บท
ตั้งค่า

16 วันวาน

เช้านี้

ศาสตราจารย์ ฌอง-ปิแอร์และดร.วิกานดา สองนักปราชญ์ผู้เจนจัดในอักขระโบราณ ก็เดินทางมาถึงกรมตำรวจ คมกฤชรีบนำเศษซากศิลาจารึกที่บิ่นแตกจากการเผชิญหน้ากับผีดิบที่คฤหาสน์ครั้งก่อน พร้อมด้วยภาพถ่ายที่บันทึกไว้ มอบให้พวกเขาไขปริศนาที่สลักเสลาอยู่บนแผ่นหินเก่าแก่ ราวกับถอดรหัสคำสาปจากอดีตกาลอันลึกลับ

“อักษรเหล่านี้..มันเก่าแก่มากจริงๆ” ศาสตราจารย์ฌอง-ปิแอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

หลังจากใช้เวลาวิเคราะห์อยู่ครู่ใหญ่ ดร.วิกานดาก็สรุปใจความสำคัญ ศิลาจารึกนี้กล่าวถึงเมืองสิงหปุระบรรพต ที่สร้างขึ้นโดยราชินีผู้ทรงเวทมนตร์... เจ้านางมนทิราณีเทวี เธอเป็นบุตรีของพระเจ้าธรณินทร์ ซึ่งบุตรของพระเจ้าธรณินทร์มีพระราชธิดาสององค์ คือมนทิราณีเทวี และยโสธราเทวี

“มณทิรา มนทิราณีเทวี? มณทิรา” สิงขรทวนคำ

“มณทิรา....ใช่ค่ะมณทิรา” ดร.วิกานดาพยักหน้า

“และที่น่าตกใจคือ... เธอเป็นอมตะ ไม่รู้จักตาย” ดร.วิกานดาบอก

“มณทิราไม่รู้จักตาย!?” คมกฤชอุทาน

“เท่านั้นยังไม่พอ” ศาสตราจารย์ฌอง-ปิแอร์เสริม

“มณทิราเธอยังมีวิญญาณของคนที่ถูกบูชายัญในคืนวันเพ็ญ... มาเป็นสมุนรับใช้”

ทุกคนในห้องถึงกับเงียบงันเมื่อศาสดาจารย์ฌองพูดจบ ความเชื่อมโยงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมา คมกฤชนำรูปวาดโบราณของมณทิราณีเทวีที่พบในคฤหาสน์เทวาลัยมาให้ทั้งสองดูอีก เมื่อศาสตราจารย์ฌอง-ปิแอร์และดร.วิกานดาเห็นรูปสลักนั้นก็ต้องตกตะลึง ดร.วิกานดาอุทาน

“มณทิราหน้าเหมือนคุณสุริยาวดีอย่างกับแกะ!”

คืนนั้นเอง

สุริยาวดีรับรู้ถึงการค้นพบของคมกฤชและคณะผ่านญาณพิเศษของเธอ

“พวกมันรู้เรื่องเมืองสิงหปุระบรรพตแล้ว...” นางพึมพำด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ธนา... ชานนท์... จงไปจัดการพวกมันให้สิ้นซาก!” เธอสั่งสมุนเสียงเข้ม

คมกฤชที่กำลังศึกษาศิลาจารึกอยู่ที่บ้านพัก รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง เขารีบนำของวิเศษที่ได้รับการสืบทอดมาออกมาป้องกันตัว ทันใดนั้นเอง ผีดิบธนาและร่างไร้วิญญาณของชานนท์ก็บุกเข้ามาอย่างดุดัน ของวิเศษของคมกฤชช่วยปกป้องเขาไว้ได้ แต่พวกผีดิบก็ทำลายศิลาจารึกจำลองจนเสียหาย ก่อนจะล่าถอยไป

สุริยาวดีโกรธมากที่สมุนทำงานพลาด

“พวกแกมันไม่ได้เรื่อง!” นางตวาดลั่นคฤหาสน์ด้วยความแค้น

จากนั้นสุริยาวดีจึงสะกดจิตเกตุศิรินทร์ให้มาที่ห้องใต้ดินของคฤหาสน์เทวาลัย

“เธอต้องช่วยพี่!..ยโสธรา!!!” สุริยาวดีกระซิบข้างหูเกตุศิรินทร์ที่อยู่ในภวังค์

“คืนชีพธนา... ให้มันเป็นทาสของพี่ตลอดกาล”

