ตอนที่ 3 ชะตาลงทัณฑ์
พินอาภาสะอื้นออกมาไม่หยุด สายตาเธอจดจ้องไปยังมาติช ซึ่งพาตัวเธอมาส่งด้วยความแค้น เพื่อนของเธออยู่ที่ไหนเป็นยังไงบ้าง เป็นห่วงแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ทำไมปรางค์ต้องมารับเคราะห์แทนด้วย
“พาฉันกลับไป ฉันจะกลับไปหาเพื่อนฉัน!”
“อย่ามาสั่งผม คุณไม่ใช่เจ้านายของผม!”มาติชสวนกลับ
“พวกแกมันสารเลว! พวกฉันไม่รู้เรื่องเลยสักนิดว่าพวกแกมีเรื่องอะไรกับลุงไมเคิล พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาทำกับพวกเราแบบนี้ คอยดูหากเพื่อนฉันเป็นอะไรไปฉันจะแจ้งความเอาเรื่องพวกแกให้ถึงที่สุด!”
“ถ้าทำได้ก็ลองดู เธอยังไม่รู้จักว่าเจ้านายของฉันเป็นใคร!”
“หมายความว่ายังไง?”พินอาภาถามเสียงสั่น
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ที่ฉันจะบอกไว้อย่างหนึ่งก็คือ เธออย่าได้แม้แต่จะคิดแจ้งความนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว เธออาจหายไปตลอดกาลก็ได้ฉันขอเตือน!” มาติชขู่ สายตาแข็งกร้าวสบไปยังอีกฝ่าย
“ไอ้บ้า ไอ้สารเลว! เอาเพื่อนฉันคืนมานะ!”พินอาภาร้องลั่นด้วยความโกรธ
หญิงสาวทรุดกายลงกับพื้นปิดหน้าปล่อยโฮ ทำไมปรางค์ต้องมาตอบแทนบุญคุณบ้าบอคอแตก ในเวลาเช่นนี้ด้วย
ยิ่งคิดมันก็ยิ่งทรมาน เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ปรางค์ยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือ เพื่อนเป็นเด็กกำพร้าเพราะอย่างนั้นเธอจึงคอยช่วยเหลือเพื่อนคนนี้เสมอแม้กระทั่งให้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน พินอาภารู้สึกสนิทใจกับปรางค์อย่างมาก จึงขอร้องบิดามารดาให้ส่งเสียเพื่อนเรียนหนังสือ เนื่องจากทางครอบครัวเธอเองมีฐานะอยู่พอสมควร และพินอาภาเองก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว
ปรางค์ปรียาไม่ได้ทำให้ครอบครัวผิดหวังเลย เพื่อนสาวเรียนหนังสือเก่งและคอยช่วยเหลือสอนหนังสือให้พินอาภาเสมอเพราะทั้งสองต่างเรียนคณะเดียวกัน บิดาและมารดาของเธอต่างเอ็นดูปรางค์ปรียามาก พ่อกับแม่เธอต่างก็คิดว่าปรางค์เปรียบเสมือนครอบครัว และนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้เพื่อนสนิทยอมเสียสละตัวเอง
เขาออกไปจากห้องแล้ว... เวลานี้ห้องทั้งห้องเหลือเพียงร่างกายที่บอบช้ำกับน้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหล เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหมดแรง เธอน่าจะตายไปซะ! จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว เพราะเท่านี้มันก็เหมือนกับตายทั้งเป็นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย... ก็ยังดีใจที่เพื่อนไม่ต้องมารับเคราะห์กับเรื่องนี้ แค่เท่านี้ก็รู้สึกเหมือนได้ตอบแทนบุญคุณแล้ว
ร่างบอบช้ำค่อยๆ พยุงกาย เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าภายในห้องเสื้อเชิ้ตยี่ห้อหรู น้ำหอมราคาแพง แม้กระทั้งสูทแบรนด์เนมต่างถูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เธอถือวิสาสะหยิบเสื้อเชิ้ตของเขามาสวมไว้แล้วประคองกายไปนั่งที่มุมห้อง จนผล่อยหลับเพราะอ่อนเพลีย
มาตื่นตื่นขึ้นเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่มีถาดอาหารวางไว้แล้วปิดลงตามเดิม หญิงสาวเมินหน้าหนีไม่สนใจอาหารน่าอร่อยที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเลยแม้แต่น้อย
