บทที่4.การพบเจอที่ไม่คาดคิด5/5
5/5
หน้านั่นขยับขึ้น ขยับลงเร็วๆ ร่างอวบโถมเข้าใส่ มือเล็กๆ นั่นกอดลำคอเขาแน่น...
เป็นครั้งแรกที่อีธานได้สัมผัสเด็ก เขาอุ้มอันนาได้อย่างสบาย แม้เด็กชายจะมีน้ำหนักเกินพิกัดไปสักหน่อย...
“ไปทางไหนล่ะ บ้านเราน่ะ...ชื่ออะไรนะ อันนาเหรอ?”
ระหว่างทาง...อีธานชวนคุย เขารับรู้ประวัติของเด็กชายพอสมควร...
ครอบครัวเล็กๆ ของอันนาประกอบด้วยคุณตา คุณยาย หม่าม๊า แต่ดูเหมือนจะขาดสมาชิกไปหนึ่งคน...
“ปะป๊าเราล่ะ ไปไหนเหรอ?”
น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้ว ไหลปริ่มออกมาอีกครั้ง ปากอิ่มย้อยเม้มแน่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตา เสียงที่บอกเขาก็สั่นเครือ “อันอันไม่เคยเห็นหน้าปะป๊าเลยครับ หม่าม๊าบอกอันอันว่า...ปะป๊าไปทำงาน แต่ไม่เห็นกลับสักที...”
ชายหนุ่มครางในอก สงสารอันนาจนต้องกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“ไม่เคยเห็นเลยเหรอ?” เขาถามย้ำ
อันนาพยักหน้ารัวๆ น้ำตาไหลพรากๆ และอีธานไม่รู้ อันนาไม่เคยแสดงความอ่อนแอของเขาให้ใครเห็น แม้แต่เมรี นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กชายร่ำไห้ให้คนแปลกหน้าเห็น เมื่อกล่าวถึง ‘ปะป๊า’ บุคคล คนเดียวที่อันนาตั้งตารอ...
ที่อีธานสรุปได้ มารดาของเด็กนี่คงเลิกรากับสามี อันนาเลยไม่เคยได้พบเจอบิดา ชายหนุ่มรู้สึกโกรธแทน...คนจำพวกไหนนะ ที่ไม่สนใจสายเลือดตัวเอง...เพราะต่อให้มีปัญหากับแม่...แต่คนที่เป็นลูกไม่เกี่ยว ผู้ชายคนนั้น น่าจะโผล่หน้ามาให้บุตรชายได้พบเจอบ้าง
“พ่อเธอคงงานยุ่ง” อีธานแก้ตัวให้ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่เพราะต้องการช่วย เขาแค่อยากทำให้อันนาสบายใจขึ้น
“หม่าม๊าก็งานยุ่ง หม่าม๊ายังกลับมาหาอันอันทุกวันเลย”
อันนาแย้ง ปากอิ่มย้อยเบ้แบะ
“เล่าอะไรให้ฟังนะ...ลุงน่ะ...ไม่เจอหน้าปะป๊ามาหลายปีแล้ว ก็เพราะงานยุ่งนี่แหละ” อีธานเอ่ยเสียงขึงขัง แต่ความจริงคือ บิดาของเขา ออกไปท่องเที่ยวกับมารดาหรอก หากเขาต้องการพบท่าน ก็ต้องไปหาท่านเอง...
“จริงเหรอ...” แม้จะไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่เพราะอะไรไม่รู้ อันนาเชื่อใจ ‘ลุง’
“จริง” อีธานยิ้ม เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก
“อันอัน!! รู้มั้ยทุกคนเป็นห่วง”
ไพลินเป็นคนแรกที่มองเห็นหลานชาย เขาเดินจูงมือกับคนแปลกหน้า กำลังเดินเข้ามาในรั้วบ้าน
“คุณยาย...”
