ตอนที่ 4 ชะตาลงทัณฑ์
หญิงสาวมองแผ่นหลังเขาที่หายไปในห้อง ทรุดกายลงกับพื้นปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย โหดร้ายนัก! หัวใจเขาทำด้วยอะไรถึงได้ไม่มีแม้แต่ความปราณี
ทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิดหน้าประตูห้องปรางค์ปรียารีบลุกขึ้นและถอยหนีจนชิดผนังห้องด้วยความกลัว และเมื่อเห็นเขาหัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากร่าง กายเธอกำลังสั่นสะท้านออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเวลานี้เขากำลังยืนจ้องมองเธออยู่
ดวงตาสีน้ำทะเลกวาดมองไปทุกสัดส่วนที่แอบซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา ร่างสูงใหญ่ยังคงเดินเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอีกฝ่ายพยายามหนีและสอดส่ายสายตาหาทางเอาตัวรอด
“เธอพยายามร้องให้คนช่วยอย่างนั้นหรือ?”เขาถามในขณะที่กำลังถอดสูทและเกาะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก
ริมฝีปากบางสั่นระริก กายสาวเริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว พิษรักที่เขามอบให้ยังคงฝังตรึงอยู่ในร่าง รับไม่ได้อีกแล้ว ใบหน้าเรียวสวยเริ่มซีดเผือด น้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
ชายหนุ่มชะงักเมื่อปลายเท้าของเขาสะดุดเข้ากับถาดอาหารที่ยังมีอาหารอยู่ครบไม่ได้พร่อง แม้แต่นิดเดียว ตวัดสายตาจ้องคนตัวเล็ก
“ทำไมไม่กินอะไร อยากตายหรือไง!”
“ใช่! ฉันอยากตาย”เธอตอบเขาน้ำตาคลอ
“ฉันไม่ให้เธอตายง่ายๆ หรอก เธอต้องอยู่กับฉันจนกว่าจะเปิดปากว่าลุงเธอมันอยู่ที่ไหน!”เขาตวาด
ร่างบางสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงตวาดกร้าว เขาก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว มือกระชากร่างบางเข้าหาแล้วโอบรัดแนบชิดกายแกร่ง
“อย่าทำอะไรฉันเลย พอแล้ว! ฉันเจ็บแล้ว!”หญิงสาวร้องลั่นออกมาดิ้นรนทุบตีเพื่อให้เขาปล่อย
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับคำทัดทาน ร่างบางถูกลากไปอย่างไม่ไยดีแล้วเหวี่ยงลงบนเตียงกว้าง หญิงสาวรีบกระโจนหนีแต่เขากลับรั้งเอวบางไว้ แล้วพลิกกายพร้อมกับกดตรึงร่างงามแนบกับฟูก ใบหน้าเรียวสวยส่ายไปมาน้ำตาอาบแก้มหัวใจเธอกำลังเต้นระรัวด้วยความกลัว เธออยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ให้เขามาย่ำยีอีกแล้ว
“ฆ่าฉันซะได้โปรด...”เธอร้องขอเขาทั้งน้ำตา
ลุคส์ยิ้มเยาะ โน้มกายเข้าหา ร่างสูงใหญ่ใช้ริมฝีปากสำรวจเรือนร่าง แล้ววนมาจุมพิต มือลูบไล้สำรวจทั่วทุกอณูเนื้อนวล เธอสะอื้นออกมา และพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากเขา ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์เลย
“อี้อ!”เธอร้องออกมาเมื่อกำลังถูกเขารุกรานที่ริมฝีปากด้วยความช่ำชอง
เสื้อเชิ้ตของเขาที่อยู่บนกายเธอหายไปตอนไหนไม่รู้... ช่างเป็นความทรมานที่ใจเธอไม่อยากยินยอม แต่กายกลับทรยศ เสียอย่างนั้น
“ปล่อยฉันเถอะได้โปรด... อย่าทำร้ายฉันอีกเลย”เธออ้อนวอนเขาอีกครั้ง ทันทีที่ริมฝีปากเป็นอิสระ
“อยู่เฉยๆ เถอะ!”เขาดุ
เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเขากำลังทำความต้องการของตัวเอง ทันทีที่เรือนกายแกร่งขยับ เธอได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเสียที ถึงรู้สึกซาบซ่าน แต่เธอก็ไม่ปรารถนาเป็นของเล่นของผู้ชายใจทรามคนนี้
ร่างสูงใหญ่ถอนกายออกจากร่างบางแล้วนอนลงข้างหญิงสาว เขานิ่งงันไปชั่วครู่ และเหลือบมองเมื่อได้ยินเสียงเธอขยับตัวหันหน้าหนี
ปรารถนาที่เขามีต่อหญิงแปลกหน้าช่างมากมายเหลือเกิน... เขาไม่เคยรู้สึกอิ่มที่ได้ลิ้มลอง
ปรางค์ปรียากระชับผ้าห่มคลุมกายแน่น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาด เจ็บจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เช่นไร ยิ่งนอนร่วมเตียงยิ่งรู้สึกรังเกียจ เธอรีบพยุงกายลุกขึ้นจากเตียง แม้จะปวดร้าวทางกายแต่เธอไม่อยากอยู่ใกล้เขา เวลานี้เธอไม่ได้ต้องการอะไร ต้องการเพียงแค่ออกห่างจากเขา...
ดวงตาคมหรี่มอง ร่างบางที่เดินโซซัดโซเซหนีไปอยู่ที่มุมห้อง รังเกียจเขาอย่างนั้นเหรอ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดแล้วรีบผุดลุก ก้าวฉับๆ ตรงเข้าหา กระชากร่างมากอดรัด
“ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันได้ยินไหม! ฮือๆๆๆ”หญิงสาวตวาด ยกมือทุบตีอีกฝ่ายเป็นพัลวัน
ชายหนุ่มกกรามแน่น กล้าดีนัก! เขาก้มลงพรมจูบทั่วใบหน้าโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ! อย่า! อย่าทำฉัน!” ปรางค์ปรียากรีดร้องจนสลบ
เขาชะงักงันในขณะที่ร่างบางยังหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมแขน ชายหนุ่มนิ่งค้างจนกระทั่งได้สติจึงรีบช้อนร่างเธอ พาไปวางไว้บนเตียง โทรตามหมอประจำตระกูลเพื่อมารักษา
ไม่นานนักหมอประจำตระกูลเข้ามาทำการตรวจร่างกาย สายตาของหมอไม่เคยพลาดเมื่อร่องรอยบนตัวของหญิงสาวที่นอนบนเตียงนั้น เป็นจ้ำเต็มไปหมด ที่เขาเห็นนอกร่มผ้าก็ไม่ใช่น้อยแล้วในร่มผ้าคงมากกว่านี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าหญิงคนนี้เป็นใครแต่ช่างโชคร้ายนัก มาเจอกับคุณชายใหญ่ของตระกูล หมอประจำตระกูลจัดการให้น้ำเกลือ และจัดยาไว้ให้สองสามชุด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างหมอ?”เขาถามเสียงเข้ม
“เธออ่อนเพลียมาก อาจจะเกิดจากความเครียด ดูจากลักษณะเธอคงไม่ได้ทานอะไรเลย หากเป็นเช่นนี้คงจะแย่ครับ แล้วก็... เธอบอบช้ำจากภายใน ยังไงผมขอให้คุณชายระมัดระวังด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มชะงักกับคำพูดของหมอ แต่เขาไม่แสดงสีหน้าอะไร
“ขอบคุณมาก กลับไปได้แล้ว” ลุคส์บอกเสียงเรียบ
ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกมองดูร่างซึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยมีสายน้ำเกลืออยู่ที่ข้อพับ จ้องมองเธออยู่เช่นนั้น เขาผิดหรือ? ไม่! คนอย่างเขาไม่มีวันผิด หากจะผิดก็ผิดที่ผู้หญิงคนนี้บังอาจต่อปากต่อคำเขา และยังกล้าโกหกเขา โทษแค่นี้ยังน้อยไป คนอย่างเขาไม่เคยผิดและไม่รู้จักคำว่าผิดด้วย