ภายใต้คบเพลิงเรียงรายที่สาดส่องห้องพิธีโบราณ สุริยาวดีในชุดคลุมสีดำสนิทกำลังยืนอยู่หน้าแท่นบูชาหินเก่าแก่ บนนั้นมีร่างไร้วิญญาณของธนานอนแน่นิ่ง ราวกับรูปสลักหิน ดวงตาของสุริยาวดีเปล่งประกายอำนาจมืดมิด ขณะที่เธอร่ายมนต์ด้วยภาษาโบราณที่ฟังดูราวกับเสียงกระซิบของความตาย

เกตุศิรินทร์ในชุดสีขาวบางเบา ยืนอยู่ข้างแท่นบูชา ดวงตาเหม่อลอยไร้แวว สุริยาวดีได้สะกดจิตเธอให้เป็นผู้ช่วยในพิธีกรรมอันน่าสะพรึงกลัวนี้

“ยโสธรา!!!...” สุริยาวดีเอ่ยเสียงต่ำก้องกังวาน

“นำมีดศักดิ์สิทธิ์มาให้พี่” เกตุศิรินทร์เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ราวกับหุ่นเชิด ยกมีดด้ามกระดูกที่มีลวดลายประหลาดขึ้นมามอบให้สุริยาวดี

สุริยาวดีรับมีดมา ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณของธนา

“ด้วยเวชมนต์แห่งข้า... จงคืนชีพผู้รับใช้ของข้าบัดเดี๋ยวนี้!”

จากนั้น สุริยาวดีก็หันไปมองหม้อดินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างแท่นบูชา ภายในมีของเหลวสีแดงข้นคลั่ก

“เลือดบริสุทธิ์...และหัวใจ...” สุริยาวดีพึมพำ ก่อนจะหันมาสั่งเกตุศิรินทร์

“เตรียมพร้อม... เมื่อพี่ท่องเวชมนตร์นี้จบ น้องพี่จงปลุกมันให้ตื่น”

“เจ้าค่ะ...” เกตุศิรินทร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

สุริยาวดีเริ่มร่ายมนต์บทใหม่ เสียงของเธอดังก้องกังวานมากขึ้นเรื่อยๆ มือของเธอเคลื่อนไหวไปมาเหนือร่างของธนา ราวกับกำลังควบคุมสายใยแห่งความตาย

“ขอให้เลือดนี้จงกลับคืนเพื่อไหลเวียนในกายของเจ้า” สุริยาวดีกล่าว ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหม้อเลือดอย่างมุ่งมั่น

“จงตื่นจากการหลับใหล และกลับมาเป็นคนรับใช้ของข้า!”

ทันใดนั้นเอง ของเหลวสีแดงในหม้อก็เริ่มสั่นไหว มีไอสีแดงลอยฟุ้งขึ้นมา สุริยาวดีล้วงมือเข้าไปในของเหลว ดวงตาของเธอเปล่งประกายสีแดงเรืองรอง ก่อนจะนำเลือดจากมือของเธอรินรดลงบนกายของผีดิบธนาเพื่อให้มันคืนชีพอีกครั้งตามพิธีกรรมของเธอ

“สำเร็จแล้วค่ะเจ้าพี่..” เกตุศิรินทร์กล่าวขึ้นเมื่อเธอเขย่าร่างของผีดิบตนนั้นแล้วมีการเคลื่อนไหวตอบรับ สุริยาวดีกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากอย่างน่าสะพรึงกลัว

“ถึงเวลาเจ้ากลับมารับใช้ข้าแล้ว...ธนา” สุริยาวดีบอกเสียงก้องกังวาน

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวชายหนุ่มวัยเบญจเพศหายตัวไปอย่างลึกลับหลายราย ทำให้สิงขรและคมกฤชเริ่มปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสุริยาวดีอย่างแน่นอน

