท้อนอยู่บนขอบถนนที่ปกคลุมอยู่ด้วยเกล็ดหิมะหนา ๆ ทำให้ดวงตาของเลสลี่พร่าเลือนด้วยแสงระยิบระยับของมัน เธอขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ ขณะที่มือหนึ่งก็ล้วงลงไปในกระเป๋าถือที่วางอยู่บนเบาะข้างตัวควานหาแว่นกันแดด ขณะเดียวกันก็มิได้ละสายตาจากท้องถนน รถกวาดหิมะได้ออกมาทำความสะอาดเมื่อสามวันก่อนสันนิษฐานได้จากกองหิมะที่ละลายเป็นน้ำโคลนอยู่ตามแนวไหล่ถนน แต่กระนั้นก็ยังมีแผ่นน้ำแข็งหนา ๆ ที่รถมิได้กวาดออกจากหน้าถนนจนหมดสิ้น

และเลสลี่ก็ไม่ต้องการที่จะประสบอุบัติเหตุด้วยการที่รถจะต้องพลิกคว่ำลง เพราะความลื่นของถนนอีกทั้งนี้เพราะการเกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวสำหรับฤดูหนาวปีนี้เป็นสิ่งที่เกินพอแล้ว เมื่อได้แว่นกันแดดที่ต้องการ เธอก็รีบยกขึ้นสวมทันที ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนค่อยคลายจากการรบกวนอันเกิดจากแสงสะท้อนของหิมะที่ขาวโพลนกับแสงอาทิตย์ที่ปกคลุมอยู่บนเส้นทางชนบทแห่งเวอร์มอนท์ลงบ้าง

เมื่อมาถึงทางแยก เลสลี่ก็ชะลอความเร็วของรถลงหิมะที่เริ่มละลายหยาดหยดจากกิ่งไม้ลงสู่หลังคารถ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นเบา ๆ รถพิคอัพสกปรกคันหนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งคงจะเคยเป็นสีเขียวขับผ่านไปช้า ๆ เลสลี่เคาะนิ้วอยู่กับพวงมาลัยอย่างรำคาญ ขณะที่รอให้มันแล่นผ่านทางแยกนั้นไปก่อน

ความเมื่อยล้าจากการที่ต้องขับรถทางไกลจากแมนฮัตตันเริ่มปรากฏให้เห็น มันเป็นทั้งความเมื่อยขบบวกกับอาการปวดขา และเลสลี่ก็ต้องขยับตัวให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม แต่เฝือกหนา ๆ ที่ใส่ไว้บนขาข้างซ้ายดูจะจำกัดความเคลื่อนไหวอยู่ ออกจะโชคดีอยู่บ้างที่ภายในรถคันนี้มีที่กว้างพอจะยืดขาออกไปได้บ้าง แต่กระนั้นอาการปวดหนึบก็เกิดขึ้นซึ่งทำให้เธอต้องกัดฟันทน ในกระเป๋าถือนั้น เลสลี่มีขวดยาระงับปวดติดมาด้วย ซึ่งจะต้องรับประทานตามคำสั่งแพทย์ แต่เนื่องจากทุกครั้งที่กินยาเข้าไปเธอจะรู้สึกง่วง ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมกิน เชื่อว่าจะทนปวดได้จนกว่าจะถึงบ้านของป้า แต่ปรากฏว่าอาการปวดเริ่มจะหนักหนากว่าที่เธอคิดไว้

รถพิคอัพคันนั้นผ่านไปแล้ว และเลสลี่ก็หักเลี้ยวเข้าสู่ทางแยกบนทางหลวง พยายามบอกตัวเองว่าอีกไม่กี่ไมล์ก็จะถึงที่หมายแล้ว เพราะเธอเริ่มเห็นยอดโบสถ์ที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือยอดแมกไม้ที่อยู่ไกลออกไป

สำหรับหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มีลักษณะของนิว อิงแลนด์ อยู่มาก ทั้งโบสถ์ที่ยอดเป็นทรงเรียวแหลม รายล้อมด้วยแมกไม้เขียวขจี กับบ้านรูปทรงเก่า ๆ ซึ่งได้รับการบำรุงรักษาไว้อย่างดีเยี่ยม จิตรกรมากมายได้บรรจงวาดภาพของเมืองลักษณะนี้ลงบนผืนผ้าใบ ซึ่งทำให้คนแปลกหน้าก็มีความรู้สึกอบอุ่น ราวกับว่าตัวเองได้กลับมาเห็นบ้านอีกครั้ง

แต่เลสลี่มิใช่คนแปลกหน้า และมิได้มองชนบทแห่งนี้เป็นเช่นบ้านของตนเองด้วย เมื่อเธอขับรถเข้ามาใกล้บ้านของป้า ซึ่งเป็นบ้านแบบวิคตอเรี่ยนสองชั้น ซึ่งอยู่นอกชุมชนของหมู่บ้านออกไปนั้น เธอมองเห็นว่ามันเป็นสถานสำหรับพำนักพักพิงชั่วคราว สถานที่ซึ่งใช้พักผ่อนในขณะที่รักษาตัวจากขาหัก และหลีกเลี่ยงจากความวุ่นวายของวันหยุดในเดือนธันวาคมเท่านั้น

สภาพของถนนในชนบทแห่งนี้ บอกให้รู้ได้ว่ามิได้มีการกวาดหิมะออกให้หมด แม้ว่าจะมีรถกวาดหิมะวิ่งเข้าวิ่งออกอยู่บ้างก็ตาม เลสลี่ลดความเร็วลงเพื่อที่จะเลี้ยวเข้าสู่ถนนซอย แทบจะไม่ทันสังเกตเห็นผู้ชายคนที่กำลังลากเลื่อน ซึ่งมีเด็กหญิงแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายสีแดงอยู่ในสนามใกล้ ๆ เสียงยางบดอยู่กับพื้นถนนที่ฉาบอยู่ด้วยหิมะแข็ง ๆ ขณะที่เธอขับรถเข้าไปตามทางวิ่ง และไปหยุดอยู่ตรงประตูด้านข้างของตัวบ้าน

เลสลี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถอดแว่นกันแดดออก ยกมือขึ้นลูบปอยผมสีน้ำตาลทอง ที่หลุดร่วงออกมาจากมุ่นมวยที่เกล้าไว้ต่ำ ๆ แนบท้ายทอย เมื่อเดือนธันวาคมผ่านไปอากาศก็จะอบอุ่นขึ้น อย่างน้อยก็เหนือจุดเยือกแข็ง ดังนั้น เลสลี่จึงไม่สนใจที่จะหยิบเสื้อคลุมสีน้ำตาลครั่ง ซึ่งพาดอยู่กับพนักเก้าอี้ขึ้นมาสวม เพราะมันจะยิ่งทำให้ความเคลื่อนไหวในการที่จะลากขาข้างที่ใส่เฝือกไว้ออกจากรถได้ยากขึ้น

ไม้พาดอยู่กับประตูรถ ดังนั้น เธอจึงเอื้อมมือไปลากมันมาด้วย แล้วจึงเปิดประตูรถออก ค่อย ๆ เลื่อนขาไปทางด้านหนึ่ง เพื่อให้มีเนื้อที่มากพอที่จะเหวี่ยงขาซ้ายลงจากรถโดยไม่กระแทกเข้ากับประตูได้

เสียงฝีเท้ากับเสียงเลื่อนที่ถูกลากมาตามถนนที่ปกคลุมอยู่ด้วยหิมะ เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า บุคคลที่เป็นเพื่อนบ้านของป้ากำลังเดินใกล้เข้ามา ในขณะที่เธอกำลังหยั่งขาลงบนพื้นดินเพื่อทดสอบก่อนจะยืนเต็มตัว ดูเหมือนเธอจะยังไม่คุ้นชินกับการทำเช่นนี้เท่าไรนัก ดังนั้นเลสลี่จึงไม่ใคร่พอใจที่จะมีใครมาเห็นเข้า การที่จะก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผยในขณะที่ขาหักนั้นดูมันจะเข้ากันไม่ได้เลย

