ตอนที่ 4 โชคลูกพ่อ
ชานนท์พูดจาเสียงหวาน โอบกอดคนตัวเล็กกว่า รสรินซบใบหน้างามลงที่แผลงอกแกร่ง รอยยิ้มวานผุดขึ้นมาในทันใด กลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้อยู่ ก็เป็นเธอที่ซื้อให้
“หอมจัง” เธอกล่าวน้ำเสียงไพเราะ ก่อนจะเงยหน้าสบตาคุณอาสุดหล่อ “ทั้งหอมทั้งหล่อขนาดนี้ รสจะไม่รักได้ยังไงละคะ”
“จริงหรือเปล่า” คนตัวโตช้อนร่างแน่งน้อยลอยขึ้น ก่อนนำร่างเล็กไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ เขาใช้โอกาสที่สาวเจ้าไม่ขัดคืน คร่อมร่างเล็กกักขังเอาไว้เบื้องล่าง พรางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไปสองเม็ด
“จะทำอะไรคะ กลางวันแสก ๆ” เธอถามอย่างใสซื่อ แต่ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
“กินข้าวต้มกลางวันได้ไหมครับ” ชายหนุ่มยิ้มยียวน รูปไล้เรียวขานุ่มนิ่มของเธอ ทว่าสายตากลับมองอยู่ที่ทรวงอกอันอวบอิ่ม ที่เด่นสะดุดตาอยู่ตรงนี้ ลำคอชานนท์แห้งผาก กลืนน้ำลายลงคอช่างยากเย็นนัก
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ไม่ได้” ฝ่ามือน้อย ๆ ของรสรินผลักคนตัวโตให้ถอยห่าง รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน ไม่มีท่าทีตระหนกตกใจจนเสียขวัญ
“เย็นนี้รสมีนัดกับตะวัน อานนท์ถอยไปเลยค่ะ ที่รีบกลับมาก็เพราะเรื่องยัยป้าคนนั้น” เธอกำลังบิดรถจักรยานยนต์ว่าจะไปที่บาร์ของฉายตะวันเสียหน่อย พอดีมีข้อความเข้า ด้วยความใจร้อนเลยรีบซิ่งรถมาหา โชคดีที่ขับมอเตอร์ไซค์ได้ ไม่อย่างนั้นคงมาไม่ทัน
“ไม่แน่อาจพบแม่ที่นั่น ช่วงนี้เห็นเงียบไม่อยากโทรรบกวน” เธอยิ้มร้าย ก่อนจะมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วเขย่งปลายเท้ากระซิบกระซาบอย่างจงใจว่า “ก็ดีเหมือนกันนะคะ มีสามีทั้งทีก็เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ได้เลย” รสรินพูดเล่น อันที่จริงมันก็ใช่นั่นแหละ
“เดี๋ยวเถอะเราเนี่ย” คนตัวโตน้อยใจ ขึ้นเสียงเบา ๆ ใส่ ไม่กล้าชักสีหน้า ประเดี๋ยวหล่อนจะหลังแหวนใส่ เขาไม่เคยหวาดกลัวใคร แต่กลับเกรงอกเกรงใจแม่หลานสาวคนนี้
“ล้อเล่นค่ะ ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงไหมคะ” รสรินพูดพลางใช้มือน้อย ๆ เขี่ยยอดอกหยอกเย้าเล่น
“ลองเลยไหม ช่วงนี้อาว่างนะ” ล้อเล่นแบบนี้มันไม่ดี คนอย่างเขาก็หิวเป็นอยากเป็นเหมือนกัน แต่แม่กวางตัวเล็กของเขานี่เก่งกาจ หลอกยากนัก เขาเองที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งร่อง
“ไม่ได้ค่ะ อย่าลวนลามกันแบบนี้สิคะไม่ดี ไม่น่ารักเลย” ดูสายตาของคุณอาสุดหล่อก็ชวนให้ขึ้นเตียงนัก รสรินต้องข่มใจเอาไว้ให้มั่น อย่าได้ริเริ่มในเวลาที่ไม่สมควร ทะเบียนสมรสยังไม่ได้จด ยังเป็นเมียของคุณอาขาหื่นไม่ได้
“อาจะบอกให้นะ อาน่ะน่ากินไปทั้งตัว หนูรสได้ลิ้มลองเดี๋ยวจะเรียกร้องอย่างชิมแล้วชิมอีก” ชานนท์ยิ้มพร่างพราว เดินเข้าไปใกล้ ๆ ใช้มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้ ท่าทางเหมือนแบดบอยทีเดียว
