ตอนที่ 6
ตั้งแต่วันนั้นวันที่ผมคุยงานกันเอฎา ผมดำเนินการถ่ายภาพและทำกราฟฟิกให้กับเธอเพื่อโปรโมทร้านเบเกอรี่ของเธอ ถ่ายภาพเมนูขนมและเครื่องดื่มเป็นที่ถูกใจเธอ ทุกอย่างผมสรรค์สร้างให้เธอจนสุดความสามารถที่ผมมี จากการเริ่มคุยงานกันตั้งแต่ครานั้น มันแปรเปลี่ยนทำให้เราสนิทกันมากขึ้น บางอย่างเกี่ยวกับงานมันคือข้ออ้างที่ผมใช้เพื่อให้ได้เจอเธอ ผ่านมาจนตอนนี้ก็ร่วมเดือนเต็มแล้วที่ผมและเธอได้พูดคุยสนิทชิดเชื้อกันจนเราทั้งคู่สามารถติดต่อกันผ่านแอพไลน์ไว้คุยกัน เอฎาหรือหนูดาที่ผมชอบเรียกจนชินปากเป็นผู้หญิงน่ารัก สดใส รอยยิ้มที่ทำให้โลกทั้งใบเต็มเปี่ยมไปด้วยความชุ่มฉ่ำ เธอทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ด้วยท่าทีน่ารักสดใสของเธอที่แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งการเสแสร้งแสดงมัน
"วันนี้หนูดา จะทำอะไรให้พี่ชิมครับ" เธอชวนผมมาที่ร้านเพื่อชิมขนมเค้กที่เธอบอกว่าเป็นเมนูใหม่ของร้าน
"หนูดา จะทำเค้กชาเขียวค่ะ...ไปนั่งรอเลยค่ะ"
ผมเดินมานั่งรอตรงโต๊ะ อิริยาบถต่าง ๆ ของเธอมันดูน่าหลงใหลจนผมอดที่จะมองไม่ได้ เธอไม่ได้สนใจอะไรผมมากนัก เธอเคยหน้าส่งยิ้มเป็นครั้งคราว สิ่งเดียวตอนนี้ที่เธอสนใจคือการมุ่งมั่นทำเค้กชาเขียวเท่านั้น ....
...จนในที่สุดเค้กชาเขียวก็ถูกเสิร์ฟวางลงตรงหน้าผม พร้อมกับเอฎาสาวน้อยในวัยยี่สิบห้าที่มีหน้าตาน่ารักทรงเสน่ห์กับรอยยิ้มหวานๆ
"พี่แซมลองชิมสิคะ" เธอเอ่ยพร้อมใบหน้าที่เหมือนลุ้นรอคำติชมอย่างจดจ่อ
"ชิมเลยนะ" ผมตักเค้กเข้าปากด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่อยากจะเบิกตากว้างร้องบอกว่ามันอร่อยนุ่มลิ้นมาก แต่ขอแกล้งเธอหน่อยแล้วกัน จากสีหน้าที่เธอแสดงออกมาบ่งบอกว่าเธอนั้นเป็นกังวล
"เป็นไงบ้างคะ" เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างต้องการคำตอบ ใบหน้าหวานๆ เมื่อมองในระยะประชิดมันทำให้หัวใจของผมเต้นโครมคราม ปกติลักษณะอาการแบบนี้เมื่อเข้าใกล้ผู้หญิงผมจะไม่เป็นแต่กับสาวน้อยเอฎาคนนี้ เธอทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น
"อร่อยครับ นุ่มลิ้นมาก" ผมตอบเธอตะกุกตะกักด้วยความเขินอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"เฮ้อ....โล่งอก" เธอผ่อนลมหายใจออกเฮือกใหญ่พร้อมกับขยับไปนั่งในท่าปกติตามเดิม ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้กับกิริยาของเธอที่เหมือนเด็ก
"มันขนาดนั้นเลยหรอหนูดา " ผมพูดแกมหัวเราะและส่ายหัวเบาๆ
"ก็หนูดาไม่มั่นใจนี่คะ...เพิ่งเคยทำเค้กชาเขียวครั้งแรก"
"พี่เป็นหนูทดลองให้หนูดาหรอเนี่ย...พี่จะตายไหม แค่กๆๆ" ผมแกล้งไอกระอักกระอ่วนบีบคอตัวเอง
"นี่แหน่ะๆ..."
"พอแล้ว เจ็บแล้วครับ" เธอฟาดฝ่ามือเล็กๆ ลงต้นแขนของผมถี่มากจนตอนนี้ผมเริ่มแสบผิว
"พี่แซมอ่ะไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ"
"ล้อเล่นๆ...อร่อยมากครับ"
"อื้ออออออออ หนูดาเจ็บนะคะ"ด้วยความหมั่นเขี้ยวผมบีบจมูกเธอเบาๆ ก็มันอดไม่ได้นี่ครับ ก็หนูดาของผมเธอน่ารักขนาดนี้
(((หนูดา))) ผมและเธอหันไปมองยังเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อหนูดานางฟ้าของผม เป็นผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งที่เดินสับขามายังจุดที่เราทั้งคู่ยืนอยู่
"แม่..." หนูดาเอ่ยขึ้น ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าแม่เดินมาหยุดยืนข้างเธอ "พี่แซมนี่แม่หนูดาเองค่ะ"
"สวัสดีครับ" ผมเอ่ยพร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แม่ของหนูดารับไหว้แต่ด้วยสายตาที่ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
"แม่คะ นี่พี่แซมค่ะคนที่ทำภาพและถ่ายรูปโปรโมทร้านให้หนูดา" แม่ของเธอมองผมด้วยหางตาก่อนจะหันไปพูดกับหนูดา
(จะกลับหรือยังลูก...วันนี้แม่ชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านเรา แม่เลยแวะมาหาหนูดาจะได้เข้าบ้านพร้อมกัน)
"งั้นเดี๋ยวหนูดา ตามแม่ไปทีหลังได้ไหมคะ หนูดาขออยู่คุยงานกับพี่แซมอีกสักพัก"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่ หนูดากลับบ้านกับคุณแม่เถอะ...พี่จะไปทำธุระที่อื่นต่อเหมือนกัน นัดลูกค้าไว้" ผมรีบพูดขึ้นเพราะจากสีหน้าของแม่หนูดาแล้วผมพอจะดูออกมามันสื่อถึงอะไร
"แต่พี่แซมคะ...."
"งั้นผมลานะครับ" ผมรีบพูดแทรกพร้อมยกมือไหว้แม่ของหนูดา หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากมาจากตรงนั้นทันที
(เรามีเรื่องต้องคุยกัน หนูดา) ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนพ้นประตูเสียงของแม่หนูพูดขึ้นก่อนที่ผมจะรีบก้าวเท้าเดินออกมา แม่หนูดาไม่ชอบผม ผมดูออก