ร่างบางนั่งชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงสะอื้นไห้อย่างรวดร้าว เธอเจ็บปวดมากเหลือเกิน มันเกินทนแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของเขาไปอีกนานเท่าไหร่ ริมฝีปากบางถูกกัดจนเลือดซึมออกมา... เล็บจิกลงบนท่อนแขนเพื่อระบายความแค้นในใจ
ลุคส์นั่งมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนหายใจ เขาแทบไม่เป็นอันทำงานเมื่อดันคิดถึงแต่ใบหน้าหวานของผู้หญิงเอเชียคนนั้น แม้กระทั่งเรือนร่างที่หาความสุขอย่างไม่รู้เบื่อ ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์ตนเองและตั้งสติกับงาน แต่ก็ทำแทบไม่ได้เลย พนักงานพรีเซนต์งานอยู่ แต่สติของดันหลุดลอยไปหาเรือนร่างงามอีกครั้ง เขาแทบเป็นบ้า ที่ไม่สามารถห้ามตัวเองได้เลย
“โถ่เว้ย!”ลุคส์สบถออกมาอย่างหัวเสีย
ทุกคนในห้องชะงัก หันมองประธานบริษัทกันเป็นตาเดียว เขารีบปรับสีหน้าท่าทางตนเอง สั่งให้ลูกน้องพรีเซนต์งานใหม่อีกครั้ง พยายามฝืนตนเองไม่ให้คิดถึงเรื่องเธอจนงานจบลงในที่สุด ชายหนุ่มรีบสาวเท้าเดินไปที่รถประจำตำแหน่ง ด้วยใจจดจ่อ อยากพบเจ้าของร่างงามที่คฤหาสน์จนอดใจไม่ไหว
“นายครับจะไปที่ไหนครับ?”
“กลับบ้าน!”เขาตอบเสียงห้วน
มาติชมองหน้าเจ้านายด้วยความงุนงง น่าแปลกที่เห็นเจ้านายกลับบ้านเร็วเช่นนี้ เพราะปกติแล้วคนอย่างลุคส์จะไม่มีวันเข้าบ้านก่อนเที่ยงคืนเด็ดขาด
“มองอะไรทำไมไม่ไปล่ะ!”ชายหนุ่มเร่งเมื่อเห็นว่าลูกน้องยังคงนิ่งเฉยไม่ยอมออกรถตามที่เขาต้องการเสียที
ร่างอวบอัดในชุดแซกสีสดรัดแน่นเสียจนอวดสัดส่วนโค้งเว้า เอมม่าเธอมีฐานะเป็นคู่หมั้นของลุคส์นักธุรกิจส่งออกรถอันหนึ่งของฝรั่งเศส เธอก้าวเดินและทักทายทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ ดวงตาสีมรกตจ้องมองไปยังทุกพื้นที่ภายในคฤหาสน์ที่คุ้นเคย แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดกับห้องหนึ่ง ที่มีลูกน้องของคู่หมั้นยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้า หญิงสาวชะงักรีบเดินไปทิศทางของห้องนั้นด้วยความสงสัยทันที
“ห้องนี้มีอะไรทำไมต้องมายืนเฝ้า”เอมม่าถามบอดี้การ์ดด้วยความแปลกใจ
“เป็นคำสั่งของเจ้านายครับ พวกเรามีหน้าที่ทำตามเท่านั้น”
“แล้วในนั้นมีอะไร!”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”บอดี้การ์ดพยายามตอบเลี่ยง
“ถ้าไม่มีฉันขอเข้าไปหน่อยก็แล้วกัน”เอมม่าพยายามแทรกตัวเข้าไปเพื่อเปิดประตูแต่ถูกกันไว้
เสียงหน้าห้องปลุกให้ร่างบางที่กำลังซบหน้าสะอื้นเงยหน้าขึ้น ร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงเพราะพิษรักของเขาและการที่ ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องค่อยๆ พยุงกายคืบคลานมาหน้าประตู ด้วยหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยเธอให้พ้นจากนรกนี้เสียที
ปัง! ปัง!
เธอทุบประตูและพยายามเปล่งเสียงร้องออกมาเท่าที่จะทำได้
“ช่วยด้วย... ช่วยฉันด้วย”เสียงแผ่วเบาพยายามเปล่งออกไป
เอมม่าชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงทุบประตู และเสียงผู้หญิงกำลังร้องขอความช่วยเหลือ เธอมองหน้าบอดี้การ์ดหน้าห้องด้วยความไม่พอใจ
“ใครอยู่ในห้อง!”เอมม่าถามสีหน้าไม่พอใจ
“พวกผมตอบไม่ได้ครับ”
“ถอยออกไป ฉันจะเข้าไปดู!”
“ไม่ได้ครับ!”