เจ้าของร่างอวบนั่งสะอื้นบนเตียงกว้าง หลังจากถูกชายที่เรียกได้ว่าเป็นคู่หมั้นทำร้ายจิตใจมาหมาดๆ เธอกัดฟันทนกับสิ่งที่ได้ยิน เขาหายเข้าไปในห้องนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหวีดร้องและเสียงตวาดจากนั้นเสียงทั้งหมดก็เงียบหายไป เขาไม่แม้แต่จะสนใจไยดีเธอที่นั่งร้องไห้เพราะเขาที่หน้าห้อง ขนาดเธออยู่ตรงนี่ เขายังกล้ามีอะไรกับผู้หญิงอีกคน ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เธอจะกำจัดให้พ้นทางไม่มีวันยอมเสียเขาให้ใครเด็ดขาด
พินอาภาน้ำตาอาบแก้มเธอพยายามโทรหาลุงเป็นร้อยสาย แต่กลับฝากข้อความ ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง เพื่อนเธอจะเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่รู้ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้ด้วยนะ มือบางพยายามกดเบอร์ติดต่อหาลุงอีกครั้งในที่สุดความพยายามเธอก็สัมฤทธิ์ผล
“ลุงคะ! ลุงอยู่ที่ไหน?”เธอถามเสียงสั่น
“ลุงมีปัญหานิดหน่อยน่ะพิน ลุงเลยไม่ได้อยู่ที่บ้าน”
“ลุงคะ! เพื่อนของพินโดนผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวไป พวกมันบอกให้เราบอกที่อยู่ของลุง เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ลุงช่วยเพื่อนของพินด้วยนะคะ ฮือๆๆ”พินอาภาสะอื้น
“พินลุงขอโทษนะ”
“ช่วยเพื่อนพินด้วยนะคะลุง ได้โปรดเถอะค่ะ...”
ไมเคิลตัดสายกุมขมับแน่น เขาคิดหนักขบกรามแน่น กลัวหากว่าเขายินยอมไปหาลุคส์เอง ครอบครัวของอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้ แล้วจะทำยังไงดี หลานสาวไม่รู้เรื่องนี้ด้วย พวกเด็กๆ ไม่ควรมารับเคราะห์เพราะการกระทำของเขาเลย
พินอาภานั่งจ้องมองดูโทรศัพท์ทั้งน้ำตา ได้แต่ภาวนาให้ลุงติดต่อเธอมา ไม่อย่างนั้นปรางค์ต้องแย่แน่ๆ มาติชยืนดูร่างบางที่นั่งมองดูโทรศัพท์ในมือด้วยความสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วผู้หญิงคนนี้เธอเป็นใครกัน เขารู้สึกสงสัยกับเรื่องนี้
ร่างอวบอัดเยื้องกรายมาเยื้อนคฤหาสน์ของคู่หมั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอวางแผนมาอย่างดี และแผนนี้ต้องสำเร็จ ทุกคนหันมามองผู้มาเยือนด้วยความสงสัย เมื่อเธอหอบหิ้วทั้งขนมและน้ำมาแจกบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ทุกคน ทุกคนยอมรับน้ำใจเธอ แม้จะรู้สึกงุนงงกับการกระทำในครั้งนี้ก็ตาม เธอรีบเดินไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ แล้วสาวเท้าเดินไปหาบอดี้การ์ดสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าห้องต้องสงสัย เธอต้องการรู้ว่าใครซ่อนตัวอยู่ในนั้น เอมม่ายื่นน้ำให้อย่างมีไมตรี
“ฉันซื้อมาให้ กินซะสิ” เอมม่าบอก
บอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ หากเป็นแบบนี้เห็นที ต้องจัดการแผนสอง เธอจัดการใช้ผ้าปิดปากไว้แล้วหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาแอบซ่อนไว้ด้านหลัง บอดี้การ์ดทั้งสองหันมามองเธออีกครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นของเจ้านายยังไม่ยอมไปไหน
“มีอะไรอีกหรือเปล่าครับคุณเอมม่า?”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่หันมานี้หน่อย!”