รอยยิ้มของเธอเหลือฝืนเต็มที เมื่อเขาคนนั้นปรากฏร่างขึ้นให้เห็นโดยลากเลื่อนมาด้วย เลสลี่พยายามบังคับตนเองมิให้แสดงความรำคาญออกมาขณะที่หันไปทางเขา บุรุษผู้มีเรือนกายค่อนข้างสูงประมาณหกฟุตเห็นจะได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อจะมองหน้าเขา และก็ได้เห็นรอยยิ้มที่กระจายอยู่ตรงหางตาและในดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้น แสงแดดในฤดูหนาวได้ช่วยเพิ่มความคมเข้มให้กับใบหน้าที่คมสันและเป็นสีน้ำตาลคล้ำจากแสงตะวันในฤดูร้อนยิ่งขึ้น เรือนผมสีดำสนิทเป็นประกายนั้นค่อนข้างยุ่งด้วยแรงล้อของสายลม

ถ้าไม่เป็นเพราะความเมื่อยขบจากการที่ต้องขับรถมาเป็นเวลานาน กับความรู้สึกปวดแปลบที่เกิดอยู่กับขาแล้วเลสลี่ก็อาจจะพอมีอารมณ์ที่จะมองเห็นความหล่อของเขาบ้าง แต่ขณะนี้เธอมีความคิดเพียงแค่ว่า เขาเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น และเธอต้องการจะเข้าบ้านกินยา และล้มตัวลงนอนพักผ่อนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

แววตาที่เป็นประกายคู่นั้นบอกความเป็นมิตรอยู่ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตเห็นความรู้สึกรำคาญที่ อำพรางอยู่ภายใต้รอยยิ้มสุภาพที่เธอส่งมาให้ สังเกตเห็นโหนกแก้มที่ค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูเด่นสะดุดตา และกับความกลมมนของหัวเข่าตรงที่ชายกระโปรงระอยู่

“ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ” เขาแสดงความเอื้อเฟื้อและยื่นมือออกมาให้เธอเกาะเพื่อพยุงตัวไว้ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเธอเกาะอยู่กับประตูรถ

“ขอบคุณค่ะ” เลสลี่พูดเสียงเบา เมื่อทรงตัวอยู่บนขาข้างเดียวได้

“คุณคงเป็นเลสลี่นั่นเอง” เขาลองเดา จับแขนเธอไว้เบา ๆ จนเมื่อเธอมั่นใจกับการทรงตัวแล้ว “ผมชื่อทักก์วิลเลี่ยมส์ แล้วนี่ลูกสาวผมชื่อฮอลลี่ เราอยู่บ้านถัดไปนี่เองครับ”

“สวัสดีค่ะ” มันเป็นคำทักทายตามมารยาท ซึ่งแทบจะไม่มีความหมายอะไรแฝงอยู่เบื้องหลังเลย เลสลี่มิได้มีความตั้งใจที่จะแสดงความหยาบคาย หรือความไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด เธอเพียงแต่รู้สึกอ่อนเพลีย และเจ็บปวดตรงขาที่ได้รับอุบัติเหตุเท่านั้น

เด็กหญิงตัวน้อยปีนลงจากเลื่อนแล้ว และกำลังบุกหิมะเข้ามาเพื่อที่จะดูเฝือกบนขาซ้ายของเลสลี่อย่างใกล้ชิดสาวน้อยอายุได้หกขวบ ใบหน้าที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ถูกล้อมกรอบไว้ด้วยหมวกสีแดงของเสื้อคลุมสีเดียวกันซึ่งขลิบด้วยเฟอร์สีขาว เจ้าหล่อนสวมกางเกงสีแดงกับรองเท้าบู๊ทสีขาวเข้าชุดกัน และยังสวมถุงมือขนสัตว์สีขาวไว้ด้วยดวงตาเป็นสีฟ้าเข้มกว่าบิดา ล้อมไว้ด้วยแผงขนตาสีดำงอนงาม

“ฮอลลี่ ช่วยเอาไม้ค้ำออกมาให้คุณผู้หญิงทีสิลูก” ทักก์ วิลเลี่ยมส์ ถือเป็นธุระ และหันไปสั่งลูกสาวเสียเองเพื่อที่เลสลี่จะได้ไม่ต้องเขยกเข้าไปเอาไม้ค้ำอีก