ร่างอวบอัดพยายามผลักบอดี้การ์ดออก แล้วเอื้อมมือหมายจะคว้าลูกบิดประตูเพื่อเปิดออกดูว่าใครกันที่อาจหาญมาอยู่ในห้องนี้ แต่กลับถูกลูกน้องของคู่หมั้นขวางไว้ไม่ให้เธอทำได้สำเร็จตามความต้องการ
“ถอยไปซะ ถ้าไม่อยากโดนไล่ออก!”เอมม่าสั่งเสียงดัง
“ถ้าพวกแกถอย ฉันจะไล่พวกแกออก!”ลุคส์สั่งเสียงกร้าว
เอมม่าหันควับไปหาเจ้าของเสียง กัดฟันแน่นด้วยความโกรธเดินไปหาเขา ง้างมือขึ้นหมายจะฟาดมันลงบนใบหน้า แต่เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้และจ้องมองด้วยความไม่พอใจ
“อย่าคิดจะทำแบบนี้กับผมเอมม่า!”
เจ้าของร่างอวบอัดจ้องมองเขานิ่งงันแล้วชักมือตนเองกลับมา ดวงตาเรื่อไปด้วยน้ำใสๆ รู้สึกคับแค้นใจ เขาไม่เคยมีท่าทีแสดงออกว่ารักเธอเลยสักครั้ง ไม่เคยพูดจาหวานหูไม่เคยเอาใจใส่หรือดูแลเหมือนคนรักทั่วไป
“ผู้หญิงในห้องนั้นเป็นใคร!”เธอถามเขาเสียงสั่น
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้!”
“ทำไมเอมม่าจะรู้ไม่ได้ในเมื่อเอมม่าเป็นคู่หมั้นของคุณนะลุคส์!”
“คู่หมั้นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม คุณควรจะรู้จุดยืนของตัวเองนะเอมม่า!”
หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยความเสียใจ มืออวบยกขึ้นปิดใบหน้าแล้วสะอื้นออกมา เธอรักเขา แต่ทำไมเขาต้องทำเย็นชากับเธอแบบนี้ เธอมาหา มานอนกับเขา แต่เขาก็ต้องการแค่เพียงร่างกายของเท่านั้น ไม่เคยแม้กระทั้งพูดจาดีๆ หรือให้เกียรติกันเลย แม้แต่ครั้งเดียว
“แล้วคุณหมั้นกับเอมม่าทำไมคะลุคส์!”
“เพราะคุณเป็นลูกสาวของ อัลเบิร์ด แคลอไรน์”เขาตอบเสียงเรียบสีหน้าไม่ยินดียินร้าย
“ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้ ฮือๆๆๆ”
เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนนี้ แค่ต้องการชื่อเสียงของตระกูลของเธอเท่านั้น ทุกอย่างที่ทำเพื่อธุรกิจ ที่เขาต้องฆ่าฟันแย่งชิงกับพี่น้องต่างมารดาในตระกูลมา ชีวิตของเขาเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายมามาก กว่าจะมีวันนี้และคนอย่างเขาไม่มีทางเสียเหลี่ยมใคร และไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถมัดใจเขาได้
เขาเกลียดพ่อ! พ่อเป็นสาเหตุทำให้แม่ต้องตาย... ตระกูลอัลเบอร์ทีนต่างแก่งแย่งชิงดีเพื่อให้ได้สมบัติมหาศาลที่บิดาของเขาเป็นคนสืบทอดมาจากปู่และย่าอีกที เขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากการถูกผู้หญิงของพ่อพยายามกำจัด กัดฟันทนเพื่อเรียนหนังสือ ศึกษาทุกอย่างและหาทางป้องกันตัวเองไปพลาง พ่อไม่เคยหันมาสนใจหรือคิดจะปกป้องลูกในไส้ตนเองเลยสักครั้ง
บิดาของเขาต้องการให้พี่น้องจัดการกันเอง เพื่อจะได้เห็นว่าใครมีความสามารถมากพอที่จะกุมบังเหียนธุรกิจแทน เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องมารดา แต่แล้วก็ทำไม่ได้ เมื่อมารดาต้องจบชีวิตลง ความแค้นของเขาดั่งไฟโหมกระหน่ำ พยายามไต่เต้ากัดฟันเก็บความแค้นไว้ในอกก่อนทะยานขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดกิจการที่แท้จริง และเมื่อถึงวันนั้นเขาจัดการคิดบัญชีกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมารดาอย่างสาสม
ตระกูลอัลเบอร์ทีนกลายเป็นที่โจษจันด้านความโหดร้ายในการสืบทอดกิจการ เขาไม่ได้สนใจอะไรอีกวันที่กลับมาแก้แค้น เลือดสีแดงสดไหลนองเต็มพื้น ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ก่อนปิดคดีไปเงียบๆ เพราะเขาใช้อำนาจเงิน
“กลับไปซะเอมม่า!” ลุคส์ออกปากไล่แล้วเดินเข้าห้อง