บอดี้การ์ดหันมามองเธอ สเปรย์ในมือถูกฉีดออกใส่ใบหน้า ทั้งสองสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและรู้สึกมึนออกไป แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาสลบได้จนหลับไปในที่สุด
เอมม่ามองดูบอดี้การ์ดหน้าห้องหลับเพราะฤทธิ์ยา จากนั้นเธอจัดการค้นหากุญแจสำหรับเปิดห้อง เธอมองดูลูกกุญแจในมือ ใครที่อยู่ในห้องนี้ หากเป็นผู้หญิงที่มาอยู่กับคู่หมั้นเธอแล้วจริงๆ จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด
กริ๊ก
เธอไขลูกบิดเข้าไปด้านใน ค่อยๆ สาวเท้าเดินไป ดวงตาเบิกกว้างเมื่อสายตากำลังเห็นร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง โดยมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่ เดินเข้าไปใกล้แล้วยืนนิ่งมองดู ไม่อยากจะเชื่อ มันเกิดอะไรขึ้นหรือที่ผู้หญิงคนนี้เป็นแบบนี้เพราะเขา
ปรางค์ปรียาเริ่มรู้สึกตัวดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างยากเย็น ร่างอวบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของร่างบางเริ่มขยับตัว เอมม่าตั้งท่าจะปลีกตัวออกไป เพราะเธอคงไม่ใจร้ายพอจะลากผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงมาตบตีเพื่อให้ออกไปจากบ้าน จากที่เห็น เธอคนนี้คงไม่มีแม้แต่แรงจะเดินด้วยซ้ำ ยิ่งร่องรอยนอกเสื้อผ้ายิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อยเลย
“ชะ...ช่วยฉันด้วย ชะ...ช่วยฉันที”เสียงแผ่วเบาครางออกมาจากริมฝีปากแห้งผากเป็นภาษาสากลที่คิดว่าคนฟังคงจะเข้าใจเธอ
เอมม่ายืนนิ่งไม่รู้จะทำเช่นไรดี แรกเริ่มอยากจะมาชำระความที่อาจหาญมายุ่งกับคู่หมั้นตน แต่เวลานี้เธอไม่แม้แต่จะมีความคิดเช่นนั้นเลย จากสภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้อดสงสารผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย
“ฉะ...ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอกนะ!”เอมม่าตอบ
“ฮือๆๆๆ ช่วยฉันด้วย... ได้โปรดเถอะช่วยฉันที... ”หญิงสาวพยายามอ้อนวอนทั้งน้ำตา เธออยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เธอคงต้องถูกเขาทรมานจนตายแน่ๆ หากเขาฆ่าเธอเสียยังจะดีกว่า
“จะให้ฉันช่วยอะไร?”
“ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ทีได้โปรด...” คนป่วยพยายามร้องขอ
เอมม่าไม่รู้จะทำเช่นไรดี ตัดสินใจเข้าประคองหญิงสาว ดึงสายน้ำเกลือออก ตัดสินใจช่วยเพราะสงสารหรอกนะ คงต้องรีบจัดการเพราะต้องแข่งกับเวลา เอมม่าพยุงร่างบางออกมาจากห้อง เธอพยายามกวาดสายตามองรอบๆ ใจก็ภาวนาขออย่าให้เจอคนที่เธอไม่อยากเจอในเวลานี้เลย
“ฉันคงจะบ้าไปแล้ว!”เอมม่าบ่น
ปรางค์ปรียามองหน้าหญิงชาวฝรั่งเศสคนนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เอมม่าได้แต่ทำหน้าบูดบึ้งแล้วรีบพยุงร่างบอบช้ำของปรางค์ปรียาออกมาถึงด้านหลังของคฤหาสน์ เธอรีบวางร่างสาวเอเชียพิงกำแพงไว้ก่อนจะเดินออกไปดูต้นทางแล้วรีบกลับมาประคองร่างเธอออกมาด้านนอก ไม่นานนักเธอก็พาสาวเอเชียมาถึงหน้าประตูเล็กด้านหลังคฤหาสน์แล้วรีบสั่งให้ลูกน้องขับรถมารับเธอ
“จะไปไหนหรือเอมม่า?”เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ทำให้คนฟังถึงกับขนลุกเกรียว
ร่างอวบยืนนิ่งกายเธอกำลังสั่นเทาปรางค์ปรียารู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านนั้นดี
“ผมถามว่าจะไปไหนไม่ได้ยินหรือไง!”เสียงตวาดกร้าวดังขึ้นมาอีกครั้ง
เอมม่าสะดุ้งปล่อยมือจากร่างบางทันที ส่งผลให้หญิงสาวทรุดลงนั่งกับพื้นเพราะร่างกายยังไม่ฟื้นจากอาการป่วย เจ้าของร่างอวบยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะถูกตัดสินโทษ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เธอตัดสินใจหันไปเผชิญหน้า แล้วแสร้งยิ้มออกมาแม้ใจจะกลัวจนหัวใจเต้นโครมคราม แทบทะลุออกมานอกอก
“คุณกลับมาเมื่อไหร่คะลุคส์?”เอมม่าถามเขาเสียงสั่น
“ผมกลับมาได้สักพัก แล้วก็ทันที่ได้เห็นว่าใครบางคนกำลังวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของผม”
“คือ... เอมม่าไม่ได้ตั้งใจนะคะ ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่ขอร้องเอมม่า”เธอปัดความรับผิดชอบทันที
ชายหนุ่มยิ้มเย็นออกมา ดวงตาคมกริบหรี่มองไปยังคู่หมั้นตนเอง เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด ที่เธอบังอาจมายุ่งเรื่องของเขา อุตส่าห์เตือนไว้แล้วเชียว มือหนากระชากท่อนแขนอวบ แล้วจ้องหน้าด้วยสายตาที่ทำให้คนสบตารู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันใด ปรางค์ปรียารีบพยุงกายลุกขึ้น เธอหวังจะช่วยผู้หญิงที่ยอมลงทุนช่วยพาเธอออกมา มือบางทุบตีเขาไม่หยุดเพื่อให้เขาปล่อยตัวหญิงฝรั่งเศสที่เธอเคยเห็นหน้าเพียงครั้งแรกเท่านั้น
ลุคส์ขบกรามแน่นด้วยความเดือดดาล เขาสะบัดร่างบางจนล้มลงไปกับพื้นแล้วหันมาสนใจกับคู่หมั้นตนเองต่อ มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นมาบีบปลายคางไว้แน่นพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาใกล้
“อย่าได้บังอาจมายุ่งกับเรื่องของผมอีก ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ไว้หน้าคุณหรือพ่อคุณ!”เขาสั่งเสียงกร้าว
เอมม่าหน้าซีดเผือดลงในบัดดล เขายอมปล่อยมือจากท่อนแขนอวบแล้วหันไปหาร่างบางที่ทรุดกายอยู่กับพื้นแทน ปรางค์ปรียาชะงักเมื่อเห็นสายตาของเขา ร่างบางพยายามพยุงกายลุกขึ้น แม้จะเป็นเพียงความหวังอันน้อยนิด แต่เธออยากจะหนีไปจากเขาให้ไกลจริงๆ แต่เธอทำไม่ได้อย่างใจคิด เมื่อเขาช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
“ปล่อยให้ฉันตายไปซะ!”เธอบอกในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา
“เธอยังตายไม่ได้เพราะฉันยังไม่ต้องการให้เธอตาย ชีวิตของเธอจะอยู่หรือตายมันขึ้นอยู่กับฉันเท่านั้น!”เขาบอก
ชายหนุ่มวางร่างบางไว้บนเตียงแล้วจัดการให้หมอมาใส่สายน้ำเกลือให้เธอเช่นเดิม ปรางค์ปรียาพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่กลับถูกเขาจับท่อนแขนกดไว้แล้วส่งสายตาแข็งกร้าวมา เลยทำให้เธอต้องจำยอมทำตามเขา แม้จะรู้สึกเจ็บใจอย่างที่สุดก็ตาม