สงสัยจะดูละครเยอะเกินไป อานนท์ของรสรินก็เลยเพี้ยนหนัก “พูดจาน่าเกลียด ออกไปได้แล้วค่ะ” หล่อนคิดว่าจะพูดจาอย่างที่คิดเอาไว้ แต่กลัวว่าคุณอาสุดหล่อจะน้อยใจ ประเดี๋ยวต้องไปง้อกลัวว่าจะจบลงบนเตียงนอน ไม่ได้เด็ดขาด
ในจังหวะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาสามสี่ครั้ง ตามด้วยเสียงเรียกขาน “นนท์คะ ช่วยด้วยค่ะ มีตัวอะไรก็ไม่รู้อยู่ในห้องน้ำค่ะ” พลอยลดานุ่งเพียงแค่ชุดคลุม เผยให้เห็นเนื้อขาว ๆ แล้วยังมียอดถันที่โผล่นูนเด่นสะดุดตา หวังว่าชานนท์จะอ่อนระทวย
“นั่นไงคะ เรียกหาแล้ว ออกไปสิ” รสรินหน้าง้ำงอ
“อาไม่อยากออกไปสักหน่อย อยากนอนในห้องนี้ใจจะขาด” ชายหนุ่มเว้าวอน ส่งสายตาออดอ้อนช่างดูน่ารักน่ากระทืบนัก รสรินกลอกกลิ้งตาไปมาถ้อยคำของเขาเชื่อถือได้แค่ครึ่งเดียว
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ รสจัดการเอง” รสรินปลดกระดุมลงสองเม็ด ปล่อยผมสยายเต็มแผ่นหลัง หลังจากที่กลับมาเธอก็รัดผมเพื่อความสะดวกสบาย แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว เธอแสร้งทำผมยุ่งเหยิงพันกัน
หญิงสาวเปิดประตูออกมาเล็กน้อย “มีอะไรคะ” หล่อนอยากถามว่า ยัยป้ามีอะไรงั้นหรือ
พลอยลดากวาดสายตามองเข้าไป แต่ก็ไม่เห็นว่าชานนท์อยู่ในห้องนี้ “คือว่ามีแมลงสาบอยู่ในห้องน้ำ พี่กลัวค่ะ” หญิงสาวแทนตนเองว่าพี่ อดเสียดายไม่ได้
รสรินมองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า หน้าตาของพลอยลดาแก่กว่าแม่ของเธออีก จะเรียกป้าก็ยังได้เลย เด็กสาวเป็นคนขวานผ่าซาก พูดโพล่งขึ้นมาอย่างจงใจ “ป้าโตจนป่านนี้แล้วจะกลัวทำมะเขืออะไร”
“นี่เธอ” พลอยลดาหงุดหงิดตะคอกใส่ "พูดจาดี ๆ ก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องแดกดันกันแบบนี้" มันดูถ่อยสถุน คำหลังนี้เธอไม่พูดมันออกมา ทั้ง ๆ ที่อยากจะพูดใจจะขาดอยู่รอมร่อ
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่วายที่แม่สาวน้อยจะพูดจาแดกดันให้อีกหน “อยู่ที่นี่ รบกวนแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อยนะคะ ไม่ใช่แต่งตัวมายั่วผู้ชายแบบนี้ คนเขามีเจ้าของแล้ว ก็ยังจะหน้าด้านอยู่ต่ออีก” หนนี้รสรินทนไม่ไหว พูดจาต่อว่าต่อขานชุดใหญ่นี่ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ที่จริงรสรินไม่ใช่คนจัดจ้าน จะด่าเก่งกาจอะไรนัก
พลอยลดาร้อนรุ่มดังไฟแผดเผา ถูกเด็กเมื่อวานซืนด่าอีกครั้ง ถึงจะเป็นอย่างนั้น หล่อนก็แสร้งยิ้มหวานพร้อมกับกุมมือของรสริน “พี่ขอโทษนะคะ ต่อไปจะไม่แต่งตัวแบบนี้อีก พี่มีเรื่องลำบากใจจริง ๆ ค่ะ” หล่อนเสแสร้ง
เพราะคู่แข่งเป็นคนแข็งกร้าว พูดจาเหมือนขวานผ่าซาก ไม่มีทางที่ชานนท์จะทนคำพูดจาแบบนี้ได้นานนัก อีกหน่อยเด็กคนนี้ก็จะไร้ความหมาย
ชานนท์แม้ฐานะไม่ดี แต่ก็เป็นผู้ดีเก่า พูดจาไพเราะรื่นหูมาแต่ไหนแต่ไร แต่วันนี้กลับรับเด็กเหลือขอมาดูแล พูดจาก็ส่อเสียดไร้มารยาท คาดคงไม่เคยถูกอบรมสอนสั่งการพูดจากับคนอื่น
