15 มันคือผีดิบ
เงาดำนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสัตว์ร้าย ก่อนจะกระโจนลงมาจากบันไดแคบๆ แสงไฟฉายของสิงขรสาดส่องไปที่ร่างนั้นอย่างจัง เผยให้เห็น... ธนา!
ดวงตาสีแดงก่ำของธนาจ้องเขม็งมาที่พวกเขาทั้งสาม มันคำรามต่ำๆ ในลำคอ เสียงนั้นแหบพร่าและน่าขนลุก
“ธนา!?” เกตุศิรินทร์อุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม
“มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” คมกฤชกระซิบเสียงเครียด พร้อมกับชักปืนพกออกมา
สิงขรเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นธนาในห้องใต้ดินลับแห่งนี้ ทุกอย่างเริ่มประติดประต่อกันอย่างรวดเร็ว ธนาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ถอยไปก่อนคุณเกตุ!” สิงขรสั่ง พลางผลักเกตุศิรินทร์ไปด้านหลัง
ธนาไม่รอช้า มันพุ่งเข้าใส่พวกเขาทันที ร่างสูงใหญ่ของมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คนธรรมดาจะทำได้
“ยิงเลยไอ้คม!” สิงขรตะโกน
คมกฤชลั่นไกปืน กระสุนพุ่งเข้าใส่ร่างของธนาหลายนัด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง... กระสุนไม่สามารถทำอะไรธนาได้เลย! มันยังคงพุ่งเข้าใส่พวกเขาด้วยความเร็วเท่าเดิม
“มันไม่เป็นอะไรเลย!” คมกฤชอุทานด้วยความตกใจ
สิงขรรู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับมนุษย์ธรรมดา ธนาต้องเป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้... ผีดิบ!
“หลบเร็ว!” สิงขรร้องเตือน พลางหลบการโจมตีของธนาได้อย่างหวุดหวิด เล็บยาวแหลมคมของมันเฉี่ยวผ่านหน้าเขาไปเพียงนิดเดียว
สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาถูกต้อนให้จนมุมในห้องใต้ดินลับแห่งนี้ โดยมีผีดิบร้ายที่กระสุนปืนทำอะไรมันไม่ได้จ้องเล่นงานอยู่
“เรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ!” สิงขรกล่าวเสียงดัง พลางกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว เขาต้องหาอะไรบางอย่างมาใช้ต่อกรกับธนา
สายตาของสิงขรเหลือบไปเห็นคบไฟที่ยังคงติดอยู่บนผนังอีกด้านของห้อง...
“ทุกคนตามผมมา!!!!” สิงขรชี้ไปยังคบไฟ พลางวิ่งนำไปก่อน
คมกฤชและเกตุศิรินทร์รีบวิ่งตามสิงขรไป ธนาคำรามก้องและวิ่งตามพวกเขามาติดๆ
สิงขรคว้าคบไฟที่กำลังลุกโชนลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับธนา
“แกไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่!” สิงขรตวาด พร้อมกับยกคบไฟที่ลุกโชนเข้าใส่ธนา
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ธนาชะงัก มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อเปลวไฟสัมผัสกับผิวหนังของมัน
“ไฟ! มันกลัวไฟ!” สิงขรตะโกนบอกคมกฤชและเกตุศิรินทร์
คมกฤชรีบจุดไฟจากคบไฟของสิงขรมาถือไว้ในมืออีกอัน เกตุศิรินทร์ยืนตัวสั่นเทาอยู่ด้านหลังพวกเขา มองดูการเผชิญหน้าอันน่าสะพรึงกลัวนี้ด้วยความหวาดกลัว
ธนากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันถอยหลังหนีเปลวไฟ แต่ก็ยังคงจ้องมองพวกเขาด้วยความอาฆาต
“เราต้องหนีออกไปจากที่นี่!” สิงขรกล่าว พลางหันไปมองทางที่พวกเขาลงมา
“แต่ทางนั้นมันแคบมาก!” คมกฤชท้วง
“ไม่มีทางอื่นแล้ว!” สิงขรตอบ
พวกเขาเริ่มถอยหลังไปยังทางเดินแคบๆ ที่นำขึ้นไปสู่ห้องใต้ดินด้านบน โดยมีธนาที่ยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและจ้องมองพวกเขาตามมาติดๆ ความมืดมิดเบื้องบนดูเหมือนจะเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของผีดิบร้ายตนนี้ไปได้...
