บทที่ 4 หรือจะเป็นแค่เรื่อง…บังเอิญ (3)
“คุณข้าวเป็นนักธุรกิจค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ
“อุ๊ย แสดงว่ามีกิจการเป็นของตัวเองสินะ เหมือนแฟนของไอ้อู๊ดเลย รายนั้นก็ทำขนมปังขาย รายได้เป็นกอบเป็นกำ มีเงินฝากในธนาคารตั้งหลายแสนแน่ะ” นวลน้อยหัวเราะคิก แล้วถามต่อว่า “จะว่าไปแฟนเธอก็หน้าตาคุ้นๆนะมน เหมือนเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ ในโทรทัศน์ เอ…หรือจะเป็นดารา”
เขมปัจน์ถอนหายใจยาว เบื่อที่จะฟังผู้หญิงคนนี้พล่ามต่อไป เพราะรู้ดีว่าน้ำคำฟังแปร่งๆเหมือนจงใจแดกดันมนสิชา เขาจึงโอบไหล่บางเข้าหาตัวแล้วประกาศว่า
“ผมไม่ใช่ดาราหรอกครับ แต่เป็นนักธุรกิจธรรมดาๆ ไม่มีเงินแสนอย่างแฟนของลูกชายคุณหรอก ส่วนเรื่องบัตรเชิญแต่งงาน ผมต้องเชิญคุณแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วงนะ อีกไม่นานนี่แหละ”
“อุ๊ย ! แสดงว่าเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะถ้ารักกันจริงๆ แต่งงานกันเสียได้ก็ดีนะ ชาวบ้านจะได้ไม่เอาไปพูดลับหลัง”
มนสิชากัดฟันกรอด แล้วใครกันล่ะที่เป็นต้นตอของข่าวลือน่ะ ถ้าไม่ใช่นวลน้อยปากโทรโข่งประจำถิ่น !
“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับขนมที่มีน้ำใจให้มนนะครับ ไว้จะเชิญคุณมาร่วมงานแต่งของเรา”
“จ้ะ” นวลน้อยรับคำ ยืนเก้ๆกังๆ คันปากอยากคุยต่อ แต่พอเห็นหนุ่มสาวทำหน้าเหมือนอึดอัด จึงเปลี่ยนใจขอตัวเดินกลับบ้าน
เมื่อลับร่างสาวใหญ่ช่างสอดรู้แล้ว มนสิชาก็สะบัดตัวจนหลุดพ้นจากมือหนา ตากลมโตเขียวขุ่น
“อย่ามาฉวยโอกาสกับฉันอีก”
“ผมอุตส่าห์ช่วยกู้หน้าให้คุณนะ”
“กู้หน้าด้วยการบอกว่าจะแต่งงานกับฉันนี่นะ” หญิงสาวแหว “อีกไม่ถึงชั่วโมง คนละแวกนี้คงรู้เรื่องนี้หมด”
“ใครอยากรู้ก็ช่างเขาสิ คุณจะแคร์อะไร”
“ฉันจำเป็นต้องแคร์ เพราะฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคุณ”
เขมปัจน์นิ่งอึ้ง ก่อนถามเหมือนไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะฟังถูก “คุณบ้าไปแล้วเหรอไง วันก่อนคุณยังยอมรับคำสั่งจากคุณยายเรื่องแต่งงานกับผมอยู่เลย”
“แต่วันนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานโดยไร้ความรัก”
“แต่คุณก็ยอมขึ้นเตียงกับผมทั้งๆที่ไม่มีความรักมาแล้วนะมน ในเมื่อคุณรนหาที่ คุณก็ควรรับผิดชอบทุกอย่าง คุณทำผมเสียหายต่อครอบครัว คุณต้องรับผิดชอบที่มอมเหล้าแล้วขืนใจผม” เขาพูดเสียงเรียบ ทว่าแววตาลุกวาวราวเปลวเพลิง
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนจงใจขึ้นเตียงกับเขาเพื่อหลอกเอาเงิน ถึงเขาจะเมาเพียงใด เขาก็มีสติทุกครั้ง และมั่นใจว่าคืนที่จัดงานวันเกิดให้มารดา เขาไม่ได้มีอะไรกับหล่อนแน่ๆ
ซ้ำหล่อนยังเรียกร้องเอาเงิน โวยวายให้คนในบ้านของเขาได้ยินจนเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต ในเมื่อหล่อนกล้าทำกับเขาถึงขั้นนี้ เขาก็จะเอาคืนให้สาสม !