“อยู่ไหน ตัวอะไร” เด็กสาวขี้รำคาญ ไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านด้วย
“น่าจะเป็นแมลงสาบค่ะ พี่ตกใจเลยรีบวิ่งออกมาก่อน” พลอยลดาส่งเสียงเบา ตีหน้าเจี๋ยมเจี้ยมให้อีกฝ่ายตายใจ
“ก็แค่แมลงตัวเล็ก ๆ แค่นี้ จะกลัวไปได้” ทีอย่างอื่นละไม่กลัว รสรินไม่อยากพูดรู้สึกกระดากปาก เป็นเด็กเป็นเล็กพูดเรื่องบนเตียงคงไม่เหมาะนัก แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางของยัยป้าคนนี้ก็คงจะเป็นจริง คงจะกลัวจริง ๆ เด็กสาวรู้สึกผิดแต่ก็ไม่เอ่ยคำขอโทษ
ภายนอกนั้นดูแข็งกระด้าง แต่รสรินเป็นคนใจกว้าง และใจดี แต่อย่าให้ใครมาทำร้ายเธอทางคำพูด หรือแววตา ไม่อย่างนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ถูกด่า ยกเว้นบิดามารดา แล้วอนุโลมให้ว่าที่สามีอีกคน
“หนูรสคะ หนูรสของป้า มานี่เร็วค่ะ” ป้าชิดวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
รสรินเห็นแบบนั้นก็ตกใจ เอ่ยถามเสียงดังว่า “มีอะไรคะ”
“เจ้าโชคนะสิคะ กิน...กินช็อกโกแลตไปค่ะ” ป้าชิดหน้าซีดตัวสั่น เจ้าโชคคือน้องหมาแสนรักของหนูรส ปกติแล้วก็จะวิ่งซนอยู่หน้าบ้าน วันนี้มีแขกมา เจ้าโชคกลัวก็เลยไปเดินเล่นแถวหลังบ้านถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา
“ตายจริง อานนท์คะ” หนนี้รสรินตกใจมาก กลัวว่าลูกรักจะตุยเสียก่อนเธอเรียกคุณอาเสียงหลง
ชานนท์ซ่อนตัวอยู่หลังประตู ได้ยินว่าเจ้าโชคหมาน้อยตัวโปรดของหลานรักก็รีบเปิดประตูพรวดพราดอย่างร้อนใจ รีบคว้ามือหลานรักลงบันไดอย่างเร่งรีบ “เอาไอ้หนูขึ้นรถเลยครับ”
ไอ้หนู คือคำเรียกเวลาที่ชานนท์เรียกเจ้าโชค ลูกหมาจรจัดตัวหนึ่ง ที่ถูกรับเลี้ยงโดยรสริน ไม่รู้ว่าไปถูกตาถูกใจเจ้าหมาน้อยตัวนี้ได้ยังไงกัน เก็บเอามาจากข้างทาง ก็เลยตั้งชื่อให้ว่าเจ้าโชค หรือโชคดีนั่นแหละ
รสรินแทนตัวเองว่าแม่ ส่วนเขาก็เรียกโชคว่าไอ้หนูของพ่อ
“ไม่ได้ค่ะ ช่วงนี้รถติด ไปมอเตอร์ไซค์ดีกว่า รสขับเอง” จะบอกว่าอยู่เมืองเหนือการขับขี่มอเตอร์ไซค์ถือเป็นเรื่องปกติ ใครจะขับรถยนต์เข้าสวนส้มกันเล่า นอกจากจักรยานก็มีแค่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นที่ขี่ได้ และในเวลานี้คนสำคัญคือเจ้าโชค สุนัขแสนรู้
“ได้ค่ะ” ป้าชิดรีบวิ่งไปหลังบ้าน เพราะเจ้าหมาตัวนี้เอาหน้ามุดถังขยะ บังเอิญเก็บขนมมารวมกันยังไม่ได้นำไปทิ้งที่ถังใหญ่ จู่ ๆ เจ้าโชคก็เอาหน้ามุดจนถังขยะล้มลงมา เห็นจมูกกับปากเลอะคราบสีดำ ๆ มองชัด ๆ ก็รู้ว่าน่าจะเป็นช็อกโกแลตแน่ ๆ
“อานนท์คะ เกาะแน่น ๆ แล้วก็อุ้มลูกให้ดี ๆ นะคะ” ป้าชิดมาถึง ดูสีหน้าแล้วไม่ดีเลย หน้าจ๋อยเหมือนรู้สึกผิด แต่คนเป็นแม่นี่แทบจะร้องไห้
ชานนท์นั่งด้านหลัง วางเจ้าโชคไว้ตรงกลาง มืออีกข้างหนึ่งเกาะเอวหลานรักเอาไว้ ทำให้พลอยลดามองไปทั้งคู่ด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะหันกลับเข้าไปในห้องของตนเอง
ก่อนจะออกรถ ชานนท์กำชับเจ้าตูบตัวเล็กว่า “ลูกชายพ่อนั่งดี ๆ นะครับ แม่เขาจะซิ่งแล้วนะ”