สิงขรตัดสินใจเดินหมากเสี่ยง เขารู้ดีว่าสุริยาวดีเปรียบเสมือนคมดาบที่ซ่อนพิษร้าย แต่การเข้าใกล้เธออาจเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความจริงเบื้องหลังคดีฆาตกรรมอันน่าสะพรึงกลัวและเขาก็ไม่มีทางเลือก

สิงขรแสร้งทำหลงเสน่ห์ของสุริยาวดี ยอมรับคำเชิญไปทานมื้อเย็นที่คฤหาสน์เป็นประจำ ปรนนิบัติตามความต้องการของเธอ ราวกับเป็นผู้ที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง

ในขณะเดียวกัน เกตุศิรินทร์ที่แอบซ่อนความรู้สึกพิเศษไว้ในส่วนลึกของหัวใจ กลับรู้สึกหน่วงในอกทุกครั้งที่เห็นภาพสิงขรคลอเคลียอยู่กับสุริยาวดี ความน้อยใจกัดกินจิตใจเธอทีละน้อย ราวกับเงาที่ทอดตัวตามหลังในยามค่ำคืน เธอได้แต่เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ภายใน เฝ้ามองเขาด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและความห่วงใยอย่างเงียบๆ

ภายใต้แสงเทียนสลัวในห้องอาหารหรูหรา สิงขรแสดงท่าทีสุภาพและคล้อยตามสุริยาวดีทุกอย่าง เธอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตชาติและความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งที่เธอรู้สึกกับสิงขร นายตำรวจหนุ่มเพียงแค่ฟังและพยักหน้าตาม ราวกับต้องมนต์สะกด

“คุณอยากรู้ไหมคะว่าอดีตชาติของคุณเป็นอย่างไร?” สุริยาวดีเอ่ยเสียงหวาน ดวงตาของเธอมองสิงขรอย่างมีความหมาย

สิงขรรู้ว่านี่คือโอกาสที่จะหยั่งลึกเข้าไปในโลกของเธอ จึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

สุริยาวดียิ้มอย่างพอใจก่อนจะเอ่ยขึ้น

“หลับตาลงสิคะ... ปล่อยใจให้สบาย... แล้วฉันจะนำพาคุณไปพบกับอดีตเอง” เสียงหวานกระซิบข้างหูแผ่วเบา ราวกับสายลมต้องใบไม้

ครั้นเมื่อสิงขรลืมตาขึ้นอีกครา มิได้อยู่ในคฤหาสน์อันคุ้นเคยนั้นแล้ว ทว่าจิตวิญญาณของเขากลับล่องลอยสู่ห้วงมิติแห่งอดีตกาล สถานที่นั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาด ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าชวนให้ลมหายใจของเขาพลันหยุดชะงัก

นครอันงามตระการตา ปราสาทราชวังและเรือนรามทำจากศิลาทรายสีชมพูต้องแสงสุริยาแรกอรุณ เปล่งประกายเรืองรอง ท้องนภาสีครามงามสดใส ผู้คนสัญจรไปมาตามท้องถนนอย่างสงบ ใบหน้าและอาภรณ์ของพวกเขาแตกต่าง ทว่ากลับดูเป็นมิตรและสงบงาม

เสียงดนตรีบรรเลงแว่วมาแต่ไกล กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องเทศลอยมาแตะจมูก สิงขรรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาดโบราณที่มีชีวิต

ทันใดนั้นเอง ขบวนเสด็จที่ยิ่งใหญ่อลังการก็เคลื่อนผ่านท้องถนน ผู้คนต่างย่อกายลงเคารพ ช้างศึกประดับประดาอย่างงดงามเดินนำหน้า ตามด้วยเหล่าข้าราชบริพารในชุดสีสันสดใส บนหลังช้างเชือกหนึ่งปรากฏร่างของสตรีสูงศักดิ์ อาภรณ์ทองคำอร่ามจับตา ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา

หัวใจของสิงขรเต้นระรัวอย่างไม่มีเหตุผล ราวกับรับรู้ถึงความสำคัญของบุคคลในขบวนเสด็จนั้น

“มองดูให้ดีสิคะ... ท่านหมื่น...” เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นอีกครั้งข้างหู ราวกับสุริยาวดีกำลังอยู่เคียงข้างเขาในห้วงเวลาแห่งอดีตนี้