ชีวิตของหล่อนหลังแต่งงานจะต้องพบเจอแต่ความทุกข์ ให้รู้เสียบ้างว่าอย่ามาล้อเล่นกับคนอย่างเขา
และถ้าวันไหนที่เบื่อเจ้าสาวขี้โกงอย่างหล่อน เขาก็จะจัดแจงหย่าให้หล่อนไปพ้นจากชีวิตเขาทันที
“แต่ฉัน…” หญิงสาวก้มหน้า น้ำตาเอ่อรื้น สับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
“คุณยายของผมแก่มากแล้ว ท่านคงอยากเห็นผมมีหลานสะใภ้เร็วๆ และคุณก็บังเอิญทำเรื่องเข้าพอดี คุณยายเลยจัดการให้คุณแต่งงานกับผม คุณก็ต้องแต่งเพื่อคุณยาย แต่งสักครึ่งปีแล้วค่อยหย่า คุณจะว่าไง”
“ถ้าสุดท้ายต้องหย่ากัน แล้วจะแต่งงานตั้งแต่แรกทำไม” หล่อนถามพลางเงยหน้าขึ้นมองเขา และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มใจหายวูบเมื่อเห็นหยดน้ำใสไหลรินจากดวงตาคู่สวย
ใจหนึ่งอยากปาดน้ำตาออกให้ แต่ทิฐิที่มีได้ห้ามเขาเอาไว้…จะใจอ่อนทำไม ก็แค่น้ำตาจากนางมารร้ายจอมเสแสร้ง !
“คุณต้องการเงินไม่ใช่เหรอมน ถ้าแต่งงานกับผม หากคุณมีลูกให้ผมสักคน หลังหย่า ผมยินดีจ่ายให้ 10ล้าน”
“มีลูก !” หล่อนตาโตอย่างตกใจ “ฉันไม่พร้อม”
“ผมน่ะไม่ได้อยากแต่งงานหรอก เพราะหากต้องทนอยู่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวไปชั่วชีวิตคงน่าเบื่อน่าดู แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว อยากได้ลูกสักคนให้คุณยายอุ้มในบั้นปลายชีวิต”
“คุณไม่อยากรักใคร แต่คุณต้องการลูกงั้นหรือคะ” มนสิชากระพริบตาอย่างไม่แน่ใจนัก “แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอไงว่าเด็กคนนั้นอาจจะไม่มีความสุข หากไม่มีแม่”
“แต่ผมเชื่อว่าจะทำให้ลูกมีความสุขโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแม่ได้แน่ๆ ว่าไงล่ะคุณมน ผมต้องการฟังคำตอบจากคุณว่าจะเซย์เยสหรือเซย์โน”
หญิงสาวขมวดคิ้ว เม้มปากแน่นอย่างขบคิด หล่อนร้อนเงิน เพราะค่ารักษาของเมลินีสูงมาก ลำพังผู้หญิงตัวเล็กๆที่ฐานะไม่ค่อยดีอย่างหล่อนจะมีปัญญาหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน
แต่ถ้ายอมแต่งงานกับเขา หล่อนก็จะมีเงินมาช่วยรักษาหลานสาวอย่างเต็มที่…
มนสิชาบีบมือตัวเองแน่นอย่างว้าวุ่นใจ เช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มตัวเองลวกๆแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาใหม่อีกครั้ง เห็นเขากำลังจ้องมองมาอย่างรอคอยคำตอบเช่นกัน หล่อนจึงถอนใจ บอกว่า
“ขอเวลาคิดสักนิดได้ไหมคะ”
“ก็ได้ แต่ตอนนี้ผมอยากดื่มน้ำ”
“งั้นเข้าบ้านก่อนค่ะ” หล่อนพูด พลางดึงกุญแจออกจากกางเกงยีน ไขกุญแจบ้านทั้งๆที่มือเย็นเฉียบด้วยความกังวลระคนสับสน
ชายหนุ่มทรุดลงนั่งบนโซฟาที่ห้องโถง พลางรับแก้วน้ำเย็นที่หล่อนส่งให้มาจิบอย่างใจเย็น
“ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