“ได้ค่ะ” สาวน้อยป่ายปีนเข้าไปในรถและลากไม้ค้ำโลหะออกมาส่งให้เลสลี่

“ขอบใจมากจ้ะ” เลสลี่รับไม่ค้ำมาสอดเข้าไว้ใต้ซอกแขน ให้มันรับน้ำหนักตัวเธอไว้

“คุณได้รับอุบัติเหตุจากเล่นสกีหรือคะ” สาวน้อยถาม

“โอ...มันไม่ได้หรูหราอะไรอย่างนั้นหรอกนะ” เลสลี่ตอบ “บังเอิญมันมีแผ่นน้ำแข็งอยู่บนทางเดินหน้าอพาร์ตเมนท์ ฉันก็เลยลื่นหกล้ม แล้วขาก็เลยหัก”

“คงเจ็บแย่เลยนะคะ” สายตาของหล่อนบอกความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง

“ก็เจ็บมากจริง ๆ” เลสลี่ตอบไปตามความเป็นจริงเพราะผู้ถามคือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งในวันข้างหน้าย่อมจะเป็นผลดีที่ให้แกได้รู้ความจริงไว้ กว่าการที่จะแสแสร้งหรือพูดปด

เสียงสายยูดังขึ้น และประตูบ้านก็ถูกผลักให้เปิดออกสตรีร่างสูงเรือนผมสีเทาเงินยืนอยู่เบื้องประตูนั้น นุ่งกางเกงหลวม ๆ สีน้ำตาล กับเสื้อไหมพรมคอตลบตัวหนา ซึ่งสวมทับเสื้อตัวในสีน้ำตาลอมส้มไว้

“เธอมาถึงแล้วละค่ะ คุณนายอีแวนส์” เด็กหญิงที่ชื่อฮอลลี่กระวีกระวาดเดินไปยังประตูพร้อมกับตะโกนบอกป้าของเลสลี่ “หนูเห็นตั้งแต่ตอนที่เธอขับรถเข้ามาเลยค่ะ”

“แล้วหนูก็เดาได้เลยใช่ไหมล่ะว่า จะต้องเป็นหลานสาวของฉัน หนูฉลาดจริง ๆ ฮอลลี่” ในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน มันจึงเป็นนิสัยของแพตซี่ อีแวนส์ ที่จะชมเชยการรู้จักสังเกตของเด็กหญิง และแล้วก็หันไปทักทายหลานสาวว่า “เป็นไงเลสลี่ เดินทางสะดวกไหม”

“ค่ะ ดีใจอยู่บ้างที่การจราจรมันคล่องตัวหน่อย” เส้นทางที่ปกคลุมด้วยหิมะทำให้ออกจะเป็นการลำบากสำหรับเลสลี่ที่จะพยายามทรงตัวไว้ เพื่อเดินไปเปิดประตูหลังรถ ลากกระเป๋าเดินทางออกมา

“เดี๋ยวผมช่วยยกกระเป๋าเข้าไปให้ดีกว่า” ทักก์ วิลเลี่ยมส์เดินเข้ามาช่วย

“ขอบคุณมากค่ะ” ครั้งนี้รอยยิ้มของเธอดูจะมีความจริงใจด้วยรู้สึกขอบคุณเขาอย่างแท้จริง ซึ่งดูเหมือนดวงตาคู่คมปลาบก็สังเกตเห็นในสิ่งนี้อยู่เหมือนกัน แต่เลสลี่มัวแต่ขยับไม้ค้ำเพื่อจะเดินเข้าบ้าน ดังนั้นจึงมิได้สังเกตเห็นแววแห่งความสนใจที่ปรากฏอยู่

“ส่วนใหญ่รถจะเข้ามาในช่วงวันหยุด ตอนที่นักสกีลงมากัน” ป้าของเธอตอบการตั้งข้อสังเกตของเลสลี่และจับตามองดูอยู่ด้วยความห่วงใย ขณะที่เลสลี่เขยกเข้าไปในตัวบ้าน