สายตาของสิงขรจับจ้องไปยังสตรีสูงศักดิ์บนหลังช้างอย่างไม่อาจละสายตา ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดแล่นริ้วไปทั่วร่าง

“ที่นี่คือสิงหปุระบรรพตที่ ๆ เราสองคนเคยครองรักกัน” เสียงหวานแว่วก้องอยู่ในหู

ในห้วงภวังค์แห่งอดีต หมื่นสุนทรเทวา ทหารเอกแห่งนครสิงหปุระบรรพต ผู้เกรียงไกรกำลังพักจากการฝึกซ้อม สายตาก็พลันต้องมนต์สะกดกับร่างอรชรในชุดไหมแพรสีม่วงอ่อน

นางเยื้องย่างเข้ามาในลานฝึกด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับกินรีลงสรง ดวงหน้างามหมดจดราวกับจันทร์เพ็ญ นั่นคือมนทิราณีเทวี พระธิดาแห่งพระเจ้าธรณินทร์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หมื่นสุนทรเทวารู้สึกราวกับถูกศรแห่งกามเทพปักอกในฉับพลัน หัวใจเต้นระรัวเพียงได้สบเนตร

หมื่นสุนทรเทวารีบเหน็บดาบไว้ข้างกาย พลางก้าวเข้าไปใกล้พระธิดาด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะเอ่ยคำจากห้วงแห่งความรู้สึกอย่างนุ่มนวล

“ยามเมื่อดวงตะวันทอแสงแรก... มิอาจงามเท่าประกายจากดวงเนตรพระธิดา... ข้ากระหม่อมเพียงหวังว่า... ความคะนึงหาในหทัยของข้ากระหม่อม... จะส่งถึงดวงใจพระองค์บ้างมิมากก็น้อย... ถึงได้มาเยือน ณ ที่นี้... เพื่อยลพระพักตร์ให้ชื่นอุรา” หมื่นสุนทรเทวาเอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม ทอดสายตาอบอุ่นไปยังมนทิราณีเทวี ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงนางเท่านั้น เขาเอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างาม

มนทิราณีเทวีทรงแย้มพระสรวลน้อยๆ ราวกับกลีบผกาต้องลม พระเนตรคมกริบดุจดวงดาราจับจ้องกลับมายังเขาอย่างพิจารณา

“คำกล่าวของท่านหมื่นช่างหวานล้ำ...” นางตรัสเสียงแผ่ว

“แต่ความคะนึงหาที่ท่านเอ่ย... นั้นมีแต่ท่านผู้เดียวฤาไม่?”

หมื่นสุนทรเทวายิ้มละไม ดวงตาเป็นประกาย “หากความคะนึงหาของข้ากระหม่อมเป็นดั่งสายฝน... พระธิดาก็คือผืนดินที่ข้ากระหม่อมปรารถนาจะหยาดรดแต่เพียงผู้เดียว... หาได้เผื่อแผ่ไปยังผืนดินอื่นไม่”

พระพักตร์งามของมนทิราณีเทวีแดงปลั่งขึ้นเล็กน้อย นางทรงหลุบพระเนตรลงต่ำเล็กน้อยอย่างเขินอาย ก่อนจะเงยพระพักตร์ขึ้นสบพระเนตรของหมื่นสุนทรเทวาอีกครั้ง

“หากเป็นเช่นนั้น... ความคะนึงหาของข้าที่มีต่อท่าน... ก็คงมิได้น้อยไปกว่าท่านเช่นกัน” นางตรัสเสียงกระซิบแผ่วหวาน ราวกับความลับที่เพิ่งเปิดเผย

“ท่านหมื่นมาฝึกซ้อมแต่เช้า... มีกิจสำคัญอื่นใดให้ต้องรีบไปกระทำฤา?” น้ำเสียงของนางหวานใส ราวกับเสียงกระซิบของสายลมยามเช้า

“ข้ากระหม่อมเพียงต้องการให้ร่างกายพร้อมเสมอพระเจ้าค่ะ หากมีภารกิจใดที่ต้องรับใช้พระองค์และแผ่นดินจักได้ทันการ” หมื่นสุนทรเทวาตอบอย่างนอบน้อม แต่สายตาของเขากลับซ่อนความชื่นชมไว้มิอาจปิดบัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel