บทที่ 1 ราคีรัก ในคืนลวง (2)
มนสิชาใจเต้นตึกตัก ด้วยไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ได้แต่นอนตาแข็ง เกร็งไปทั้งตัวเพื่อพร้อมตั้งรับกับสถานการณ์ น้ำที่หล่อนหยอดใส่ตาก็พลอยเหือดแห้งเพราะเขายังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อไม่เห็นว่าเขาจะตื่นเสียที หญิงสาวจึงคลายความเครียดลงแล้วเผลอม่อยหลับไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนมือใหญ่ของใครคนหนึ่งเขย่าต้นแขนอย่างแรง
“ตื่น…ตื่นสิเว้ย”
เสียงเรียกและแรงเขย่าทำให้หล่อนลืมตาตื่น สิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกคือใบหน้าคมเข้มของผู้ชายวัย 29 ปี แม้หน้าจะหล่อเหลา ทว่าดวงตากลับฉายชัดถึงความไม่พอใจ
“ตื่นแล้วเรอะ รีบจัดเสื้อผ้าให้ดีแล้วไปจากบ้านผมซะ ผมจะบอกกับคู่นอนทุกครั้งว่าห้ามอยู่บนเตียงกับผมจนถึงเช้า และคุณก็ไม่ใช่คู่นอนของผม แต่กลับมานอนข้างผมทั้งคืน”
มนสิชาหน้าซีด แต่กระนั้นหล่อนก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ ยันกายลุกนั่งแล้วใช้ผ้าห่มคลุมช่วงอกเพื่อปิดบังชุดวับๆแวมๆนั่นให้รอดพ้นจากลูกตาคมวับที่กำลังจ้องมองมาอย่างเชือดเฉือน
“ทำไมจะไม่ใช่คู่นอน เมื่อคืนคุณหื่นแค่ไหน คุณลืมแล้วหรือคะ ?”
“ผมไม่เคยลืม ต่อให้เมาแค่ไหนก็จำทุกอย่างได้ เมื่อคืนผมจัดงานวันเกิดให้คุณแม่ คุณเป็นใคร ผมก็ไม่รู้จัก แต่คุณเป็นคนสวย คุณเข้ามาเสนอผมเอง ผมถึงยอมพาคุณเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันทำอะไรคุณ ผมก็หลับไปก่อน”
“ไม่จริง ! คุณพูดแบบปัดความผิดให้พ้นตัวชัดๆ” หญิงสาวตะโกนก้อง หยดน้ำใสรื้นคลอหน่วยตาคู่สวย “คุณไม่ได้หลับ”
“ผมหลับ…และสาเหตุที่ผมหลับก็คงเป็นเพราะคุณขาดเสน่ห์ ออกไปจากบ้านผมซะ” ชายหนุ่มไล่เสียงเครียด มองเมินไปทางอื่น แม้จะยอมรับว่าหล่อนมีเรือนร่างเย้ายวน และมีใบหน้าที่สะสวยดึงดูดเพศตรงข้าม ทว่าเขาไม่เคยคิดจะเชื่อใจผู้หญิง
ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ขอเพียงมีความสะดวกสบายมอบให้หล่อน พวกหล่อนเหล่านั้นก็จะยินดีถวายให้เขาทุกสิ่งแม้กระทั่งความสาว แต่หากวันใดที่เขาไม่มีอะไรเหลือติดตัว ผู้หญิงที่เคยพร่ำว่ารักเขานักหนาก็จะตีจากอย่างไม่เหลียวแล
ประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมาสอนให้เขาแกร่งกล้าและไม่คิดจะไว้ใจใครง่ายๆอีกต่อไป !
“ฉันเสียสาวให้คุณไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบฉัน อย่ามาปัดความรับผิดชอบแบบนี้นะ คุณเห็นแก่ตัวที่สุด”
เมื่อถูกกล่าวหาว่า‘เห็นแก่ตัว’ ชายหนุ่มก็ตาลุกวาว เขาจับไหล่บางสองข้างของหล่อนบีบอย่างแรง เสียงห้าวถามกระชากเหมือนไม่สบอารมณ์
“เสียสาวงั้นรึ ? คุณคิดว่าผมจะเชื่อเหรอไงว่าผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆอย่างคุณจะยังซิง อย่ามาหลอกผมซะให้ยาก อ้อ แล้วที่บอกจะให้ผมรับผิดชอบน่ะหมายความว่าไงมิทราบ”
มนสิชาปากสั่น กลัวเขาในตอนนี้ที่สุด แต่ความจำเป็นสะกดให้หล่อนต้องเชิดหน้าแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้ราบเรียบที่สุด
“จ่ายฉันมา 5 แสน แล้วฉันจะไปจากชีวิตคุณ จะไม่เอาผิดคุณในเรื่องนี้”
“5 แสน !” ตาคู่คมเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจุดรอยยิ้มหยันตรงมุมปากได้รูป “อ้อ ที่แท้ก็หวังเงินนี่เอง ความจริงเงิน 5 แสน ขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอกครับ แต่ผมไม่อยากให้เงินผู้หญิงเห็นแก่ได้อย่างคุณ รู้ไว้ด้วยว่าผมจะไม่ให้คุณแม้แต่บาทเดียว ออกไปจากห้องนอนของผมซะ”
หญิงสาวหน้าเผือด ไม่คิดว่าเขาจะหัวแข็งเช่นนี้ แต่หล่อนก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะได้กลั้นใจพูดออกไปว่า
