อกหักเรื่องเล็ก อกเล็กเรื่องใหญ่ Ep.2
Ep.2
ไอรินยืนฟังเสียงตวาดของชายหนุ่มแปลกหน้าด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน แค่เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรเธอก็สบายใจแล้ว
"ยืนนิ่งเพื่อ? มีความรู้สึกผิดไหมวะทำรถคนอื่นพังเนี่ย!" วินยืนบ่น มือข้างหนึ่งเท้าเอวไว้ นึกหงุดหงิดที่หญิงสาวตรงหน้าไม่ตอบโต้ แถมพอมองใกล้ๆ สังเกตดีๆ จึงได้เห็นแววตาเศร้าหมองคู่นั้นมีน้ำตาไหลแข่งออกมากับน้ำฝน ...อ่อ คงคิดจะฆ่าตัวตายสินะ
"หนิ! ถ้าคิดจะตายทำไมไม่ไปขวางรถคันอื่น มายืนขวางทำไมหน้ารถฉัน หน้าอย่างงี้อกหักมาอ่ะดิ ขนาดเธอยังไม่เห็นค่าในตัวเองแล้วใครจะมาเห็นค่าในตัวเธอวะถามหน่อย?"
ไอรินค่อยๆ เหลือบตาขึ้นมองเจ้าของคำพูดด้วยท่าทีมีสตินิดหน่อย นั่นน่ะสิ...เธออุตส่าห์มุ่งมั่นตั้งใจเรียนมีงานทำจนชีวิตดีขึ้น ทำไมเธอต้องมาจบชีวิตเพราะผู้ชายอย่างไนน์ด้วย อาจจะต้องทำใจนานหน่อยแต่สักวันมันต้องดีขึ้นแน่ๆ ไอรินเริ่มปลอบใจตัวเอง
"จะติดรถฉันไปก็ได้นะ รถจอดอยู่ทางนู้น" เสียงหวานเอ่ยขึ้นนิ่งๆ ด้วยใบหน้าเรียบตึง พอตั้งสตินึกคิดอะไรหลายๆ อย่างได้ ไอรินก็เริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมา เลยเอาสองแขนกอดตัวเองไว้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เนื้อตัวเริ่มสั่นเทา ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าข้างทางไป
"อ่าวเฮ่ย! แล้วนี่!..." วินชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินหายไปในสายฝน แล้วหันปลายนิ้วชี้กลับมาที่รถตัวเอง เธอจะปล่อยลูกชายคันโปรดของเขาทิ้งไว้แบบนี้เหรอ คิดดังนั้นวินก็เอาสองมือจับหัวไว้อย่างคนพูดอะไรไม่ออก พลางมองความเสียหายของรถคันโปรด สรุปแล้วเขาคงต้องติดรถคนบ้าอย่างไอรินไปใช่ไหม?
เมื่อไม่มีทางเลือกเนื่องจากฝนที่ตกหนัก วินจำต้องตัดสินใจรีบไปเปิดประตูรถหยิบมือถือกับกระเป๋าตังค์ออกมา ก่อนจะวิ่งผ่าฝนตามหญิงสาวไป จนกระทั่งได้ขึ้นมานั่งบนรถสปอร์ตโดยมีหญิงสาวเจ้าของรถนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และสิ่งที่ทำให้วินตกตะลึงจนร่างกายหยุดชะงักนั่นก็คือหน้าตาอันสะสวยเกินสาวธรรมดาทั่วไปของไอรินนั่นเอง
"อกหักมาหรือไง ถึงได้มาเดินขวางหน้ารถฉันน่ะ" แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจลบล้างสิ่งที่ไอรินทำกับลูกรักของเขาได้ หน้าตาสวยเกินงามก็อีกเรื่อง รถสปอร์ตสีเหลืองสุดที่รักของเขามันก็อีกเรื่อง ไม่สามรถลบล้างกันได้เลยจริงๆ
"....." ไร้เสียงตอบรับใดๆ จากหญิงสาวเจ้าของรถ ไอรินทำแค่เพียงหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วส่องกระจกที่อยู่เหนือหัวดูความเรียบร้อย
"หนิ! อกหักน่ะมันเรื่องเล็ก อกเล็กน่ะมันเรื่องใหญ่กว่านะ ถ้าจะมาฆ่าตัวตายเพราะอกเล็กฉันก็พอจะเข้าใจได้นะ" แต่เท่าที่แอบๆ มองดูแล้ว หญิงสาวข้างๆ ก็ไม่ธรรมดานะ ทั้งผิวพรรณ รูปร่าง ทรวดทรงองเอว ดูใหญ่เกินตัวไปทุกสัดส่วน ไม่น่าจะมีปัญหายิบย่อยพวกนี้ หรือจะอกหักจริงๆ วินคิดในใจ
Rrrrr!
"ว่าไงลีโอ"
(หมอไอครับ หมอไปทานข้าวถึงไหนเนี่ย มีคนไข้รอถอนฟันแล้วก็ผ่าฟันคุด 3 คนนะครับหมอ)
ไอรินยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาเรือนหรูที่ราคาค่างวดไม่ได้แพงอะไร แต่สำหรับคนหาเช้ากินค่ำคงไม่คิดจะซื้อใส่กันแน่ๆ นั่นสิ...นี่ก็เลยเวลาพักมา 5 นาทีแล้ว
"อีก 15 นาทีเจอกันนะ ฉันมีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย" ว่าจบไอรินก็กดวางสายไป
"ฉันมีเคสคนไข้รอคิวอยู่ ส่งนายได้แค่ที่โรงพยาบาลนะ ค่าซ่อมรถกับค่าเสียเวลาฉันจะจ่ายให้เอง" ไอรินรีบคาดเข็มขัดแล้วออกรถไปด้วยความระมัดระวัง โดยที่ไม่รู้เลยว่าวินแอบชำเลืองมองหน้าอกหน้าใจที่นูนออกมาหลังจากถูกสายเข็มขัดรัด
"นี่เป็นหมอเหรอเนี่ย คุณหมอสวยขนาดนี้ยังมีคนหักอกอีกเหรอ?" วินร้องถามพลางเบะปากพยักหน้าเป็นจังหวะลากสายตามองหญิงสาวข้างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง หน้าตาก็ดี อาชีพก็เลิศ บอกว่าเป็นดาราก็ยังเชื่อเลย ตัวผู้หน้าไหนมันตาถั่วกล้าทิ้งคุณหมอสาวเซ็กซี่อย่างเธอกัน
"....."
"หนิ! ฉันถามทำไมไม่ตอบ เป็นใบ้หรือไงห๊ะ?"
"นั่งเงียบๆ หน่อยค่ะ ฉันต้องใช้สมาธิขับรถ" ถ้าไม่ติดว่าทำเขาเดือดร้อน ไอรินไม่มีทางให้ชายแปลกหน้าอย่างวินติดรถมาด้วยแน่ๆ รู้สึกซึ้งในคำพูดของวินก่อนหน้านี้ที่ว่าเธอไม่เห็นค่าในตัวเองแล้วคนอื่นจะเห็นได้ยังไง มันอาจเป็นคำพูดที่โพล่งออกมาแบบไม่คิดของชายหนุ่ม ทว่ามันสามารถเรียกสติเธอกลับคืนมาได้ดีทีเดียว เพราะฉะนั้นเธอจะถือว่าเป็นบุญคุณอันเล็กน้อย และเธอก็จะตอบแทนด้วยการให้เขาติดรถไปและจ่ายค่าเดินทางต่อให้
"ก็ไม่ได้เป็นใบ้หนิ หรือโดนหักอกจนหูดับไปแล้ว"
"นี่นามบัตรฉันนะคะ ซ่อมรถเสร็จโทรมาเรียกค่าซ่อมได้เลยฉันจะจ่ายให้" ไอรินไม่ได้สนใจคำพูดไร้สาระของวิน เธอเอื้อมไปหยิบนามบัตรที่หล่นอยู่ในช่องหน้ารถสามสี่อัน เลือกหยิบไปให้วินหนึ่งอันแล้วตั้งใจขับรถต่อ
วินรับนามบัตรนั้นมาดู แสดงออกว่าไม่สนใจแต่จริงๆ ก็สนใจมันอยู่นิดนึงแหละ
"อันนี้นามบัตรฉัน ถ้าอยากระบายความเจ็บปวดลงกับเข็มแหลมๆ ก็มาที่ร้านฉันได้นะ คิดราคาพิเศษให้เธอเลย" ชายหนุ่มหย่อนนามบัตรตัวเองลงที่ช่องหน้ารถช่องเดียวกับที่มีนามบัตรของไอรินอยู่ ก่อนที่เขาจะเก็บนามบัตรที่หญิงสาวให้ใส่กระเป๋าไปแล้วนั่งพิงเบาะไม่ได้พูดอะไรอีก
ไอรินทำเพียงแค่ปรายตามองนามบัตรสีน้ำตาลที่ปะปนอยู่กับนามบัตรสีฟ้าอ่อนของตัวเอง เธอไม่ได้สนใจอะไรชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ นักหรอก อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว เธอแค่ต้องทนขับรถต่อไป
หน้าโรงพยาบาล
"ฉันจอดส่งนายได้แค่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันต้องเอารถเข้าไปเก็บ มีแท็กซี่ต่อคิวกันเข้ามาหลายคันนายโบกรถกลับได้เลย" ไอรินยื่นธนบัตรใบสีม่วงให้กับชายหนุ่มหลังจอดรถอยู่หน้าโรงพยาบาลในเส้นทางจอดรถของบุคคลภายนอก
"เดี๋ยวรถฉันซ่อมเสร็จจะติดต่อมาละกัน เตรียมรับโทรศัพท์ให้ดีแล้วอย่าคิดหนีเพราะเธอยังติดหนี้ฉันอยู่" วินเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รับเงินค่าแท็กซี่ห้าร้อยบาทที่ไอรินยื่นให้ เขาไม่ได้ดูถูกเงิน แค่ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องรับ ส่วนประโยคเมื่อครู่ที่พูดกับไอรินไปเขาหมายถึงเธอห้ามไปฆ่าตัวตายที่ไหนอีกเพราะยังต้องจ่ายค่าซ่อมรถกับค่าเสียเวลาให้เขาอยู่ ทั้งสวยทั้งมีฝีมือตายไปคนคงจะเสียดายบุคลากรทางการแพทย์ที่เก่งแต่ไร้สมองแบบเธอน่าดู
ปึก!
