3
“พ่อไม่ค่อยสบายลูก อีกหน่อยก็หาย เพลงไม่ต้องเป็นห่วงพ่อนะลูก ไหนได้อะไรจากเมืองนอกมาฝากพ่อบ้าง ลูกสาวพ่อ ดูสิ ไม่เจอกันไม่กี่ปี ตัวโตขึ้นตั้งเยอะ แน่ะ แล้วยังสวยเหมือนแม่ของลูกสมัยสาวๆ ด้วย” กำพลบอกลูกสาวแล้วพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเซียวมีรอยยิ้มจางๆ ให้เธอ
“เพลงมีปริญญาโทมาฝากคุณพ่อค่ะ แล้วก็ภาพวาดของครอบครัวเรา ที่เพลงวาดเองด้วยค่ะ แต่คุณพ่อต้องรอหน่อยนะคะ เพราะเพลงส่งมาทางเรือรวมกับข้าวของอื่นๆ ค่ะ”
เพราะข้าวของที่ติดตัวมานั้น แทบจะไม่ได้ครึ่งของที่ถูกส่งมาทางเรือ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานศิลป์ที่เธอทำขึ้นเอง ด้วยความชอบส่วนตัว เมื่อว่างเว้นจากการเรียน
“พ่อภูมิใจในตัวลูกจริงๆ เลย” น้ำตาผู้พ่อเอ่อไหลออกมาให้ลูกสาวเห็นเพราะห้ามเอาไว้ไม่ไหว จนหญิงสาวต้องเอากระดาษคอยซับให้
“พี่พีไปไหนคะคุณพ่อ เพลงไม่เห็นตั้งแต่เพลงมาคราวก่อนแล้ว ทำไมพี่พีไม่มาดูแลคุณพ่อคะ”
เพราะเมื่อครั้งก่อนที่กลับมา พ่อบอกว่าส่งพี่ชายไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลียจะได้เอากลับมาใช้บริหารงานของครอบครัว หญิงสาวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะจะโทรศัพท์คุยกับพี่ชายค่อนข้างบ่อย หรืออย่างน้อยก็เดือนละครั้ง แต่พี่ชายจะเป็นฝ่ายโทรหาทุกครั้ง เพราะเธอโทรมาที่บ้านก็ไม่เคยเจอพี่ชายเลย
“เพลงพ่อขอโทษนะลูก ที่การกลับมาของลูกครั้งนี้ ทุกๆ อย่างที่บ้านเรามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ลูกหวังเอาไว้ พ่อเฝ้ารอวันที่ลูกพ่อ กลับมาหลายปีแล้ว ลูกคือที่พึ่งสุดท้ายของพ่อ” กำพลพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยยิ่งนัก
“มีอะไรกันคะ ทำไมคุณพ่อพูดอย่างนี้คะ”
“เดี๋ยวนี้บ้านเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะลูก! ”
พูดได้แค่นั้น น้ำตาของกำพลก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีก และก็เผยความอ่อนแอให้ลูกสาวได้เห็น จนทำให้เธอมีสีหน้าที่กังวลกับอาการของพ่อ
“ผมว่าคุณท่านพักก่อนเถอะครับ แล้วผมจะเล่าให้คุณเพลงฟังเอง หมอไม่อยากให้คุณท่านคิดอะไรมาก” โป่งเข้ามาพยุงเจ้านาย ที่ไอค๊อกๆ ทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลออกมาไม่ขาด
“คุณพ่อพักก็ได้ค่ะ เพลงไม่กวนคุณพ่อแล้ว เอาไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะคะ” เธอเห็นด้วยกับโป่ง แล้วก็ช่วยโป่งพยุงร่างของพ่อให้ลงไปอยู่ในท่านอนเหมือนเดิม
“เพลงไปพักเถอะลูก พ่อไม่เป็นอะไรมากแล้ว พ่ออยากอยู่คนเดียว”
กำพลปิดเปลือกตาลงเพื่อเป็นการหนีความละอายใจที่มีต่อลูกสาว ผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยแม้แต่น้อย
“คุณพ่อเป็นแบบนี้นานหรือยังคะลุงโป่ง” ระพีพรรณเอ่ยถามโป่งทันทีที่ทั้งสองลงมานั่งที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่จับอยู่ตามเก้าอี้
“สามปีที่แล้วครับคุณเพลง” โป่งตอบอย่างไม่เต็มปากนัก
“แล้วทำไมไม่ มีใครบอกเพลงเลยคะ”