“ถ้างั้นคุณก็ต้องให้ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณ เลือกเอาว่าจะยอมแต่งงานกับฉันหรือจะจ่ายมา 5 แสนบาท ! ”
เขมปัจน์อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลกมากกว่าจะเกรงกลัวในคำขู่นั้น เขาพ่นคำร้ายกาจใส่หน้าหล่อนว่า
“เป็นคำขู่ที่น่าขันที่สุดเท่าที่ผมเจอมา ฟังให้ดีนะคุณคนแปลกหน้า ผมจะไม่มีวันจ่ายเงินให้คุณสักแดง และก็จะไม่มีวันยอมให้คุณใช้นามสกุลร่วมกับผมด้วย”
ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันอย่างเคืองขุ่น แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่ผิด กระนั้นหล่อนก็ไม่อาจทิ้งโอกาสนี้ไปได้ ด้วยเหตุจำเป็นที่บีบคั้นหัวใจทำให้หล่อนต้องทำทุกอย่างแม้จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินก็ตาม
มือเล็กคว้าหมับที่มือใหญ่ซึ่งวางบนต้นไหล่ของหล่อนแล้วตะโกนเสียงดัง
“คุณข้าว ทำไมคุณทำแบบนี้คะ ทำไมคุณทำแบบนี้ คุณจะรับผิดชอบฉันยังไง ฮือๆ” หยดน้ำตาหลั่งรินอาบพวงแก้มสาว นี่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสแสร้ง แต่สถานการณ์ที่หล่อนเผชิญอยู่ก็ทำให้หล่อนอยากร้องไห้จริงๆ
อายเหลือเกินที่ต้องทำตัวแบบนี้ อายเหลือเกินที่ต้องทำเหมือนไร้ยางอาย
แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อหล่อนคิดหาหนทางอื่นไม่ได้แล้วจริงๆ
เขมปัจน์ตาค้าง ไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าทำเช่นนี้ จึงรีบผลักหล่อนออกห่าง แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะประตูได้เปิดออกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน
นุชนาถ…คุณยายวัย 80ปีนั่นเอง แม้สังขารจะล่วงเลยตามเวลาที่ผันผ่านไปเรื่อยๆ ทว่าแววตากลับยังฉายชัดถึงความเจ้าระเบียบและมีอำนาจอยู่ในที
แม้สีผมจะยังดำสนิทเพราะผ่านการย้อมทุกเดือน แต่ท่วงท่าการเดินก็เริ่มงกเงิ่นตามประสาคนแก่ที่เคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก
นางมองมาที่เตียงด้วยแววตาประหนึ่งตกใจระคนคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าพ่อหลานชายตัวดีจะพาผู้หญิงมาฟัดกันนัวเนียบนเตียง ซ้ำทั้งคู่ยังอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยดีนัก
“ทำอะไรกัน” ถามเสียงเฉียบ และมนสิชาก็มองหญิงชราเหมือนเห็นสวรรค์ รีบปราดลงจากเตียงมานั่งกอดขาเหี่ยวๆนั่นไว้แล้วสะอื้นไห้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
“คุณยายขา ช่วยมนด้วย เมื่อคืนคุณข้าวเมาแล้วพามนเข้าห้อง มนต้องเสียความบริสุทธิ์ไป แต่คุณข้าวกลับมองไม่เห็นคุณค่าความสาวของมนแถมยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดด้วยค่ะ”
“เธอไม่ต้องเกาะขาฉันก็ได้” นุชนาถบอกเสียงแข็ง แล้วมองไปทางหลานชายที่นั่งเปลือยอกอวดกล้ามเนื้อสวยๆอยู่บนเตียง “เป็นเรื่องจริงรึตาข้าว ?”
“ไม่จริงครับ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธทันควัน โดยไม่ลืมที่จะปรายตามองมนสิชาอย่างคาดโทษ
“ถ้าไม่จริง แล้วสิ่งที่ฉันเห็นเมื่อครู่นี้คืออะไร ?”
คำถามนี้สร้างความอึดอัดใจให้เขมปัจน์ไม่น้อย เขาได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะภาพเมื่อกี้ก็ชวนให้คนที่เห็นเข้าใจผิดได้ง่ายๆ แต่สุดท้ายเขาก็ตอบว่า
“ผมจำได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้ทำอะไรแม่นี่แน่ๆ”
“แต่เมื่อคืนแกเมาไม่ใช่รึ ?” คุณยายส่งคำถามซักไซ้ สมเป็นอดีตผู้พิพากษาที่เคยตัดสินคดีนับไม่ถ้วน และมีบ่อยครั้งที่เผลอใช้สัญชาตญาณผู้พิพากษากับคนในครอบครัว
รวมทั้งครั้งนี้ด้วยกระมัง ?
เขมปัจน์ได้แต่เงียบ ไม่โต้กลับอะไรอีก บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบงัน จนมีอีกคนโผล่พรวดเข้ามา ตามด้วยเสียงแหลมที่ร้องถาม
“เกิดอะไรขึ้น เหมือนได้ยินเสียงคนโวยวายในห้องนี้”