บทก่อนหน้านี้ บทที่3.ของขวัญจากพระเจ้า2/2
มันกลับไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิด เมื่อเมรีสงบลงเข้าสู่ภาวะปกติ สองพ่อ-ลูกจึงจูงมือกันลงมาจากชั้นบน
“หิวหรือยังลูก...พ่อจะได้หาอะไรให้กิน” มือแข็งแรงยกลูบศีรษะทุยได้รูปของบุตรสาว นับจากนี้ไป อีกไม่นานครอบครัวเมฆาไกรก็จะมีสมาชิกใหม่ เขาคงต้องเตรียมพร้อมอีกเยอะ แต่เก่งกาจรู้ เขาพร้อมสู้เสมอ เมื่อสมาชิกทุกคนคือคนสำคัญของเขา
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารมื้อเย็น โชยออกมาจากส่วนครัว เก่งกาจขมวดคิ้ว เขาประคองให้บุตรสาวนั่ง รีบสืบเท้าเดินตามกลิ่นไป
หญิงวัยกลางคนยืนอยู่หน้าเตาไฟ หล่อนกำลังสาละวนกับงานตรงหน้า หน้ามันย่องเพราะอยู่หน้าเตาไฟร้อนๆ กลิ่นที่โชยออกมานั่น คืออาหารมื้อพิเศษที่หล่อนกำลังปรุงรสนั่นเอง
“คุณไพ!!”
หนุ่มวัยกลางคนพ่อหม้ายลูกติดครางเสียงอ่อน เขามองหล่อนด้วยแววตามีความหนักใจ
“คุณนั่นเอง...หิวหรือยังคะ ไพมาเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” บ้านเมฆาไกรไม่มีแม่บ้าน เก่งกาจกับเมรีแบ่งงานกันทำ เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่นพอสมควร
“เอ่อ...” มันจุกจนตื้อ เก่งกาจไม่รู้จะบอกกับไพลินอย่างไร เธอจะได้ไม่ผิดหวังหรือเสียใจ
“คุณไม่ต้องพูดหรอกค่ะ ไพรู้...เป็นไพ ไพก็ต้องเลือกลูก ไพรอได้ค่ะ รอจนกว่าหนูเมรีจะยอมรับไพ”
มันเป็นความผูกพันที่เธอไม่สามารถตัดใจหันหลังให้คนในครอบครัวนี้ได้ ไพลินตั้งใจไว้ เธอจะอดทน และรอวันที่บุตรสาวของชายที่เธอคิดฝากผี ฝากไข้ยอมรับตนเองแบบสนิทใจ
“เห้อ!!” ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ “มันไม่ใช่แบบที่คุณไพคิดหรอกครับ ผมกับเมรีคุยกันแล้ว เธอยอมรับคุณไพ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมเกรงว่าคุณจะรับไม่ได้” เรื่องเลวร้ายครั้งนี้ เก่งกาจไม่อยากลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเขามามีส่วนรับรู้ด้วย
“คะ เกิดอะไรขึ้นกับหนูเมรีคะ?” ไพลินละล่ำละลักถาม...สัญชาตญาณความเป็นหญิงร้องเตือน ต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับบุตรสาวของผู้ชายตรงหน้าแน่
“มันเป็นเรื่องขายขี้หน้า ผมเลยอยากพักเรื่องของเราไว้ก่อน เพราะมันอาจจะทำให้คุณไพพลอยเสียชื่อไปด้วยน่ะครับ”
มีบุตรสาวท้องโย้คาบ้าน...โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อเด็กเป็นใคร? เรื่องแบบนี้มันร้ายแรงเกินกว่าครอบครัวไหนๆ จะรับได้
“เราไม่ได้คิดจะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันเหรอคะ?” สาวใหญ่ย้อนถาม หากคิดแค่จะมีแต่ความสุขอย่างเดียว จะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กันทำไม
เก่งกาจอึ้ง!! เขาไม่เคยคิดเช่นนั้น
“ถ้าหากคุณคิดแบบนั้น ไพคงเสียใจค่ะ ไพต้องการเป็นส่วนหนึ่งของเมฆาไกร ไม่ได้แค่อยากเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว” หญิงสาวพยายามชี้แจง อะไรก็ตามที่เป็นอุปสรรคเธอพร้อมจะฝ่าฟัน ไม่เคยหวั่นแม้มันจะยากลำบาก
“ผมเข้าใจ” ชายสูงวัยถอนใจแรงๆ “เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ” เขาตัดสินใจ หากมันจะต้องอาย เขาควรตั้งรับมันเสียแต่วันนี้ เพราะในวันข้างหน้า เก่งกาจคงเจออีกเยอะ เมื่อเมรียืนกราน เธอไม่มีวันทำร้าย ‘ลูก’ เป็นเด็ดขาด
“ค่ะ”
“เชิญครับ ฟังเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังก่อน แล้วคุณไพจะถอนตัวผมก็ไม่ว่าอะไร”
เก่งกาจเดินนำ ไพลินรีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เธอเดินตามชายสูงวัยไปด้วยความเร่งร้อน
“คุณพระ!!” สาวใหญ่อุทาน เธอยกมือทาบอก หลังฟังคำบอกเล่าจากผู้ชายตรงหน้า “มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ หนูเมรีไม่ใช่คนเหลวไหล” เธอเดินเข้า เดินออกบ้านหลังนี้ รู้จักกับครอบครัวเมฆาไกรมาไม่น้อย นิสัยส่วนตัวของเมรี ไพลินรู้เห็นมาตลอด ถึงจะเป็นบุตรสาวคนเดียว แต่เก่งกาจก็ไม่เคยสปอยร์บุตรสาวจนเสียคน เมรีอยู่ในกรอบ เป็นเด็กดีมาตลอด จนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นกับเธอ
เก่งกาจส่ายหน้า เขาถอนใจแรงๆ เมื่อเมรีไม่ปริปากพูดถึง ‘คน คนนั้น’ เลย
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ?”
ไพลินได้แต่ถาม แต่ไร้ซึ่งคำตอบ
“ผมไม่ว่านะคุณไพ หากคุณจะถอนตัวตอนนี้”
พ่อหม้ายลูกติดออกตัว ถึงจะเสียดายความสัมพันธ์แสนนาน แต่หากต้องเลือก เมรีมาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว
“คุณดูถูกไพค่ะ คุณพูดเหมือนไม่รู้จักไพ เมื่อไพคิดจะร่วมหัวจมท้ายกับคุณ...ปัญหาแค่นี้ ไพคิดว่าไพรับได้ เราจะเป็นคุณตา คุณยายที่ดีให้กับลูกของหนูเมรีกันค่ะ”
นั่นเป็นคำตอบที่ทำให้เก่งกาจยิ้มออก ในวันที่ได้รู้ข่าวร้าย ก็ยังมีข่าวดีให้เขาพอยิ้มออก
“ขอบใจนะคุณไพ”
สาวใหญ่ยิ้มรับ เธอสูดลมหายใจลึกๆ ในฐานะเพศหญิงเหมือนกัน เธอจึงรู้ เวลานี้เมรีคงรู้สึกเหมือนตกนรก แต่เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
เมื่อ ‘เด็ก’ เป็นของขวัญจากพระเจ้า ท่านมอบให้มวลมนุษย์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
6เดือนต่อมา...
เด็กชายตัวแดงๆ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ เขามีชื่อแสนไพเราะว่า
‘เด็กชาย อันนา เมฆาไกร’