“เชิญ…กลับจากห้องน้ำเมื่อไหร่ ผมขอคำตอบจากคุณด้วยนะมน”
“ค่ะ” หล่อนเดินเข้าห้องน้ำ โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อลับหลังหล่อนแล้ว เขมปัจน์รีบลุกไปทางโทรทัศน์ซึ่งบนนั้นตั้งรูปถ่ายผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กทารกตัวจิ๋วที่กำลังยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข
รูปผู้หญิงหน้าตาละม้ายคล้ายมนสิชาจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกัน จะต่างกันตรงที่คนในรูปดูผอมกว่า ไม่มีน้ำมีนวล ซ้ำยังผิวคล้ำกว่าเยอะ
แต่เขาไม่สนใจหรอก ในอดีตของมนสิชา หล่อนอาจเคยผอมแห้งแบบนี้มาก่อนก็ได้ แต่สิ่งที่ดึงความสนใจจากเขาได้คือเด็กผู้หญิงในอ้อมแขนของหล่อนต่างหากล่ะ
ชายหนุ่มดึงรูปถ่ายในกระเป๋าเสื้อออกมา หลังกลับจากที่ทำงาน เขาได้แวะที่บ้านเพื่อค้นหารูปสมัยเขายังเด็กซึ่งอยู่ในอัลบั้มมาด้วย 1 ใบ เพื่อพิสูจน์บางอย่าง…
เขาลองเทียบรูปตัวเองตอนอายุ 3-4 เดือน กับใบหน้าของเด็กหญิงคนนั้นแล้วก็ถึงกับใจหายวาบเมื่อพบว่าละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด
ตากลมโต จมูกโด่ง และลักยิ้มสองแก้มนั่น เหมือนเขาไม่มีผิด !
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มจึงรีบเก็บภาพของตนไว้ที่เดิม แต่ยังไม่ทันจะได้ถอยกลับไปนั่งบนโซฟา มนสิชาก็เดินมาถึงตัวเขาเสียก่อน
“คุณข้าวคะ…” หล่อนเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหม่นๆ
“ว่าไง ?”
“ฉัน…ตกลงค่ะ แต่ในวันแต่ง ฉันขอเงินล่วงหน้าสักแสนหนึ่งก่อนจะได้ไหมคะ” หล่อนตัดสินใจบอกเขา แม้หน้าจะชาหนึบด้วยความอายก็ตาม เขาคงมองว่าหล่อนเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินสินะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้หล่อนต้องการเงินเหลือเกิน…
“ได้” เขาตอบรับเหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร “ถ้างั้นผมกลับบ้านก่อนนะ จะไปเรียนคุณยาย หากได้ฤกษ์ดีเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณอีกครั้ง”
“ค่ะ ขับรถระมัดระวังนะคะ” หญิงสาวเดินไปส่งเขาที่รถ จวบจนรถยนต์ราคาแพงเคลื่อนหายไปจากสายตาแล้วนั่นแหละ หล่อนถึงกลับเข้ามาในบ้านแล้วทรุดลงนั่งบนพื้นเย็นเฉียบ ร่ำไห้ออกมาเมื่อทนต่อไปไม่ไหว
ตอนเด็กๆเคยใฝ่ฝันอยากแต่งงานกับผู้ชายรูปหล่อที่รักหล่อนเพียงคนเดียว ทว่าเมื่อเติบโตเป็นสาวจึงได้รู้ว่าความฝันกับความจริงนั้นต่างกัน
เขมปัจน์เป็นผู้ชายที่หล่อมากและกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของหล่อนในอนาคต ทว่า…เขากลับไม่มีความรักให้หล่อนเลยแม้แต่น้อย ในสายตาเขาคงมองว่าหล่อนเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน เห็นแก่ตัว และเป็นนางมารร้ายที่น่าเกลียดชังมากกว่าจะชวนให้นึกเสน่หา !