หลังจากที่ชายหนุ่มปิดประตูรถแล้วลงไปโบกแท็กซี่คันหน้า ไอรินก็หันไปมองมือที่ยื่นค้างไว้แล้วถอนหายใจ ก่อนจะเก็บมือและเงินคืนใส่กระเป๋าแล้วขับรถไปจอดในส่วนที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ
อีกด้าน
"อริศรา รณกฤต แผนกทันตกรรม..." ระหว่างนั่งแท็กซี่กลับร้าน วินก็ได้หยิบนามบัตรหญิงสาวออกมาดูอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าคุณหมอสาวทำหน้าที่อะไรในโรงพยาบาล
"เมื่อกี๊กูพูดมากไปป่าววะ คงไม่มาแหกปากงัดฟันกูทิ้งใช่ไหม บรึ๋ยยย!!..." วินทำท่าแขยงขนเมื่อนึกถึงหน้านิ่งๆ หยิ่งๆ ของคุณหมอสาวอย่างไอรินกำลังหนีบฟันเขาออกจากปากจนเลือดสาด นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าสวยสยอง หรือเขาจะคิดมากไป อันที่จริงหน้าสวยๆ หยิ่งๆ แบบนั้นก็ดูเซ็กซี่ไม่เบา เกิดมาไม่เคยฟันว่าที่คุณหมอสักที ไม่รู้รสชาติจะอร่อยถูกปากเหมือนอย่างที่คิดหรือเปล่า
เช้าวันต่อมา...
..เฮือก!!
วินสะดุ้งตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่เวลาหกโมงกว่าๆ ชายหนุ่มลุกนั่งหอบหายใจพลางทบทวนความฝันเมื่อครู่ หน้าผานั่นมันน่ากลัวมาก หากเขาตกลงไปจริงๆ กระดูกคงจะหักไปทั้งตัว ดวงตาคมหลุบมองมือที่สั่น ก่อนจะตีมันไปป้าบนึงเพื่อข่มให้มันหยุด เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ใต้โคมไฟมาดูเวลา พอเห็นว่าหกโมงกว่าจึงลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ...เพราะเขาไม่ต้องอดหลับอดนอนเพราะสะดุ้งตื่นไง
07:30 น.
ชายหนุ่มที่สวมเสื้อฮู๊ดสีดำกำลังเดินเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อด้อมๆ มองๆ ตามร้านเสื้อผ้าข้างทาง บนใบหน้าอำพรางด้วยแมสสีดำซึ่งตัดกับสีผิวที่ขาวใสจนสะท้อนกับแสงแดด และยังมีหมวกแก๊ปสีน้ำตาลอ่อนสวมอยู่บนศีรษะภายใต้หมวกเสื้อฮู๊ด ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เพราะการแต่งตัวของชายหนุ่มคล้ายกับพวกโจรหรือพวกถ้ำมองอะไรแบบนั้น
"ได้เวลาแล้วเหรอวะ!" เสียงทุ้มบ่นขึ้นเบาๆ เมื่อล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงข้างหลังขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องไปโรงมวยของลุงแล้ว เขาต้องหยุดภาระกิจตามหาใครบางคนก่อน เพราะถ้ายังฝืนหาคนๆ นั้นตามใจตัวเองแบบนี้มีหวังพ่อเขาได้รู้เรื่องแน่!