“คุณท่านไม่อยากให้คุณเพลงไม่สบายใจครับ และอีกอย่างถ้าคุณเพลงรู้ เดี๋ยวคุณเพลงก็จะคงไม่อยากจะเรียนต่อ เพราะต้องรีบกลับมาดูท่าน จะเสียการเปล่าๆ คุณท่านบอกว่ากลับมาแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นคะ แล้วพี่พีไปไหน ทำไมไม่มาดูแลคุณพ่อคะลุงโป่ง หรือว่าพี่พีเกเรทำเรื่องให้คุณพ่อกลุ้มใจ ใช่มั้ยคะลุงโป่ง”
“คุณเพลงครับ คุณพี!เอ่อ!คุณพีติดคุกอยู่ครับ ติดก่อนที่คุณท่านจะเป็นแบบนี้ไม่ถึงปีครับ”
“อะไรนะคะ ทำไมคะลุงโป่ง ช่วยเล่าให้เพลงฟังหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจที่ได้ยินเรื่องของพี่ชายที่เธอรัก
“คือว่าเมื่อหกปีที่แล้ว คุณพีกับพวกเพื่อนๆ ถูกตำรวจจับข้อหาขับรถชนคนตายครับ คุณท่านก็วิ่งเต้นช่วยเต็มที่ หมดเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ กว่าจะได้ประกันตัว พอประกันตัวได้ คุณท่านก็หาทางเอาเงินไปให้ทางคู่กรณี ไม่รู้เท่าไหร่ กว่าเขาจะยอมตกลงถอนฟ้อง แต่ไม่รู้ยังไงจู่ๆ พวกนั้นก็กลับคำพูด ไม่ยอมตามที่ตกลงไว้ แล้วก็จะเอาเรื่องท่าเดียว และจะแจ้งข้อหากลับคุณท่านด้วย โทษฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน ไอ้พวกที่ได้เงินไปก็เลยหัวหดไปตามๆ กัน เงินที่จ่ายๆ ไปให้พวกนั้นก็สูญหมด คุณท่านก็วิ่งเต้นอยู่นาน ใครแนะนำว่าใครพอจะช่วยได้ท่านก็ทำ เจ้าทนายตัวดีของเราก็แสบ มันให้คุณท่านจ่ายเงินไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้ายก็แพ้คดี คุณพีต้องติดคุก ส่วนมันก็รวยเละไม่รู้กินเงินคุณท่านไปแล้วเท่าไหร่” โป่งหยุดเล่าไว้แค่นั้น
“แล้วยังไงต่อคะ”
“คุณท่านเสียใจมาก ที่ช่วยคุณพีไม่ได้ แล้วช่วงนั้น โรงงานก็ย่ำแย่ เพราะท่านมัวแต่วิ่งเต้นเรื่องคุณพี ก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ คุณกำธรก็เลยไม่ค่อยจะพอใจ ถอนหุ้นออกหมด พอท่านรู้ ท่านก็โกรธมาก ทะเลาะกันใหญ่โตครับคุณเพลง จนเกือบจะฆ่ากันตาย ตอนนี้คุณกำธรก็ตัดพี่ตัดน้องกับคุณท่านแล้วครับ” โป่งเล่าถึงกำธรผู้ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของพ่อเธอ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้
“โธ่! คุณอา! แล้วยังไงต่อคะ”
“หลังจากนั้นไม่นานการเงินที่บ้านก็แย่ครับ คนงานก็กินนอกกินใน ส่วนคุณท่านก็มัวแต่เสียใจเรื่องคุณพีก็เลยไม่ค่อยจะได้สนใจสักเท่าไหร่ พอมารู้ตัวอีกทีก็เล่นเอาแก้แทบไม่ได้ เจ้าหนี้โทรตามไม่เว้นแต่ละวัน ในที่สุดคุณท่านก็เลย เอาบ้านนี้ไปจำนองไว้กับคุณเมธี ที่เป็นลูกค้าที่คุ้นเคยกันครับ แต่ก็ช่วยได้ไม่มากก็แย่ลงอีก ท่านก็เลยเอาหุ้นบริษัทที่ท่านมีไปจำนองไว้กับคุณเมธีอีกครับ”
“แล้วไงต่อคะ”
“พอเอาหุ้นไปจำนองก็ได้เงินมาแต่ลูกค้าที่โรงงานก็หมดความเชื่อถือไปแล้วครับ พากันยกเลิกออเดอร์เกือบหมด ของที่ทำเตรียมส่งลูกค้าก็ไม่ได้ส่ง เพราะเลยระยะเวลาไปนานแล้ว ท่านก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ท่านเสียใจมาก กินเหล้าเมาจนเกิดอุบัติเหตุและเป็นอัมพาตอย่างที่คุณเพลงเห็นนั่นล่ะครับ” โป่งเล่าพร้อมๆ กับน้ำตาคลอเบ้า