พวกเขาถอยหลังขึ้นบันไดแคบๆ อย่างรวดเร็ว แสงสว่างจากคบไฟในมือของสิงขรและคมกฤชส่องนำทาง ธนาคำรามก้องตามหลังมา พยายามจะตะครุบพวกเขาด้วยเล็บแหลมคม
“เร็วเข้าคุณเกตุ!” สิงขรเร่งเร้าเมื่อเห็นเกตุศิรินทร์ก้าวขาไม่ทัน
ในที่สุดพวกเขาก็กลับขึ้นมาถึงห้องใต้ดินด้านบน สิงขรรีบผลักชั้นวางของเก่าที่ขวางอยู่หน้าประตูลับกลับเข้าที่เดิม เพื่อถ่วงเวลาไม่ให้ธนาตามขึ้นมาได้ง่ายๆ
“ล็อคประตู!” สิงขรสั่งคมกฤช
คมกฤชรีบหาอะไรมาขวางประตู แต่ประตูลับนั้นบอบบางเกินกว่าจะต้านทานแรงของผีดิบร้ายได้นานนัก
“มันพังประตูแน่!” คมกฤชกล่าวด้วยความกังวล
“เราต้องออกไปจากคฤหาสน์!” สิงขรตัดสินใจ เขามองไปรอบๆ ห้องใต้ดินอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออกอื่น
“ทางนี้!” เกตุศิรินทร์ชี้ไปยังประตูอีกบานหนึ่งที่นำไปสู่ส่วนอื่นของคฤหาสน์
พวกเขาไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังประตูนั้น เปิดออกและพบกับทางเดินยาวที่มืดสลัว
“ไป!” สิงขรนำหน้าวิ่งไปตามทางเดิน คมกฤชและเกตุศิรินทร์วิ่งตามหลังมาติดๆ เสียงคำรามก้องของธนายังคงดังตามมาจากห้องใต้ดินลับ บ่งบอกว่ามันกำลังพยายามหาทางตามพวกเขามา
ขณะที่พวกเขาวิ่งไปตามทางเดิน สิงขรสังเกตเห็นภาพวาดโบราณบนผนัง ภาพเหล่านั้นดูเก่าแก่และมีลวดลายประหลาดคล้ายกับที่สลักอยู่บนมีดโบราณที่พวกเขาพบในห้องใต้ดิน
“ดูนั่น!” สิงขรชี้ให้คมกฤชดู
“ภาพอะไรวะ?” คมกฤชถามขณะวิ่ง
“อาจจะมีความเชื่อมโยงกับเรื่องทั้งหมดนี้” สิงขรตอบ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพิจารณาภาพวาด พวกเขาต้องหนีให้พ้นจากธนาก่อน
พวกเขาวิ่งไปจนสุดทางเดินและพบกับบันไดที่นำขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์
“ขึ้นไป!” สิงขรบอก
พวกเขารีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างไม่คิดชีวิต เสียงประตูลับด้านล่างถูกทำลายดังสนั่น บ่งบอกว่าธนาตามขึ้นมาแล้ว
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน พวกเขาก็พบกับห้องโถงกว้างใหญ่ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้เห็นข้าวของภายในห้องได้รางๆ
“ไปทางไหนต่อ?” คมกฤชถามด้วยเสียงหอบ
“ทางนั้น!” เกตุศิรินทร์ชี้ไปยังประตูอีกด้านของห้อง
พวกเขาวิ่งตรงไปยังประตูนั้น เปิดออกและเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง สิงขรรีบปิดประตูและล็อคกลอน
“มันตามมาแน่” สิงขรกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ?” คมกฤชถาม
สิงขรกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว เขาต้องหาทางต่อสู้หรือหาทางหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้
สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดออกสู่ระเบียงด้านนอก...
“ทางนั้น!” สิงขรชี้ไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดออกสู่ระเบียง “เราหนีออกทางนั้น!”
พวกเขาไม่รอช้ารีบวิ่งตรงไปยังหน้าต่าง สิงขรปีนออกไปที่ระเบียงก่อน ตามด้วยคมกฤชและเกตุศิรินทร์
ระเบียงทอดยาวไปตามด้านข้างของคฤหาสน์ แสงจันทร์ส่องสว่างพอให้พวกเขาเห็นทางได้รางๆ
“ไปตามระเบียง!” สิงขรสั่ง
พวกเขาวิ่งไปตามระเบียงอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามก้องของธนาดังมาจากในตัวคฤหาสน์ มันคงพังประตูตามพวกเขาออกมาแล้ว
“มันตามมาแล้ว!” คมกฤชเตือนเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน
ขณะที่พวกเขาวิ่งไปตามระเบียง สิงขรสังเกตเห็นบางอย่างที่พื้นระเบียงด้านล่าง มันคือเถาไม้เลื้อยขนาดใหญ่ที่ทอดลงไปยังสวนเบื้องล่าง
“นั่นไง!” สิงขรชี้ไปยังเถาไม้ “เราลงไปทางนั้นได้!”
พวกเขาไม่รอช้า รีบปีนข้ามราวระเบียงและเกาะเถาไม้เลื้อยลงไปยังสวนเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อลงมาถึงพื้นสวน พวกเขาก็รีบวิ่งออกห่างจากคฤหาสน์เทวาลัยให้เร็วที่สุด เสียงคำรามของธนายังคงดังตามมา แต่เริ่มแผ่วเบาลงเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไป
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเขตป่าที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์ สิงขรหยุดวิ่ง หันหลังกลับไปมองคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง
“เราปลอดภัยแล้ว...” สิงขรกล่าวด้วยเสียงเหนื่อยหอบ
เกตุศิรินทร์ทรุดตัวลงกับพื้น หายใจหอบถี่ “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัวแบบนี้...”
คมกฤชพยักหน้าเห็นด้วย “ไอ้บ้านั่นมันอะไรกันวะ? กระสุนปืนยังทำอะไรมันไม่ได้เลย”
“มันคือผีดิบ...” สิงขรตอบเสียงเครียด “ตามที่ตำราโบราณกล่าวไว้”
ความเงียบปกคลุมพวกเขาชั่วครู่ ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความหวาดกลัวและความไม่เชื่อ
“แล้วสุริยาวดีล่ะ?” คมกฤชถามขึ้น
สิงขรขมวดคิ้ว “เธอต้องรู้เรื่องนี้... เธออาจจะเป็นคนควบคุมมัน”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไป?” เกตุศิรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
สิงขรมองไปยังคฤหาสน์เทวาลัยอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เราต้องหยุดเธอ” สิงขรกล่าวเสียงหนักแน่น