“สวัสดีครับ ผมต้องขอโทษที่พาอันอันมาส่งช้า” อีธานรีบออกตัวแทนอันนา ที่นั่งก้มหน้าเหมือนกำลังสำนึกผิด
เก่งกาจถอนใจแรงๆ ท่านเองอยากจะต่อว่าหลานชายมากกว่านี้ แต่เด็กก็คือเด็ก หากใส่อารมณ์มากไปเดี๋ยวอันนาจะเสียขวัญ
“ขอบคุณครับที่พาแกมาส่ง พวกเรากำลังเป็นห่วงเลย” เก่งกาจบ่น
“สวนนั่นไม่ห่างจากที่นี่เท่าไร แต่มันก็ยังอันตรายอยู่ดี” อีธานเตือน หากคนที่อันนาคุยด้วยไม่ใช่เขา เด็กนี่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้
“ครับ เราจะระวัง จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งนี้อีก” ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ เขาคงต้องระแวดระวังมากกว่านี้ ถึงหลานชายจะซุกซนตามประสาเด็ก แต่เขาก็เชื่อฟังคำสั่งอย่างดี
“ดีนะอันอันที่หม่าม๊าเราไม่รู้ ไม่อย่างนั้นหม่าม๊าเราคงเสียใจแย่” คุณไพลินกล่าวเสียงอ่อน เธอไม่อยากดุ เมื่อแววตาอันนาละห้อยเสียจนดุไม่ลง
“เอ่อ...แม่อันอันไปไหนหรือครับ?” ชายหนุ่มถามแทรก
“แม่อันอันทำงานนะครับ กว่าจะกลับก็เย็น”
เก่งกาจอธิบายให้อีธานรับรู้
ชายหนุ่มยิ้มเคร่ง เขาไม่ใคร่พอใจ แต่พูดอะไรมากไม่ได้เมื่อเขายังไม่สนิทกับครอบครัวนี้มากพอจนถึงขั้นต่อว่าได้
“ผมคงต้องขอตัว...แต่ขออนุญาตไว้ก่อนนะครับ วันไหนที่ผมมีเวลา ผมจะมาพาอันอันไปเที่ยวอีก”
ชายหนุ่มออกตัว เขาล้วงนามบัตรของตนเองออกมายื่นให้เก่งกาจ เพื่อแสดงตัวตน เขามาดี ไม่ได้ประสงค์ร้าย
“ครับๆ” ชายสูงวัยรับคำเสียงรัว นามบัตรสีขาว ตัวหนังสีทอง ระบุตำแหน่งของอีธาน จนแม้แต่ท่านเองยังตกใจ
อีธาน จาง
CEO จางไท่กรุ๊ป
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ คนระดับนั้น เกิดมาถูกตา ต้องใจหลานชายของตัวเอง
“แล้วเจอกันคร๊าฟลุง”
อันนาโบกมือไหวๆ ดวงตาละห้อยมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของอีธาน จนกระทั่งเขาหายไปจากสายตา
“ถ้าปะป๊าอันอันหล่อเหมือนลุงก็ดีนะคร๊าฟคุณตา” เสียงหลานชายเปรย ก่อนที่จะวิ่งตื๋อไปที่กองของเล่นมุมห้องโถง
ไพลินยกชายผ้าขึ้นซับที่หัวตา คุณยายนอกไส้น้ำตาซึม สงสารหลานชายจับใจ
“เราจะไม่บอกเรื่องนี้กับเมรีนะคุณไพ ผมไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจ”
การที่อันนาหลบออกไปนอกบ้าน โดยที่คนในบ้านไม่รู้ หากเมรีรู้เรื่อง...บุตรสาวของท่านคงร้อนใจ เก่งกาจจึงปรึกษากับภรรยาคู่ทุกข์ และนางเห็นด้วย เรื่องบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องบอก เพราะมันอาจทำให้เมรีกระวนกระวายไม่เป็นอันทำงาน...
ดังนั้น...เมรีจึงยังไม่รู้...อันนาได้เจอ ‘พ่อ’ ของเขาแล้ว แม้จะรู้จักในฐานะอื่น...